ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 สิงหาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
ขณะที่เกาะฮ่องกงยังคงตลบอบอวลไปด้วยวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง ที่สะท้อนให้เห็นถึงปมปัญหาเบื้องลึกจากกระแสความรู้สึกต่อต้านอิทธิพลอำนาจของผู้ปกครองจีน
ไม่ห่างไกลกันมากนัก ก็มีสถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในจังหวัดปาปัวตะวันตก พื้นที่ห่างไกลของอินโดนีเซีย ที่มีปมขัดแย้งคล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือความรู้สึกต่อต้านอำนาจของผู้ปกครอง นั่นคือรัฐบาลอินโดนีเซีย
เหตุการณ์จลาจลที่ผู้ประท้วงในเมืองมาโนกวารี เมืองเอกของจังหวัดปาปัวตะวันตก ดินแดนที่อินโดนีเซียผนวกเข้ามาเป็นของตนเองในปี ค.ศ.1969 ได้ลุกฮือขึ้นมาจุดไฟเผาอาคารสภาท้องถิ่น ตลอดจนสถานที่ราชการ ร้านรวงและรถยนต์จำนวนมากจนได้รับความเสียหายหนัก
และยังเกิดเหตุประท้วงรุนแรงขึ้นในอีกหลายเมืองของจังหวัดปาปัวตะวันตกในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
ล้วนมีชนวนเหตุมาจากความไม่พอใจต่อกระแสข่าวที่ว่าตำรวจอินโดนีเซียบุกเข้าไปภายในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปาปัวในเมืองสุราบายา จังหวัดชวาตะวันออก ที่อยู่อีกฟากของประเทศ และได้ฉีดแก๊สน้ำตาใส่ ก่อนจะทำการจับกุมนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไป 43 คน
เหตุจากถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทำลายธงชาติอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันที่อินโดนีเซียฉลองวันชาติหรือวันที่อินโดนีเซียได้รับเอกราชจากดัตช์ เจ้าอาณานิคมเมื่อ 74 ปีก่อน
นักเคลื่อนไหวชาวปาปัวเปิดเผยว่า กลุ่มนักศึกษาที่ถูกทางการจับกุมตัวไป ถูกเรียกกดหัวว่า “ลิง” ซึ่งเป็นคำดูหมิ่นเหยียดหยาม ที่นายลูคัส อีเนมเบ ผู้ว่าการจังหวัดปาปัวบอกว่า ที่ชาวปาปัวทนไม่ไหวจนต้องลุกฮือขึ้นมาก่อเหตุประท้วงรุนแรงเพราะพวกเขาโกรธแค้นที่ถูกผู้คนในชวาตะวันออกเหยียดเชื้อชาติด้วยการใช้คำเรียกเหยียดในลักษณะดังกล่าว
จุดนี้เป็นเครื่องสะท้อนประการหนึ่งให้เห็นถึงปมปัญหาที่ฝังลึกอยู่ในใจของผู้คนในปาปัวตะวันตกมานาน
ที่แม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานถึง 50 ปีที่ดินแดนของพวกเขาถูกผนวกกลืนเข้ากับอินโดนีเซียแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกร่วมถึงการเป็นชาติอันเป็นปึกแผ่นเดียวกันยังไม่สามารถหลอมหลวมให้เป็นหนึ่งเดียวได้
เหตุจลาจลในปาปัวตะวันตกเป็นสถานการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความเปราะบางแห่งนี้ ถูกครอบงำด้วยเหตุความไม่สงบมานานหลายทศวรรษจากการต่อต้านอำนาจปกครองของรัฐบาลอินโดนีเซีย
ท่ามกลางการกล่าวหาว่าผู้คนในพื้นที่ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสเตียนและชนเผ่าเมลานีเซีย ไม่ใช่ชาวมุสลิม ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย ได้ถูกฝ่ายความมั่นคงของอินโดนีเซียกดขี่ล่วงละเมิดสิทธิมานาน
ภายใต้ความรู้สึกต่อต้านอำนาจปกครองของรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้มีกลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนที่พยายามจะแยกจังหวัดปาปัวตะวันตกให้เป็นอิสระจากอินโดนีเซีย
หลังจากปาปัวตะวันตกไม่สามารถทำอย่างเดียวกับปาปัวนิวกินี (พีเอ็นจี) ซึ่งมีอาณาเขตแดนติดกับปาปัวตะวันตกและตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ที่สามารถแยกตัวเป็นประเทศเอกราชได้ หลังจากถูกปลดแอกจากการตกเป็นดินแดนอาณานิคมของดัตช์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขบวนการปลดปล่อยปาปัวตะวันตก (โอพีเอ็ม) กลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับกองทัพอินโดนีเซีย และขบวนการร่วมปลดปล่อยปาปัวตะวันตก (ยูแอลเอ็มดับเบิลยูพี) ซึ่งเป็นองค์กรทางการเมืองในการเคลื่อนไหวเพื่อการแยกตัวเป็นอิสระของปาปัวตะวันตก จับมือเป็นแนวร่วมในการต่อสู้เพื่อเอกราชของปาปัวตะวันตก
ในทางหนึ่ง กลุ่มโอพีเอ็มเปิดแนวรบขับเคลื่อนต่อกรกับฝ่ายความมั่นคงอินโดนีเซีย
ส่วนอีกทางหนึ่ง กลุ่มยูแอลเอ็มดับเบิลยูพี ยึดเอาเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในการเรียกร้องขอความสนับสนุนการเป็นอิสระของปาปัวตะวันตก
แต่ดูเหมือนว่าเสียงเรียกร้องนั้นจะได้รับการตอบสนองเพียงไม่กี่หยิบมือจากกลุ่มประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกอย่างวานูอาตู ปาปัวนิวกินี ฟิจิ และโซโลมอน
ขณะที่ชาติทรงอิทธิพลที่อยู่ใกล้ๆ อย่างออสเตรเลีย กลับไม่ได้สนับสนุนเสียงเรียกร้องอิสรภาพของปาปัวตะวันตกแต่อย่างใด
ด้วยยึดโยงเอาผลประโยชน์และความสัมพันธ์อันดีของตนเองกับอินโดนีเซียไว้ภายใต้สนธิสัญญาลอมบอกที่ทั้งสองชาติลงนามร่วมกันไว้
ต่อโอกาสความเป็นไปได้ที่ว่าปาปาตะวันตกมีสิทธิ์จะได้ในสิ่งที่มุ่งหวังในอนาคต นั่นคืออิสรภาพจากอินโดนีเซียหรือไม่
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าเป็นไปได้ยากมาก เพราะไม่มีทางที่รัฐบาลอินโดนีเซียจะยอมปล่อยดินแดนแห่งนี้ให้เป็นอิสระได้ด้วยจุดยืนที่ว่าปาปัวตะวันตกเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซียอย่างถูกต้องมาตั้งแต่อดีตนับจากยุคเป็นอาณานิคมของดัตช์ด้วยกัน
ที่สำคัญ ปาปัวตะวันตกยังรุ่มรวยด้วยทรัพยากรที่สามารถทำรายได้อย่างสำคัญให้กับประเทศ
และที่สำคัญที่สุด หากรัฐบาลอินโดนีเซียยอมปล่อยปาปัวตะวันตกออกจากอ้อมอกไป ก็จะเท่ากับเป็นการจุดไฟเผาบ้านตัวเอง เพราะนั่นอาจจะทำให้กองกำลังเคลื่อนไหวกลุ่มอื่นๆ ลุกฮือทำตาม
อย่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดมาลูกู บนหมู่เกาะโมลุกกะ และอีกหลายกลุ่มที่รอจังหวะอยู่!