การตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว – เรื่องโรแมนติกของ ‘มาร์ช จุฑาวุฒิ’

“ตอนเด็กๆ ผมเคยอิจฉานักฟุตบอล” ช่วงหนึ่งของบทสนทนา มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล เผยความรู้สึกนั้นกับ “มติชนสุดสัปดาห์”

แนบเหตุผลมาว่า เป็นเพราะเขาเองก็ชอบเล่นบอล จึงรู้สึกว่าคนที่นำความชอบมาใช้เป็นอาชีพได้ โชคดียิ่ง และตอนนี้เขาก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้โชคดีเหล่านั้น เพราะ “ผมรักการแสดงแล้วละ”

ทั้งนี้ นักแสดงวัย 26 เล่าว่า แรกๆ ที่เข้ามา เขาคิดเพียงว่าเมื่อโอกาสมาถึงก็คว้าไว้ โดยไม่ได้มองไกลว่าจะยึดเป็นอาชีพ อยู่ในข่ายตั้งใจทำงานนะ แต่ไม่ได้รัก

มารู้ตัวอีกครั้งว่า “เราไม่เคยอยู่กับสิ่งไหนได้นานเท่านี้ ตอนนี้เรา 26 อยู่วงการบันเทิง 7-8 ปี เท่ากับ 1 ใน 3 ของชีวิต ก็คงชัดแล้วว่า รักจริงๆ”

แถมเป็นความรักแบบไม่รู้ตัวว่าเกิดขึ้นตอนไหน

“รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกสนุกไปแล้ว ที่จะเป็นตัวละครตัวนั้น ตัวนี้”

“โรแมนติกเนอะ” บอกแล้วเขาก็ยิ้ม

มาร์ชซึ่งแสดงมาแล้วหลายบท บอกด้วยว่า นึกๆ แล้วเขาเองยังไม่อยากเชื่อว่านอกเหนือจากจะไม่เคยเบื่อ หรือไม่ชอบในบทต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ทุกบทที่ผ่านมายังทำให้เขารู้สึกสนุกและท้าทายตลอดเวลาขณะเล่น

“ไม่เคยมีคำถามเลยว่าทำไมเราต้องมาทำตรงนี้”

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่า “แต่สำหรับภาพรวมในวงการบันเทิง มันจะมีจุดที่เราท้อบ้าง ทำให้เซ็งบ้าง แต่ว่าเราเรียนรู้และอยู่กับมัน”

ทั้งนี้ เมื่อถามถึง “จุด” ที่ว่า มาร์ชหัวเราะเบาๆ แล้วว่า อันที่จริงก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกแค่บางห้วงขณะ

จากนั้นก็ผ่านเลยไป

ในส่วนของงาน ตอนนี้นอกจากละครเรื่อง “สู้ตายนายกระจับ” ที่กำลังออกอากาศทางช่อง LINE TV โดยรับบทเป็นชายหนุ่มผู้รักสันติ ไม่เคยคิดจะใช้กำลังกับใคร แต่เกิดดวงซวยต้องขึ้นชกมวยด้วยความจำเป็น โดยคิดเพียงว่านัดเดียวพอ แต่กลับได้เจอกระจับลึกลับ ที่ทำให้คึกคักราวกับมีผีสิง เตะถีบคู่ต่อสู้ไม่ยั้ง เรื่องราวต่างๆ จึงเกิดขึ้น

ซึ่งการมารับบทนี้ มาร์ชว่าเขาต้องไปเรียนรู้เรื่องการต่อยมวยก่อนถ่ายทำนาน 3-4 เดือน ซึ่งนานพอจะทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกีฬาชนิดนี้เปลี่ยนแปลงไป

นั่นคือจากที่เคยมองว่าเป็นกีฬาที่ใช้กำลัง และสร้างความตื่นเต้นให้ตลอดเวลา เป็นรู้สึกด้วยว่าเป็นกีฬาที่ต้องมีการวางแผน อ่านเกมคู่ต่อสู้ และอ่านความคิดตัวเอง

“รู้สึกเลยว่ากีฬานี้เจ๋งดี”

ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่อง “เคว้ง” (The Stranded) ที่จะออกอากาศทางช่อง Netflix โดยเขารับบทเป็นนักเปียโนและคอนดักเตอร์

“ปีนี้จึงมี 3 สิ่งที่ผมไม่เคยเรียนจริงจัง คือมวย เปียโน คอนดักต์ มาให้เรียนรู้ และทำให้รู้สึกว่าการเป็นนักแสดงให้อะไรเราหลายอย่าง ทั้งการทำงาน การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ”

“ซึ่งมันดีกับตัวเอง”

เมื่อเทียบกับอดีต มาร์ชบอกว่า ถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น ดังนั้น ทัศนคติและความคิดจึงเปลี่ยนแปลงไป

จากเดิม

“ตอนนี้เรื่องในวงการ ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่แสดง แล้วสนุกกับมัน รักมัน เล่นเป็นตัวละครที่อยากเล่น”

“ส่วนชีวิตโดยรวมก็แฮปปี้กับครอบครัวเราในปัจจุบันแล้ว ส่วนถ้ามองไปถึงครอบครัวในอนาคต ก็อยากมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี มีคนที่ดีมาอยู่กับเราในอนาคต แค่นั้น ไม่มีเรื่องเงิน ความสำเร็จ อำนาจ ไม่มีเลย”

“ผมว่าชีวิตคนเราก็แค่นี้ ไม่รู้ว่าจะมีเงินมหาศาลไปทำไม สุดท้ายเราตื่นมา ก็ไปทำงาน ดูหนัง นอน หมด 1 วันแล้ว”

แต่ก็นะ…แม้จะพูดอย่างนั้น แต่มาร์ชยังขอออกตัวไว้ก่อนว่า นี่คือความคิดในปัจจุบัน

“อีก 5 ปีต่อมา ผมอาจจะบอกว่า อยากมีเงินพันล้านก็เป็นได้” ว่าพลางหัวเราะ

ก่อนจะย้ำ “แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้กับตรงนี้”

“รู้สึกพอแล้ว”

โฟโต้บุ๊กเพื่อวิจัยโรคมะเร็ง

ในฐานะนักแสดงผู้มีแฟนคลับติดตามหนาแน่น มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล บอกว่าเขามักจะจัดแฟนมีตติ้งเพื่อพบปะกับแฟนๆ ปีละครั้ง

ซึ่งครั้งล่าสุดที่ผ่านไป นอกจากการได้พบ พูดคุย และร่วมกิจกรรมต่างๆ นานาแล้ว เขายังจัดทำโฟโต้บุ๊กของตัวเองให้แฟนๆ ได้ซื้อหา เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมกันนั้นก็นำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้โครงการวิจัยเซลล์บำบัดเพื่อรักษามะเร็ง โรงพยาบาลศิริราช

ที่จำเพาะเจาะจงมอบให้โครงการนี้ เขาบอกตรงๆ ว่า มาจากการได้เห็นความเจ็บป่วยของแม่

แม่ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็ง

ขณะเดียวกันก็ยังได้เห็นผู้ป่วยโรคนี้รายอื่นๆ ได้เห็นความพยายามในการต่อสู้โรคร้ายของผู้ป่วยเหล่านั้น

“แล้วงานวิจัยจะช่วยให้การรักษาโรคนี้ดีขึ้นในอนาคต ซึ่งงานวิจัย บางทีฟังผ่านๆ อาจมองว่าไม่ใช่การรักษา แต่ว่าวิจัยสำเร็จแล้ว มีแนวทาง มันจะช่วยคนได้มากในอนาคต”

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขามุ่งหวัง