หนุ่มเมืองจันท์ | ประตูบานใหม่

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

มีสารคดีเรื่องหนึ่งของ Netflix ที่ผมชอบมาก

Looser

เราเคยดูสารคดีของ “ผู้ชนะ” ที่สร้าง “แรงบันดาลใจ” มามากแล้ว

ใครจะนึกว่า “ความพ่ายแพ้” ก็สร้าง “แรงบันดาลใจ” ได้เช่นกัน

สารคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของนักกีฬาหลายคน

มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจ

เป็นเรื่องนักมวยชื่อ “ไมเคิล เบิร์น”

คนจำเขาไม่ค่อยได้ทั้งที่ “เบิร์น” เคยเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวต

แต่ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นนักมวยที่มีสไตล์การชกสวยงาม

ฟุตเวิร์กดี หมัดแย็บคม

จำทรงผมของเขาได้ด้วย

“ไมเคิล เบิร์น” เป็นนักมวยที่ไม่ได้อยากเป็นนักมวย

เขาบอกว่าทุกครั้งที่ถึงวันชก เขาจะภาวนาว่าขอให้เกิดน้ำท่วมใหญ่หรือเวทีพังทลายลงมา

อะไรก็ได้ที่ทำให้ต้องยกเลิกการชกในวันนั้น

ครับ “เบิร์น” ไม่ได้อยากเป็น “นักมวย”

คนที่อยากเป็น “นักมวย” คือ คุณพ่อของเขา

พ่อของ “เบิร์น” ชอบ “โมฮัมหมัด อาลี” มาก

ดูทุกนัดที่ “อาลี” ชก

พ่ออยากให้ “เบิร์น” เป็นนักมวย

เขาเหมือนกับพ่อหลายคนที่มี “ความฝัน”

แต่เมื่อไม่สามารถลงมือทำเองได้

เขาก็เอา “ความฝัน” ของตัวเองฝากไว้ที่ลูก

โดยไม่เคยถามลูกแม้แต่คำเดียวว่า “อยากทำหรือเปล่าลูก”

คุณพ่อของเขาไม่เคยถาม “เบิร์น” เลยว่าอยากเป็นนักมวยหรือเปล่า

“เบิร์น” ต้องซ้อมมวยตั้งแต่เด็ก

ซ้อม…ซ้อม และซ้อม

ทั้งที่เขาไม่อยากชกมวยเลย

วันหนึ่ง “ไมเคิล เบิร์น” ตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินไปบอกพ่อว่าเขาไม่อยากเป็นนักมวย

ผลที่ได้รับก็คือ “เบิร์น” ถูกพ่อตีอย่างหนัก

และต้องกลับไปซ้อมมวยเหมือนเดิม

คนบางคนไม่ได้ชอบในสิ่งที่ต้องทำ

แต่บังเอิญเขากลับทำสิ่งนั้นได้ดีมาก

“ไมเคิล เบิร์น” มีพรสวรรค์ในการชกมวย เขากวาดแชมป์สมัครเล่นมากมายก่อนขึ้นชกอาชีพ

แต่การชกอาชีพครั้งแรก เขาแพ้น็อก

ลงจากเวที คุณพ่อโทร.มาด่าสาดเสียเทเสีย

“เบิร์น” เปลี่ยนอาชีพมาลงนวมเป็นคู่ซ้อมให้กับแชมป์โลก

วันหนึ่ง ครูฝึกบอกเขาว่าตอนที่ดูการซ้อม ดูไม่ออกเลยว่าใครเป็นแชมป์โลก ใครเป็นคู่ซ้อม

คำพูดนี้เองสร้างแรงบันดาลใจให้ “ไมเคิล เบิร์น” กลับมาชกมวยอาชีพอีกครั้ง

เขาชนะติดต่อกัน 10 ไฟต์รวด

จนมีโอกาสขึ้นชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวตกับ “ทอมมี่ มอร์ริสัน” ซึ่งหมัดหนักมาก

มีคนเปรียบ “มอร์ริสัน” เป็น “ไมก์ ไทสัน” ผิวขาว

เซียนมวยทุกคนเชื่อว่า “มอร์ริสัน” จะไล่ถลุง “ไมเคิล เบิร์น” อย่างแน่นอน

ราคาต่อรองห่างกันลิบลิ่ว

แต่เขากลับสร้างปาฏิหาริย์ชนะน็อก “มอร์ริสัน”

“ไมเคิล เบิร์น” เป็น “แชมป์โลก”

ไฟต์นั้นน่าจะเป็นการ “พลิกล็อก” ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของวงการมวยโลก

“เบิร์น” ป้องกันแชมป์โลกครั้งแรกกับ “เฮอร์บี ไฮด์”

เขาแพ้น็อก

หลับไปนาน 3 วัน

ฟื้นขึ้นมา หมอบอกว่าเขาต้องเลิกชกมวยถ้าไม่อยากสมองบวม

สำหรับนักมวยทั่วไปคงแทบล้มทั้งยืน เพราะเท่ากับต้องเลิกชกมวย อาชีพที่เขาทุ่มเทมาทั้งชีวิต

แต่ “ไมเคิล เบิร์น” ไม่ใช่

เขาดีใจมาก

เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด

แต่บังเอิญ “เบิร์น” มี “พรสวรรค์” ทำสิ่งที่เกลียดได้ดี

ความลังเลใจเรื่องนี้ที่อยู่กับเขามาทั้งชีวิต

ทันทีประตูบานนั้นได้ถูกปิดลงแล้วด้วยคำสั่งของหมอ

เขาชกไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะมี “พรสวรรค์” แค่ไหนก็ตาม

หมายความว่า “ไมเคิล เบิร์น” ไม่ต้องทำในสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตอีกแล้ว

นี่คือ “ข่าวดี” ของเขา

“ไมเคิล เบิร์น” เปิดประตูชีวิตบานใหม่ขึ้นมา

เป็นสิ่งที่เขารัก

นั่นคือ การเขียนหนังสือ

เขาไปเรียนวิชาการเขียน

เขียนบทความเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ลงหนังสือพิมพ์

กลายเป็นบทความที่ทรงพลังมาก

“ไมเคิล เบิร์น” ได้เล่นหนังเรื่อง ALI ประวัติชีวิตของ “โมฮัมหมัด อาลี” นักมวยในดวงใจของคุณพ่อเขา

มาเป็นผู้กำกับฯ คิวบู๊ในหนังชกมวยหลายเรื่อง

และล่าสุดเขาได้เป็นผู้กำกับละครเวที

เขาบอกว่า “นักมวย” กับ “นักแสดง” ต้องหลอกตัวเองเหมือนกัน

“นักแสดง” ต้องหลอกตัวเองว่าไม่กลัวเจ็บ

แล้วขึ้นชก

แต่ “นักมวย” ต้องหลอกตัวเองว่าเจ็บทั้งที่ไม่เจ็บ

แล้วแสดง

“ไมเคิล เบิร์น” ชอบแบบหลังมากกว่า

เขามีความสุขกับชีวิตตอนนี้มากกว่าเป็น “นักมวย” หลายเท่า

แม้ชื่อเสียงจะน้อยกว่าตอนเป็น “แชมป์โลก”

แต่เมื่อ “ไมเคิล เบิร์น” นึกถึงความรู้สึกในวันก่อน

วันที่เขาต้องขึ้นชก

วันที่เขาตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

อยากให้น้ำท่วม

อยากให้อัฒจันทร์ถล่ม

ไม่อยากขึ้นชก

แต่วันนี้เขาตื่นมาด้วยความรู้สึกใหม่

รู้สึกอยากทำงานทุกเช้า

นี่คือ “ความสุข” หลัง “ความพ่ายแพ้”

เพราะเขาเลือกเกมใหม่ให้กับชีวิต

ไม่ใช่เกมที่เก่งที่สุด

แต่เป็นเกมที่รักที่สุด

และมีความสุขที่สุด