นักการเมืองกับข้าราชการ | มนัส สัตยารักษ์

กรณีวิวาทะระหว่างนักการเมือง (นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร.) กับข้าราชการ (พ.ต.ท.ประเทือง ผลมานะ รอง ผกก.สภ.กะรน จ.ภูเก็ต) เป็นข่าวนำในสัปดาห์ที่ผ่านมา

ผมดูคลิปหนแรกแล้วใจเต้นเหมือนดูนักกีฬาไทยชิงแชมป์ แน่อนครับผมเชียร์ฝ่ายข้าราชการตำรวจ

นึกถึงตัวเองที่เคยเป็นตำรวจท้องที่มาก่อนหลายปีและหลายท้องที่ ช่างโชคดีที่ไม่เคยตกอยู่ในสถานะเช่นคุณประเทือง

เป็น ร.ต.ต.เพิ่งปลด “ว่าที่” มาหมาดๆ แต่นักมวยจะเข้ามาไหว้เราก่อนขึ้นชกบนเวที รู้สึกว่าตัวเองใหญ่กว่าที่เป็นจริง และกระดากเพราะแถวที่เรานั่งมีข้าราชการอำเภอและข้าราชการครูอาวุโสกว่าเรานั่งอยู่ด้วยหลายคน แต่นักมวยถูกสอนให้มาไหว้ตำรวจ คิดได้อย่างเดียวว่าเป็นประเพณีเมื่อ 60 ปีก่อนที่ประชาชนเขาให้เกียรติตำรวจ

ครั้งเป็นรองสารวัตรกองปราบปราม เคยร่วมกับคุณจารึก เมฆวิชัย (พล.ต.ท.) จับกุมกระเพาะปลาหนีภาษีในโกดังริมน้ำ ท้องที่ สน.บุปผาราม มีนักการเมืองชื่อดัง ส.ส.จังหวัดฉะเชิงเทรา มากร่างเป็นเจ้าของแล้วไปพบ “ผู้ใหญ่” ซึ่งสั่งลงมา (โดยไม่ได้ตะคอก) ให้คืนของกลาง

เจ็บใจอยู่ไม่นาน ไอ้ ส.ส. “จอมกร่าง” รายนี้ก็ไปถูกจับและติดคุกที่ต่างประเทศ

ดูคลิป “วิวาทะ” ที่กะรน ครั้งต่อๆ มาก็ยังใจเต้นอยู่เหมือนเดิม ยิ่งดูยิ่งยกย่องคุณประเทืองมากขึ้นที่สามารถคุมสติได้ด้วยคาถาของตำรวจ… “อดทนต่อความเจ็บใจ”

“ถ้าเป็นอำนวยเอง ไม่แน่ใจว่าท่องคาถาบทนี้แล้วจะเอาอยู่” พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน (กรรมการปฏิรูประเทศ) รุ่นพี่ของ พ.ต.ท.ประเทืองโพสต์ไว้ใน “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

เรื่องเริ่มมาจาก 2 กรณี กรณีแรกที่ดินตาม นส.3 ก. ที่ถูกศาลพิพากษาเพิกถอน กับอีกกรณี เรื่องใบอนุญาตให้สร้างคอนโดมิเนียม ทั้ง 2 กรณีไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่เป็นเรื่องซับซ้อน

เรื่องแรกคือเรื่องที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินภูเก็ตได้ออกโฉนดที่ดิน (โดยมิชอบ) มาตั้งแต่เมษายน 2555 แล้วผู้มีชื่อในโฉนดได้ขายต่อเปลี่ยนมือในเวลาอันรวดเร็วแทบจะวันต่อวัน จนถึงมือนายทุนซึ่งมีชื่อ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. อยู่ด้วย เรื่องที่ดินนี้มีการอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด

อีกเรื่องคือเรื่องการออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ซึ่งเป็นเรื่องของเทศบาลกะรน ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและอยู่ในระหว่างดำเนินการ

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 กรณีไม่เกี่ยวกับราชการของตำรวจ

ประเด็นที่ ส.ส.สิระ เจนจาคะ กล่าวหา พ.ต.ท.ประเทือง ผลมานะ มี 2 ประเด็นเช่นกัน

ประเด็นแรกคือ ตำรวจไม่ดูแลรักษาความปลอดภัย ส.ส.สิระกับคณะ

ประเด็นที่ 2 คือ กล่าวหาว่าตำรวจไม่จับกุมเจ้าของโครงการหรือผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งที่เป็นความผิดซึ่งหน้า

ทั้ง 2 ประเด็นที่ถูกกล่าวหา พ.ต.ท.ประเทืองพยายามชี้แจงอย่างสุภาพ แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้แก่นายสิระ และนำไปสู่การแสดง “วิวาทะ”

ผมไม่อยากตัดสินด้วยตัวเองว่าใครผิด (เพราะมีอคติเต็มตัว) จึงขออ้างคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่กล่าวต่อสื่อมวลชน…

“ต้องเห็นใจการทำงานของตำรวจเขาเพราะงานก็เยอะ และไม่มีกติกาว่า ถ้า ส.ส.ลงพื้นที่ต้องมีคนไปดูแล ถ้าอยากให้ดูแลและกลัวอันตรายให้ทำหนังสือขอตำรวจ นายสิระไม่เข้าใจกฎข้อนี้หรือเปล่า ส่วนการที่จะให้ตำรวจไปจับคนนั้นคนนี้-ไม่ได้ จะต้องมีกระบวนการขั้นตอน ต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษ และมีการตัดสินคดีขั้นต้นไปแล้ว…ถึงจับกุมได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปมองว่าคนนั้นหรือคนนี้ผิดแล้วไปจับเลย-ทำไม่ได้”

ดูสีหน้านายกรัฐมนตรี เห็นชัดว่าไม่พอใจอาการกร่างของ ส.ส.สิระ

ผมพยายามถอดเสียงพูดจากคลิป ใจเต้นเหมือนดูแมนนี่ ปาเกียว ตะบันคู่ชกปากขยะ (trash)

“ผมไม่ใช่ขู่นะ ที่อื่นเขาดูแลว่า ส.ส.มาทำงาน… พรุ่งนี้ผมจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง”

“เดี๋ยวครับพี่ ใจเย็นนะครับ พี่ใช้คำว่าให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง แสดงว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วหรือครับ”

“ไม่ผิดอย่างไร ผมมาปฏิบัติหน้าที่ก็รู้อยู่…แล้วคุณอยู่ที่ไหน เถียงใช่ไหม”

“ก็ใช่ ผมตรวจ…”

“อย่ามาขึ้นเสียงกับผม มีประโยชน์ไหม มาขึ้นเสียงกับผมน่ะ”

“ผมชี้แจงให้ฟัง…”

“ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว คุณมาขึ้นเสียงกับผมได้ไง ไอ้น้อง ผมมาทำงานเพื่อบ้านเมือง…”

จุดแตกหักมันอยู่ตรง “พรุ่งนี้ผมจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง” ซึ่งแสดงว่าครั้งนี้ตำรวจผิดไปแล้ว

นายสิระทึกทักตีขลุมว่า พ.ต.ท.ประเทืองผิดที่ไม่มาดูแลคณะของ ส.ส.!

ส่วนที่ ส.ส.ถูกกล่าวหาจากสื่อโซเชียลและตำรวจทั่วไปว่าไม่ให้เกียรติตำรวจและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของตำรวจนั้น เกิดหลังจากคำพูด “อย่าขึ้นเสียงกับผม…เดี๋ยวเจอกัน”

มีผู้อยู่ในเหตุการณ์คนหนึ่งดึงตัว พ.ต.ท.ประเทืองออกไปจากสถานการณ์วิวาทะ ครู่ต่อมา พ.ต.ท.ประเทืองก็กลับเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “ถ้าผมขึ้นเสียง ผมก็ขอโทษ”

แต่ ส.ส.สิระกลับไม่ยอมรับ พูดราวกับ พ.ต.ท.ประเทืองเป็นเด็กว่า “เขาขอโทษกันยังไง …คนไทยเค้าขอโทษกันยังไง”

พ.ต.ท.ประเทืองคงท่องคาถา “อดทนต่อความเจ็บใจ” แล้ววันทยหัตถ์พร้อมกล่าวคำขอโทษอีกครั้ง “ถ้าผมกล่าววาจาที่ไม่ถูกต้อง ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ”

“นี่คือบทเรียนนะ” เสียงของ ส.ส.สิระ “ให้โอกาสแล้วนะ”

วิวาทะระหว่างนักการเมืองบ้าอำนาจกับข้าราชการผู้ไม่ยอมเป็นเบี้ยล่าง คงมีให้เห็นและฟังกันอีก

เว้นแต่ว่าบิ๊กการเมืองไม่ได้บ้าอำนาจตามบริวารที่บ้าไปแล้ว

พฤติกรรมของคนที่ไม่รู้จักตัวเองหรือ “หลงตัวเอง” เป็นเรื่องแก้ไขยาก ก่อนหน้านี้ (1 ก.ค.2562) มีเพจของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ลงภาพ ส.ส.สิระกับคำพูดประณามเลขาธิการพรรค พปชร.ของตัวเอง และจะยื่นญัตติขับไล่ในวันรุ่งขึ้น

ผมไม่แน่ใจว่าเป็นของจริงหรือของปลอม จึงยังไม่ลงในรายละเอียด