เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ากรณีอันเกี่ยวกับการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ไม่ว่ากรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทยในวงล้อมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่ากร ณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศยุบพรรคประชาชนปฏิรูป
ถามว่าที่บานปลายกลายเป็นเรื่องที่ไม่ยอมจบลงอย่างง่าย ดายเกิดจากอะไร
บางคนอาจตอบว่าเพราะมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะมีการพูดเว่อ-เว่อจาก ส.ส.ที่ไปต้อนรับ และเพราะการยุบพรรคประชาชนปฏิรูปเป็นเรื่องของอภินิ หารทางกฎหมาย
แต่เมื่อสอบสาวเรื่องราวไปถึงบางรายละเอียดและต้นตอแล้วก็จะมองเห็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งที่ขาดไม่ได้
นั่นก็คือ การดำรงอยู่ผ่าน”คลิป” ผ่าน”ออนไลน์”
กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนหาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ได้ตรวจสอบผ่านคลิปข่าว”ราชสำนัก”เขาจะมีความมั่นใจถึงกับเสนอข้อท้วงติงผ่านที่ประชุมรัฐสภาหรือ
เพราะจาก”คลิปข่าวราชสำนัก”เมื่ออ่านมาตรา 161 ก็เด่นชัดว่ามีความผิดพลาด
คำถามก็คือ ผิดพลาดอย่างเจตนาหรือไม่เจตนา
ยิ่งกรณีการที่มี ส.ส.สุรินทร์ไปอยู่ในวงล้อมอันอบอุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะ หากเป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ตามปกติก็จืดๆชืดๆไม่มีสีสันอะไร
แต่นี่เป็น”คลิป” มีทั้งภาพเคลื่อนไหวประกอบกับเสียงพูดชัดถ้อยชัดคำ
ขณะเดียวกัน กรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประกาศยุบพรรคที่ตั้งมากับมือมิได้มีความเห็นจากอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ปรากฎผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวเท่านั้น หากบรรดาอดีตกกต. นักวิชาการ นักการเมืองอื่นก็แสดงความเห็นอย่างคึกคัก
ผ่านทั้ง”สื่อเก่า” และสื่อใหม่”ออนไลน์”
หากเป็นการเมืองในอดีต การถวายสัตย์ปฏิญาณตนก็อาจถูกมอง ข้ามไม่มีใครได้เห็น หรือเห็นก็ไม่ได้สังเกตหรือนำไปตรวจสอบจริงจังเหมือน นายปิยบุตร แสงกนกกุล
การปรากฏผ่านสื่อออนไลน์ ผ่านโซเชียลมีเดียต่างหากที่จำหลักอย่างหนักแน่น
เห็นทั้งภาพ ได้ยินทั้งเสียงท่ามกลางการเคลื่อนไหว
นี่คือบทบาทและความหมายของ”สื่อใหม่”ในทางการเมือง