รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/เงินดิจิตอลทางเลือกใหม่ สนามรบแห่งอนาคต การประท้วงในฮ่องกง

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

เงินดิจิตอลทางเลือกใหม่

สนามรบแห่งอนาคต

การประท้วงในฮ่องกง

 

“สินทรัพย์” ยุคใหม่ในอนาคต Cryptocurrency หรือเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่ คือเงินดิจิตอล (เช่น Bitcoin, ethereum ฯ) เป็น “สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัสลับ” ด้วยการเข้ารหัสส่วนตัวและการเข้ารหัสยืนยันตัวตน เป็นการกระจายอำนาจโดยใช้การเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยการทำธุรกรรมและควบคุมการสร้างเหรียญใหม่

จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น เทคโนโลยีใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก ธนาคารขนาดใหญ่ จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเป็นแหล่งการเติบโตของ “สินทรัพย์” ยุคใหม่ในอนาคต

Cryptocurrency ในโลกปัจจุบันคงต้องเน้นไปที่เทคโนโลยี Blockchain เทคโนโลยี Blockchain นั้นถูกพัฒนาให้ดีขึ้นจากแนวคิดของระบบธนาคารแบบเดิมๆ ที่มีศูนย์กลางข้อมูลลูกค้าและการเดินบัญชี การเบิกจ่ายจำเป็นต้องเป็นเจ้าของบัญชีเท่านั้น ไม่สามารถเบิกถอนได้ง่ายๆ

ระบบใหม่นี้ทำให้ตัวกลางอย่างธนาคาร “หายไปทันที”

ระบบใหม่อย่าง Blockchain ทุกข้อมูลจะเชื่อมโยงกันทั้งระบบ ถ้ามีรายการใหม่ๆ เข้ามาในระบบ ทุกระบบจะรับรู้ มีการตรวจสอบข้อมูลทั้งเครือข่าย ด้วยคุณสมบัติของความรวดเร็ว โปร่งใส ต้นทุนต่ำ ไม่ต้องมีตัวกลาง

นอกจากจะใช้ในการโอนเงินดิจิตอลอย่าง Bitcoin แล้ว ยังสามารถนำประโยชน์ด้านการเป็นสังคมไร้เงินสดเป็นจริงเร็วขึ้น ทั้งในด้านการซื้อขายหุ้นที่จำเป็นต้องใช้ความปลอดภัยสูง

 

กรณีฮ่องกงประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิ ผู้ชุมนุมฮ่องกงไม่มีแกนนำ ไม่มีผู้นำความคิดคนดัง ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ จนลุกลามปิดสนามบิน การขัดขวางการบินของสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างจริงจังในการกดดันรัฐบาล รวมถึงการต่อต้านการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การท่องเที่ยวถือเป็นภาคเศรษฐกิจหลักที่ทำรายได้คิดเป็น 5% ของจีดีพีฮ่องกง และนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเกือบ 50% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยแต่ละปีชาวจีนมาฮ่องกงเฉลี่ย 20 ล้านคน และสูงสุดอยู่ที่ 27 ล้านคน

เมื่อธุรกิจท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อน นั่นหมายถึงธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยวของเกาะฮ่องกง ต่างก็ได้รับผลกระทบ

ซึ่งช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน เรียกได้ว่าเป็น “ฤดูกาลท่องเที่ยว” ในฮ่องกง โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (IHG) เผยว่า ยอดการจองห้องพักชะลอไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยยอดจองห้องพักในเดือนกรกฎาคม ลดลงกว่า 20% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เช่นเดียวกับโรงแรมแมริออท ที่ยอดจองห้องพักเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาลดลงไปราว 23%

“ธุรกิจค้าปลีก” กำลังเจ็บปวดกับสถานการณ์การประท้วงไม่ต่างกับภาคธุรกิจอื่น “แอนนี่ เหยา เจ้” (Annie Yau Tse) ประธานสมาคมการค้าปลีกฮ่องกง กล่าวว่า “ฤดูกาลช้อปปิ้ง” ในฮ่องกงคือเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม แต่การประท้วงที่รุนแรงขึ้นส่งผลให้ยอดขายค้าปลีกลดลงเป็นเลข 2 หลัก ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

หากรวมการค้าขายอื่นๆ หรือปิดสนามบินที่กระทบต่อทุกสายการบินทั้งขาเข้าและขาออก ความเสียหายนี้ล้วนพอกพูนขึ้นทุกวัน สถานการณ์นี้จะจบอย่างไร หลังการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยการเรียกร้องให้ถอนร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนผ่านมานานเกิน 2 เดือน ยังไม่มีใครยอมใคร

https://twitter.com/maryhui/status/1138675837165641733/photo/1

 

ในยามนี้ที่ฮ่องกง วัยรุ่นส่วนใหญ่ในเมืองให้ความสำคัญ Cryptocurrency กลายเป็นสนามรบแห่งอนาคต คนเหล่านี้ไม่ต้องการใช้ระบบชำระเงินแบบ Octopus เพราะกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะติดตามการทำธุรกรรมของตน

แนวโน้วความเป็นไปได้ในการที่ผู้คนในฮ่องกงจะหันมาซบอก Bitcoin เนื่องจากว่าพวกเขาป้องกันการถูกเฝ้าดูจากรัฐบาล

คริปโตเคอร์เรนซี่ก็มีบทบาทสำคัญ เมื่อเกิดการประท้วงในกลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา Bitcoin ถูกขายในราคา 160 ดอลลาร์พรีเมียมบนเว็บเทรดฮ่องกงนาม TradeBit และขายที่ 80 ดอลลาร์พรีเมียมต่อมา วอลุ่มการเทรดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเมืองมีเอทีเอ็ม Bitcoin กว่า 39 แห่ง ร้านอาหารและร้านค้ารับรองการชำระเงินด้วยคริปโต เศรษฐีบางคนก็เคลื่อนย้ายเงินของพวกเขาไปต่างประเทศเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของจีนมายุ่งเกี่ยว ผู้คนจำนวนมากหันมาลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี่แทนเพื่อลดความเสี่ยง

จากการที่นโยบายทางการเงินของจีนกับฮ่องกงมีความแตกต่างกัน ไม่สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินกันได้ ในฮ่องกงได้มีการพัฒนาเงินดิจิตอล Blockchain มานานแล้วหลายปี ตรงข้ามกับของประเทศจีน

จึงเรียกได้ว่าเป็นนโยบาย “หนึ่งประเทศสองระบบ”

 

ในขณะที่ประชาชนชาวฮ่องกงมีความระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับรัฐบาลจีนและระบบการชำระเงินแบบเข้าระบบส่วนกลาง เพื่อต้องการเข้ามาควบคุมการเงินของพวกเขา

คริปโตเคอร์เรนซี่จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญกับการใช้จ่ายทำกิจกรรมระหว่างการประท้วง

การประท้วงได้ดำเนินมาเพียงสองเดือน แต่เมื่อสกุลเงินดิจิตอลกลายเป็นทางเลือกของระบบชำระเงินของจีน เราจะเริ่มเห็นการแตกแยกอย่างรุนแรงในเมืองที่อยู่ในความดูแลของจีน

จากนี้ไปเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงินของผู้คนอาจเปลี่ยนแปลงมากขึ้นด้วยสถานการณ์บีบบังคับ ภาคธุรกิจที่สามารถตั้งอยู่บนมาตรฐานการกำกับดูแล, หลักนิติธรรม, กรอบนโยบาย และกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำธุรกิจในฮ่องกงอย่างเสรี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ “แตกต่าง” จากแผ่นดินใหญ่โดยสิ้นเชิง

 

ที่มา

https://beincrypto.com/cryptocurrency-demand-soars-in-hong-kong-as-protests-continue/