วันศุกร์ที่ 20 มกราคม โดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี คนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา

โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งที่อายุมากที่สุด คือ 70 ปี

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน เป็นเจ้าตำแหน่ง เข้ารับตำแหน่งในปี 1981 ตอนอายุ 69 ปี

ทรัมป์สูง 190 เซนติเมตร หนัก 107 กิโลกรัม เมื่อเอาน้ำหนักกับส่วนสูงของทรัมป์มาคำนวณค่าดัชนีมวลกาย หรือ Body Mass Index (BMI) ได้ค่า 29.5 ซึ่งถือว่าเป็นคนอ้วน ที่เฉียดฉิวกับการเข้าข่ายเป็นโรคอ้วน

โดยคนที่มีค่าดัชนีมวลกายเกิน 30 ขึ้นไป ถือว่าเป็น โรคอ้วนระดับ 1

สูตรการหาค่า BMI คือ น้ำหนัก (กิโลกรัม) หาร ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ในกรณีของ โดนัลด์ ทรัมป์ คือ 107 หาร 1.90 X 1.90 = 29.5

นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่ารูปร่างถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกประการของภาพลักษณ์ผู้นำประเทศ ตลอดจนผู้บริหารองค์กร เพราะหากปล่อยตัวให้อ้วนฉุ ก็อาจถูกมองว่าเป็นคนขี้เกียจ ไร้ระเบียบ ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำ

แม้ โดนัลด์ ทรัมป์ เกือบเข้าข่ายเป็นโรคอ้วน แต่ตัวเขาก็ยืนยันว่าตัวเองแข็งแรงมาก โดยบอกว่า ครั้งสุดท้ายที่นอนป่วยในโรงพยาบาลก็ตอนอายุ 11 ขวบ

ส่วนความสามารถด้านกีฬานั้น เจ้าตัวบอกว่าเขาเป็นนักกอล์ฟฝีมือดีแฮนดิแคป 3 และได้แชมป์ระดับสโมสรมาหลายรายการ

จากการวิจัยของ Center of Creative Leadership หรือสถาบันภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสถาบันของประเทศอเมริกา ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีผลงานวิจัยเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำอย่างสม่ำเสมอ ได้รายงานผลการศึกษาที่น่าสนใจในปี 2013 ถึงน้ำหนักตัวของผู้บริหาร กับผลกระทบด้านภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำและประสิทธิภาพการทำงานในสายตาของพนักงาน องค์กร และลูกน้อง

ดังนั้น ผู้บริหารองค์กรที่มีค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI สูงกว่า 25 เป็นต้นไป ซึ่งก็คือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรือตัวอ้วน จะถูกพนักงานในองค์กรมองว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานย่อหย่อนรวมถึงปฏิสัมพันธ์กับพนักงานก็ย่อหย่อนด้วย เพราะคนตัวอ้วนมักถูกมองว่าสุขภาพไม่ดี ไม่ฉับไว ไม่มีระเบียบวินัย

ส่วนผู้บริหารที่มีค่า BMI ต่ำกว่า 25 หรือเป็นคนไม่อ้วน จะมีภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำที่ดีกว่าผู้บริหารตัวอ้วน

ทำให้สมัยนี้ การมีร่างกายฟิต ไม่อ้วน กลายเป็นภาพลักษณ์สำคัญของผู้บริหาร

ส่วนพุงพลุ้ย ดูมาดเสี่ยนั้น เป็นรูปร่างผู้บริหารที่ดูล้าสมัยไปแล้ว

ผู้นำระดับโลก และนักการเมืองคนสำคัญๆ เดี๋ยวนี้เล่นกีฬา ออกกำลัง ดูแข็งแรง ฟิตเปรี๊ยะ ไม่อ้วน เพราะว่าไปแล้วเป็นสิ่งจำเป็นในตำแหน่งหน้าที่ เพราะช่วยให้สุขภาพดี พร้อมสู้กับงานหนัก และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี น่าเชื่อถือ เป็นคนที่ฟิตจัดพร้อมรับมือกับปัญหาต่างๆ ในฐานะผู้นำประเทศ

พอล ไรอัน (Paul Ryan) อดีตคู่ชิงรองประธานาธิบดีของ มิตต์ รอมนี่ย์ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้เทนสหรัฐ และได้รับการจับตาว่าในอนาคตจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ขึ้นชื่อในเรื่องการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก เขาเคยให้สัมภาษณ์เรื่องการออกกำลังกายโดยบอกว่าใช้โปรแกรม พี ไนน์ตี้เอ็กซ์ (P90X) ซึ่งเป็นดีวีดีออกกำลังกายที่ผสมผสานการยกน้ำหนัก โยคะ การวิ่ง และออกกำลังกายหลายๆ อย่างเข้าด้วยกัน สามารถดูดีวีดีออกกำลังกายที่บ้านวันละไม่เกินชั่วโมง สัปดาห์ละ 6 วัน และรับประกันว่าจะสร้างกล้ามหน้าท้อง หรือซิกซ์แพ็ก ภายใน 90 วัน

พอล ไรอัน ซึ่งจะมีอายุครบ 47 ปี ในวันที่ 29 มกราคม สูง 185 เซนติเมตร หนัก 74 กิโลกรัม ออกกำลัง ควบคุมอาหารเพื่อรักษาระดับไขมันในร่างกายให้อยู่ระหว่าง 6% ถึง 8% โดยเล่าว่าก่อนหันมาเล่นการเมือง เขาเคยเป็น Personal Trainer หรือเทรนเนอร์สอนออกกำลังกาย

หันมาสนใจสุขภาพอย่างมาก หลังจากพ่อเสียชีวิตจากหัวใจวาย ตอนตัวเขาอายุเพียง 16 ปี

สําหรับผู้นำประเทศคนปัจุจุบันที่หุ่นเป๊ะก็เช่น

นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) ของแคนาดา วัย 45 ปี ที่รักการออกกำลังกาย สามารถทำโยคะท่ายากได้จนกลายเป็นที่ฮือฮา และชอบชกมวย

ประธานาธิบดี เอ็นริเก้ เปญญา นิเอโต (Enrique Pe?a Nieto) วัย 50 ปี ของเม็กซิโก เป็นคนชอบการวิ่ง และกระตุ้นให้คนเม็กซิกันออกกำลังเพื่อลดน้ำหนักและลดโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในเม็กซิโกอยู่ตอนนี้ โดย 32% ของผู้ใหญ่ในเม็กซิโก เป็นโรคอ้วน

ที่ลืมไม่ได้คือ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน วัย 64 ปี ของรัสเซีย ที่มีภาพโชว์ชาวโลกว่าเล่นกีฬาหลายอย่าง ทั้ง ยูโด ขี่ม้า ฮอกกี้น้ำแข็ง ขับรถแข่ง งัดข้อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูโดเป็นกีฬาที่ปูตินเก่งระดับได้สายดำ ชั้น 5 (ระดับสูงสุด คือ สายดำชั้น 10)

ความเก่งสารพัดกีฬาของปูตินทำให้ได้รับการขนานนามว่า King of All Sport

ไม่ทราบว่าเชียร์หรือประชด