อาชญากรรม | พลิกคำพิพากษาคดีที่ 3 คุกเปรมชัยอีก 6 เดือน ย้ำไม่มีเหตุรอลงโทษ ลุ้นครอบครองงาช้าง

คุกอีก6เดือน-เปรมชัย – ได้บทสรุปเป็นคดีที่ 3 แล้วสำหรับกรณี เจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต ที่ต้องเผชิญวิบากกรรมทางกฎหมาย

คดีที่ 3-คำพิพากษาศาล คุกอีก6เดือน-เปรมชัย ฐานครอบครองไรเฟิล ลุ้นต่อคดีที่ 4-มีงาช้าง : แฟ้มคดี
หลังถูกจับกุมขณะตั้งแคมป์ภายในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี พร้อมซากสัตว์ไก่ฟ้าหลังเทาและซากเสือดำ

ซึ่งแม้เจ้าสัวเปรมชัยจะรอดจากข้อหาล่าเสือดำ แต่ก็ถูกจำคุกในคดีมีซากไก่ฟ้า และพกพาอาวุธปืน รวม 16 เดือน

ต่อด้วยคดีที่ 2 ที่ถูกศาลจำคุกในฐานะติดสินบนเจ้าพนักงานเป็นเวลา 1 ปี

มาคดีที่ 3 ในเรื่องการครอบครองอาวุธปืนไรเฟิลโดยไม่ได้รับอนุญาต

แม้นายเปรมชัย จะเสนอ 3 ข้อทั้งบวชถวายเป็นพระราชกุศล บริจาคเงินเพื่อการกุศล 3 ล้านบาท และไม่ยุ่งเกี่ยวกับปืนอีกตลอดชีวิต

หวังให้ศาลลงโทษสถานเบา

แต่ก็ยังถูกพิพากษาจำคุกอีก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

เหลือลุ้นอีกคดีที่ 4 ในเรื่องครอบครองงาช้าง

ก็ต้องดูว่าผลจะออกมาอย่างไร

❐ เจ้าสัวรับผิดคดีปืนไรเฟิล
สายวันที่ 20 ส.ค. ศาลอาญาออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 65 ปี ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย ในความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490
โดยอัยการระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊ป 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.

คดีนี้นายเปรมชัยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในการสอบคำให้การจำเลยเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561

ต่อมาในช่วงสืบพยานโจทก์เมื่อเดือนก.ค. 2562 นายเปรมชัย แถลงให้การรับสารภาพ พร้อมยื่นคำร้องประกอบต่อศาลเพื่อพิจารณา ขอให้ศาลลงโทษสถานเบา หรือรอลงอาญา โดยระบุว่าจะขอดำเนินการ 3 อย่าง ประกอบด้วย 1.จะขออุปสมบทที่วัดบวรนิเวศฯ หรือวัดอื่นเป็นเวลา 15 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล 2.จะบริจาคเงินส่วนตัว 3 ล้านบาท เพื่อเป็นการสาธารณประโยชน์ และ 3.จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธปืนอีกตลอดชีวิต

ขณะที่ศาลพิเคราะห์รายงานสืบเสาะประวัติ ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวซึ่งผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษจำคุก 1 ปีตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน

แต่เนื่องจากจำเลยยังมีโทษคดีอาญา จำคุกอีก 2 คดีในศาลจังหวัดทองผาภูมิและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พฤติการณ์จึงไม่รอการลงโทษ

พร้อมระบุว่าคำร้องที่นายเปรมชัยจะปฏิบัติ 3 ข้อนั้น หากปฏิบัติได้ก็ขอให้ทำต่อไป ซึ่งเป็นการทำความดี แต่ในส่วนของการรอการลงโทษนั้นเนื่องจากนายเปรมชัยยังมีคดีอาญาที่ศาลพิพากษาจำคุกอยู่ 2 คดีจึงไม่อาจที่จะพิจารณารอการลงโทษได้

ก่อนที่นายเปรมชัยจะยื่นหลักทรัพย์ 2 แสนบาทประกันตัวออกไป

ลุ้นต่อไปในชั้นอุทธรณ์

❐ ศาลจำคุก 6 เดือนไม่รออาญา
ทั้งนี้คำพิพากษาระบุว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดดอกไม้เพลิงและ สิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกถึงที่สุดมาก่อน จำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน ประกอบอาชีพการงานสุจริต และมีความมั่นคง นิสัยและความประพฤติในด้านอื่นโดยทั่วไปไม่ปรากฏข้อเสียหาย ร้ายแรงใด
จำเลยมีอายุมากแล้วมีโรคประจำตัวต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องและรับประทานยาจำนวนมากทุกวัน ที่ผ่านมาจำเลยได้ประกอบคุณงามความดีช่วยเหลือสังคมและสาธารณประโยชน์และการ กุศลต่างๆ หลายครั้ง จนกระทั่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์

จำเลยสำนึกถึงการกระทำความผิด และให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำความผิดตามฟ้องจริงอันเป็นการลุแก่ความผิด

จำเลยสะสมอาวุธปืนไว้ในครอบครองภายในบ้านพัก 43 กระบอก แต่อาวุธปืน 5 กระบอกของกลางเป็นของบิดาซึ่งถึงแก่กรรมแล้ว พี่สะใภ้ของจำเลยจะปรับปรุงซ่อมแซมบ้านพักที่ได้รับมรดกมาจากบิดา ซึ่งมีรั้วติดกัน

จึงให้ลูกจ้างนำมาเก็บไว้ในตู้โชว์ที่บ้านพักของจำเลยโดยจำเลยเพิ่งทราบเมื่อถูกจับกุม โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาที่จะนำอาวุธปืนไปประกอบอาชญากรรม หรือกระทำการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น และกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม

จึงเห็นสมควรลงโทษจำเลยในสถานเบา จำคุก 1 ปี

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน

พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบคำแถลงประกอบคำรับสารภาพ และรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย ของพนักงานคุมประพฤติแล้ว จำเลยมีอาวุธปืนของกลางไว้ในครอบครอง เป็นจำนวนมาก

และจากประวัติการกระทำความผิดของจำเลยปรากฏว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกมาแล้ว 2 คดี ยังมีคดีอื่นอีกที่อยู่ระหว่างการพิจารณา จึงยังไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.63/2562 ของศาลจังหวัดทองผาภูมิและคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.13/2562 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7

ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1143/2561 ของศาลนี้นั้นเนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังไม่มีคำพิพากษาจึงไม่อาจนับโทษต่อให้ได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ริบของกลาง

❐ ย้อน 2 คดีเก่า-ลุ้นต่อคดีที่ 4
สำหรับ 2 คดีของนายเปรมชัย ที่ตัดสินไปก่อนหน้านี้ประกอบด้วย คดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท.10/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อท.13/2562 ระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 และนายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 ในคดีติดสินบนเจ้าพนักงาน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์แล้ว สำหรับนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 โจทก์มีนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันข้อความที่จำเลยที่ 1 พูดต่อนายวิเชียร ว่า “จะให้นายนพดล พฤกษะวัน มาเคลียร์ มีหนทางช่วยเหลือกันได้ไหม มีเงื่อนไขอะไรไหม ถ้าปล่อยพวกผมอยากได้อะไร ผมก็จะหามาให้”

ขณะพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 พูดหลังจากที่ตนเองโดนจับ แม้ข้อความจะไม่ได้ระบุว่าจะให้อะไรโดยตรงก็ตาม แต่ก็น่าจะสื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ต้องให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เป็นการตอบแทน เพื่อให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 ไป การกระทำของจำเลยที่ 1 นั้น มีลักษณะเป็นการ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ อันมิชอบด้วยอันเป็นความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ตามฟ้องโจทก์

พิพากษาจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 จำคุก 1 ปี ให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อ.63/2562 ของศาลจังหวัดทองผาภูมิ
โดยก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ่านคำพิพากษาในคดีล่าสัตว์ป่าในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร พิพากษาให้นายเปรมชัย ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาเป็น ผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไก่ฟ้าหลังเทา ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน

รวมจำคุก 16 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

แต่ยกฟ้องในข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวน แห่งชาติ และข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

จากนี้ก็ยังมีคดีครอบครอบงาช้างแอฟริกา 2 คู่ (4 กิ่ง) ไว้ในครอบครองฯ ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้าง) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี ของต้องห้ามซ่อนเร้นเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาหรือรับไว้โดยประการใดๆ ที่รู้ว่าเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามฯ (ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560)

ลุ้นกันว่าคดีที่ 4 จะมีผลออกมาเป็นอย่างไร