อนุสรณ์ ติปยานนท์ : เงาสะท้อน

เมืองในหมอก (18)

รถยนต์สองคันแล่นติดตามกันไปบนถนนอันเวิ้งว้าง เดียวดาย ระหว่างการเดินทาง นายหมอกสีเทาขบคิดถึงเป้าหมายจากการเดินทางครั้งนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขบคิดถึงมันอย่างจริงจัง เขามาถึงที่นี่เพราะเหตุใด เขาต้องการค้นพบเส้นขอบฟ้าที่หมอกควันพิษไม่อาจเดินทางมาถึงจริงละหรือ

หรือเขาเพียงแต่ต้องการออกเดินทางกับหญิงสาวผู้นั้นเพียงลำพัง

เขาเชื่อมั่นจริงหรือว่าเส้นขอบฟ้านั้นมีอยู่จริง หรือว่าที่แท้เขาไม่เชื่อมั่นในการค้นพบนั้นเลยแต่ขอเพียงได้นั่งเคียงข้างเธอในการเดินทางก็พอแล้ว

ความลังเลที่ว่านี้เกิดขึ้นกับนายหมอกสีเทาหลังการพบกับชายผู้นั้น อะไรที่ทำให้ชายผู้นั้นใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขท่ามกลางหมอกควัน

อะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ชายผู้นั้นไม่ต้องทนอยู่ภายใต้หน้ากากป้องกันมลพิษ

และอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ชายผู้นั้นออกใช้ชีวิตเช่นนี้ นี่เป็นคำตอบที่นายหมอกสีเทาสนใจใคร่รู้และเขาเชื่อว่าท่ามกลางบทสนทนาที่ร้านอาหารดังกล่าว เขาจะค้นหาคำตอบนั้นให้ได้ไม่จากทางใดก็ทางหนึ่ง

ถนนที่รถยนต์ทั้งสองคันแล่นผ่านไปช่างไม่มีความแตกต่างใดเลย เมื่อปราศจากบ้านเรือน เมื่อปราศจากผู้คน ถนนทั้งหลายในโลกนี้ล้วนแลดูเป็นเช่นเดียวกัน ราบเรียบ น่าเบื่อหน่าย และเมื่อมีหมอกควันเข้าปกคลุม ถนนเหล่านี้ยิ่งแลดูน่าเบื่อหน่ายขึ้นกว่าเดิม ภาพตลอดทางของมันมีแต่ผืนดินรกร้างและหมอกควันสีเทาจาง

มันเหมือนกับการขับรถอยู่ในท่อขนาดใหญ่ที่มีผนังด้านข้างเป็นสีเทา ราบเรียบและแสนจะน่าเบื่อหน่าย

 

ราวหนึ่งชั่วโมง รถยนต์คันข้างหน้ากะพริบไฟที่ท้ายรถเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้เป้าหมายที่ต้องการแล้ว

และหลังจากนั้นอีกราวสิบนาที รถคันดังกล่าวก็จอดลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง รอบๆ ร้านอาหารมีอาคารบ้านเรือนชั้นเดียวเรียงตัวกันเป็นแถว ลักษณะไม่ต่างจากเรือนแถวในภาพยนตร์คาวบอยยุคโบราณ ถนนผ่ากลางเมืองที่เงียบสงบ

ผู้คนที่ไม่ปรากฏตัวแต่แอบมองจากม่านบังตา

ร้านเหล้าที่พร้อมจะเกิดการทะเลาะวิวาทได้ทุกเมื่อ

ท้องฟ้าที่ซึมเซาและบุคคลแปลกหน้าที่กำลังนำพาหายนะมาสู่เมือง

นายหมอกสีเทานึกถึงฉากดังกล่าว เขาถอนหายใจ หลังหายนภัยแห่งหมอกควันทุกอย่างดูเหมือนจะสะดุดหยุดนิ่งลง

ทุกอย่างดูเหมือนจะถอยหลังกลับไปในกาลเวลา

เขารู้สึกดังว่าอีกไม่นานมนุษย์อาจจำเป็นจะต้องละทิ้งการเดินทางอันทันสมัยในแบบที่เขาใช้อยู่ และกลับไปเดินทางด้วยม้าหรือลาแทน

ไฟฟ้า และพลังงานทั้งหลายรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกล้วนทำให้ธรรมชาติเลวร้ายลง

นั่นเป็นคำกล่าวที่เขาได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน

ดังนั้น ทางเดียวที่จะพลิกฟื้นธรรมชาติให้กลับคืนมาคือการถอยหลังไปสู่โลกที่ถูกกระทบกระเทือนน้อยที่สุด แต่เขารู้ดีว่าความรู้สึกดังกล่าวเป็นเรื่องเพ้อฝัน พัฒนาการของมนุษย์ไม่เคยถอยหลัง มันเพียงแต่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าหรืออย่างเร็วเท่านั้นเอง

ชายคนดังกล่าวลงจากรถ เขาเดินตรงมาที่รถของนายหมอกสีเทา

“ร้านอาหารอยู่ข้างหน้า คุณเข้าไปก่อนได้ ผมจะขอวนหาสถานที่เติมไฟฟ้าให้รถตนเองสักครู่ พบกันข้างในนั้น”

 

นายหมอกสีเทาลงจากรถ เขาเปิดประตูรถอีกด้านให้หญิงสาวผู้นั้น เธอลงจากรถ เดินตรงไปยังร้านอาหารโดยมีนายหมอกสีเทาเดินเคียงข้าง

เขาเปิดประตูร้านให้เธอ ข้างในร้านนั้นเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟขนาดเล็กที่มีผู้คนจำนวนมากหนาแน่นอยู่ภายใน

นายหมอกสีเทาคิดถึงสภาพของคนที่หยาบคาย ดิบเถื่อน แต่กลับเป็นว่าทุกคนในนั้นหันมามองผู้มาใหม่ ยิ้มต้อนรับอย่างเป็นมิตรก่อนจะกลับสู่บทสนทนาของพวกเขา

สิ่งที่น่าสนใจคือทุกคนในนั้นไม่มีใครสวมใส่หน้ากากป้องกันมลพิษ

แต่สิ่งที่นายหมอกสีเทาประหลาดใจอย่างเป็นที่สุดคือการที่สภาพในร้านไม่ต่างจากร้านกาแฟในเมืองของเขา

ร้านกาแฟที่เขาได้พบกับหญิงสาวผู้นั้นในหลายเดือนก่อน

นายหมอกสีเทาชวนหญิงสาวให้นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง ทั้งคู่ดูเหมือนจะรับรู้ในความแปลกประหลาดนี้พร้อมกัน

หญิงสาวผู้นั้นมองไปรอบๆ ก่อนที่เธอจะแสดงสีหน้าตระหนกตกใจอย่างยิ่งออกมา นายหมอกสีเทามองตามสายตาของเธอ ที่ผนังห้องชายชราผู้อ่านหนังสือ 1984 ที่นายหมอกสีเทาเคยพบกำลังนั่งสนทนากับหญิงสาวผู้หนึ่ง

และหญิงสาวที่กำลังสนทนากับชายชราผู้นั้นมีใบหน้าท่าทางไม่แตกต่างจากหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างนายหมอกสีเทาในยามนี้

เธอแต่งกายในชุดเดียวกับที่หญิงสาวผู้นั้นแต่งในวันที่นายหมอกสีเทาพบเธอ

หญิงสาวที่กำลังสนทนากับชายชราผู้นั้นมีชีวิต มีเลือดเนื้อ และเธอแทบไม่ต่างจากหญิงสาวเบื้องหน้าเขา

ทั้งคู่ราวกับฝาแฝดที่สะท้อนซึ่งกันและกัน ทั้งคู่ราวกับเป็นภาพมายาที่เดินออกจากกระจกที่มองไม่เห็นภายในร้านนั้น

 

ในสภาวะคนแปลกหน้า ในสภาวะที่ต้องเผชิญกับเมืองที่ไม่รู้จัก นายหมอกสีเทาและหญิงสาวผู้นั้นรู้สึกตัวคล้ายกับการถูกเล่นตลกโดยเฉพาะนายหมอกสีเทา เขาอดคิดไม่ได้ว่านี่คือกับดักของชายผู้นั้น

เขาอาจจัดหาคนที่เหมือนเธอไว้ล่วงหน้า ล่อลวงพวกเขาให้มาที่นี่ ให้ตกใจ ประหวั่นพรั่นพรึงจนสิ้นเรี่ยวแรงและหมดพลังในการป้องกันตน

หลังจากนั้น เขาประสงค์ในทรัพย์ ในรถยนต์หรือแม้แต่สิ่งอื่น ไม่มีใครในโลกเหมือนกันได้เพียงนี้ หญิงสาวผู้นั้น หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างนายหมอกสีเทาต้องมีเพียงผู้เดียว

นายหมอกสีเทาตัดสินใจจะเข้าไปร่วมโต๊ะกับชายชราและหญิงสาวที่เป็นดังคู่แฝดกับหญิงสาวผู้นั้น

เขาต้องการค้นหาความจริงให้ได้ไม่ทางใดทางหนึ่ง

แต่ก่อนที่นายหมอกสีเทาจะทำเช่นนั้น ใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน นายหมอกสีเทาหันไปมองที่ประตู ชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูร้านเข้ามาข้างใน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างไล่เลี่ยกับนายหมอกสีเทา

แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขามีใบหน้าที่ไม่แตกต่างจากนายหมอกสีเทาเลย

ชายผู้มาใหม่เลือกโต๊ะที่มุมซึ่งนายหมอกสีเทาเคยนั่งในหลายเดือนก่อน

บัดนี้ทั้งนายหมอกสีเทาและหญิงสาวผู้นั้นได้มีใครสักคนที่เปรียบดังเงาที่มีชีวิต พวกเขาทำในสิ่งที่นายหมอกสีเทาและหญิงสาวผู้นั้นกระทำเมื่อหลายเดือนก่อน

พวกเขาทำให้คนทั้งคู่อดรู้สึกไม่ได้ว่าผู้ใดกันที่เป็นบุคคลจริงๆ มีชีวิตจริงๆ มีเลือดเนื้อจริงๆ

เป็นเขาหรือใครอีกคนที่เหมือนเขาราวกับเงาที่มีขนาดสมจริง

 

ชายหนุ่มผู้นั้นไม่เพียงแต่เป็นเงาในด้านรูปลักษณ์ หากแต่ยังเป็นดังเงาในทุกสิ่ง เขานั่งลงที่มุมซึ่งนายหมอกสีเทาเคยนั่ง ลอบมองหญิงสาวผู้นั้นในแบบที่นายหมอกสีเทาเคยทำ

ทุกอากัปกิริยา ทุกอาการล้วนเป็นไปในลักษณะที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน

ชายชราที่นั่งอยู่ข้างผนังหัวเราะและสนทนาอย่างออกรสกับหญิงสาว

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าและท่าทางคล้ายนายหมอกสีเทาลุกออกจากโต๊ะ เขาเดินตรงไปยังห้องน้ำ และแอบเหลือบมองไปที่หนังสือในมือของชายชรา

“ช่างเป็นการกระทำที่เป็นดังการกรอกลับซึ่งฟิล์มภาพยนตร์” นายหมอกสีเทานึกกับตนเอง และเมื่อได้เห็นตนเองอีกครั้ง นายหมอกสีเทาอดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างดูเงอะเงิ่นเสียนี่กระไรในวันนั้น

“คุณตามฉันมาในวันนั้น” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ย นายหมอกสีเทาตื่นจากภวังค์ส่วนตน เขาหันไปสบตาเธอแล้วพยักหน้ารับ “ผมเห็นคุณที่ท้องถนน คุณราวกับแม่เหล็กที่ดึงดูดผม ผมตามคุณมาที่นี่ นั่งลงที่โต๊ะตัวนั้นและลอบมองคุณ”

ป่วยการที่จะปฏิเสธ การเล่นกลับอีกครั้งของภาพยนตร์กำลังดำเนินไป “นายไม่มีทางปิดบังข้อเท็จจริงใดๆ ได้อีกต่อไป”

“และคุณอยากรู้ว่าฉันสนทนาถึงหนังสืออะไรกับชายผู้นั้น”

นายหมอกสีเทาพยักหน้ารับอีกครา “ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ ทำทีราวกับว่าจะไปที่ห้องน้ำและลอบมองหนังสือในมือของชายชราผู้นั้น”

“ดังนั้น คุณจึงรู้จัก 1984” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ย

“ใช่ ดังนั้น ผมจึงรู้จักหนังสือ 1984 และดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองนับจากนั้น”

บทสนทนาถูกทำให้หยุดยั้งลง ชายคนนั้นผู้นำทั้งคู่มาที่นี่ เดินเข้ามาในภายร้าน เขามองหานายหมอกสีเทาจนพบ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม “พวกคุณยังไม่ได้สั่งอาหารใดเลย ไม่หิวหรือว่ามีอะไรผิดปกติไป”

เขาหันไปมองรอบๆ ก่อนจะหันกลับมามองนายหมอกสีเทากับหญิงสาวผู้นั้น