ทำความรู้จัก “ฝ้าย สุพรรณิการ์” สแตนด์อิน “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

“กลิ่นกาสะลอง” คือละครที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก แม้จะลาจอไปแล้ว

โดยเฉพาะเสียงชื่นชมที่มีให้กับผลงานการแสดงของ “ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์” นางเอกสาวที่ต้องสวมบทบาทหลากหลายถึง 6 แคแร็กเตอร์

ทั้ง “กาสะลอง” พี่สาวฝาแฝดที่ถูกน้องรังแกเสมอ, “ผีกาสะลอง” วิญญาณที่รอคอยการแก้แค้น, “ซ้องปีบ” น้องสาวฝาแฝดที่เอาแต่ใจตัวเอง, “พริมพี่” คุณหมอสาวที่รักพระเอกสุดหัวใจแต่ก็ไม่ได้มาครอบครอง, “พริมพี่” ในวัยกลางคน และ “พิมพ์มาดา” ลูกสาวของพริมพี่

เบื้องหลังที่จะขาดหายไปไม่ได้เลย สำหรับหนัง-ละครที่เลือกใช้นักแสดงรายเดียว มารับบทตัวละคร “ฝาแฝด” หรือเหล่าตัวละครที่มีใบหน้าเหมือนกัน ก็คือ “สแตนด์อิน” หรือ “ตัวแสดงแทน”

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าผู้มาปฏิบัติหน้าที่สแตนด์อินอยู่เบื้องหลังดาราดังนั้นเป็นใคร? มาจากไหน? และมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

“ฝ้าย – สุพรรณิการ์ จำเริญชัย” นักศึกษาสาวชั้นปีที่ 3 วัย 20 ปี จากสาขาวิชาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์การดนตรีและศิลปะการแสดง คณะอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต คือหนึ่งในตัวแสดงแทนของ “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนละคร ด้วยการที่เธอมีรูปร่าง หน้าตา คล้ายคลึงกับนางเอกดังเป็นอย่างมาก

“ฝ้าย” เกิดที่กรุงเทพมหานคร แต่มีแม่เป็นคนจังหวัดนครราชสีมา ส่วนพ่อเป็นคนจังหวัดขอนแก่น

เธอเติบโตมาในบ้านที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว แต่เมื่อครอบครัวประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ชีวิตของลูกสาวเช่นเธอจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

“ตอนเด็กๆ หนูเรียนที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน แต่พอช่วงเรียนมัธยม ธุรกิจที่บ้านมีปัญหา คุณพ่อคุณแม่ก็เลยส่งหนูไปเรียนโรงเรียนประจำที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ จังหวัดเพชรบุรี บางทีหนูก็แอบเหงา เลยแอบหนีเรียนบ้าง แต่ก็โดนคุณครูจับได้”

“ฝ้าย สุพรรณิการ์”สแตนด์อิน “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

สแตนด์อินสาวย้อนเล่าถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต

การต้องใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ในโรงเรียนประจำ ทำให้ “ฝ้าย” รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นบางครั้ง เพราะอยากออกไปเที่ยวเล่นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่ในความเป็นจริง เธอกลับต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 ในวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อมาออกกำลังกาย ส่วนตอนเย็นก็ต้องขัดถาดข้าว-ล้างจาน

แม้ “ฝ้าย” จะเคยรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตช่วงนั้น แต่เมื่อโตขึ้น เธอก็ได้รู้ว่าการใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำคือการฝึกฝนตนเองให้มีระเบียบวินัย

ต่อมามีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิตมาพูดที่โรงเรียน และมีการแนะแนวเรื่องให้กู้เงินระหว่างการศึกษา “ฝ้าย” จึงเลือกศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่นี่

“มีคุณครูไปแนะแนว ตอนแรกหนูจะไม่มาเรียน เพราะว่าปัญหาครอบครัว แต่เขามีกองทุนกู้เพื่อการศึกษา เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ได้กู้เรียนและทำงานส่งตัวเองเรียนไปด้วย”

เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย “ฝ้าย” ก็เริ่มทำงานพิเศษ ทั้งงานพาร์ตไทม์ตามห้างสรรพสินค้า เช่น เสิร์ฟอาหาร, ออกบูธแจก-ชิมสินค้า, เป็นแดนเซอร์ให้ศิลปินดารา, เป็นตัวประกอบในละครโทรทัศน์ และล่าสุดคืองานสแตนด์อินเบื้องหลัง “ญาญ่า” ในกลิ่น “กาสะลอง”

“หนูเป็นแฟนคลับของพี่ญาญ่ามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ละครเรื่องคลื่นชีวิต หนูมองว่าพี่เขาเป็นผู้หญิงที่สวยธรรมชาติ มีเสน่ห์ และแอบติดตามผลงานอยู่ห่างๆ เสมอ

“ก่อนหน้านี้ ก็เคยมีคนทักว่าหนูมีรูปร่าง ท้ายทอย และคอคล้ายกับพี่ญาญ่า จนเพื่อนตั้งฉายาให้ว่ายีราฟเพราะว่าคอยาว เมื่อเขาเปิดแคสต์สแตนด์อิน หนูก็ไปสมัคร แต่ไม่ผ่าน”

จากนั้น “ฝ้าย” จึงไปแคสต์เป็นตัวประกอบในละครเรื่องอื่นแทน แต่เหมือนโชคชะตาลิขิต เพราะในวันดังกล่าว มีทีมงานของละครเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” มาเห็น “ฝ้าย” ตรงช่วงมุมด้านหลังบริเวณท้ายทอยพอดี

เธอจึงถูกเรียกตัวให้ไปแคสต์บท “กาสะลอง” และ “ซ้องปีบ” อีกครั้ง กระทั่งได้เป็นสแตนด์อินหลักเล่นประกบคู่กับ “ญาญ่า” ทั้งยังได้โอกาสรับบทเป็น “เกตุแก้ว” อีกหนึ่งตัวละครสมทบในเรื่อง

“ฝ้าย” เล่าว่าก่อนเริ่มงาน เธอแอบคิดว่าการแสดงเป็นสแตนด์อินคงไม่เหมือนกับการแสดงละครจริงๆ ของนักแสดงหลัก

“ฝ้าย สุพรรณิการ์” สแตนด์อิน “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

แต่เมื่อได้เริ่มงาน เธอจึงรู้ว่าสแตนด์อินจะต้องสลับกันเล่นกับนักแสดงในบทบาทที่ได้รับจริงๆ ต้องจดจำท่าทางของ “ญาญ่า” และจะต้องพูดบทเหมือนจริงเป็นสำเนียงชาวเหนือเพื่อส่งอารมณ์ให้ “ญาญ่า” ได้มากที่สุด และให้ภาพที่ออกมาเนียนที่สุด

“ตอนแสดงมีคำหนึ่งที่หนูพูดผิด นั่นคือคำว่า “สึ่งตึง” ที่แปลว่าโง่ แต่หนูดันพูดว่า “ตึงสึ่ง” ทำให้พี่ญาญ่าหลุดขำออกมา เพราะหนูพูดผิด”

ส่วนฉากที่ “ฝ้าย” คิดว่ายากที่สุด คือฉาก “ซ้องปีบ” แย่งผ้าแพรจาก “กาสะลอง” และ “ซ้องปีบ” จับ “กาสะลอง” กดน้ำ เนื่องจากบทยาวมากและใช้กำลังเยอะ

ซึ่งฉากนี้ต้องยอมรับในฝีมือของ “ญาญ่า” ที่มีพลังล้นเหลือ แสดงออกมาได้น่าประทับใจสุดๆ

อีกฉากหนึ่ง คือฉากที่ “เกตุแก้ว” คลอดลูก ถือเป็นการแสดงที่ท้าทายมากๆ แต่ “คุณหมอทรัพย์” (พระเอกในเรื่อง รับบทโดย “เจมส์ มาร์”) หล่อมาก เลยทำให้ “ฝ้าย” มีกำลังใจ

“ฝ้าย” เปิดใจว่าการได้ร่วมเป็นตัวแสดงแทนและนักแสดงสมทบใน “กลิ่นกาสะลอง” ถือเป็นโอกาสและเป็นประสบการณ์ที่สำคัญที่สุด โดยเธอไม่เคยคิดน้อยใจ แม้จะถูกสบประมาทจากบางคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย

“หนูไม่เคยคิดน้อยใจ และไม่เคยเสียใจ แม้ใครพูดอย่างไร บางคนพูดว่าพี่ๆ จะมาทำข่าวทำไม เห็นแค่ข้างหลัง จะอยากรู้จักไปทำไม หนูก็ไม่เคยเสียใจหรือน้อยใจเลยนะ

“ฝ้าย สุพรรณิการ์”สแตนด์อิน “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

“เพราะว่าหนูดีใจที่สุดแล้ว ถือเป็นความภาคภูมิใจ เป็นประสบการณ์ที่เด็กธรรมดาคนหนึ่งจะได้รับโอกาสแสดงกับนักแสดงฝีมือขนาดนี้ เห็นแค่ข้างหลังก็ดีใจที่สุดแล้ว”

หลังได้รับโอกาสเล่นละคร “ฝ้าย” รู้สึกว่าอาชีพนักแสดงเป็นสิ่งที่แปลกใหม่ในชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่ง อีกทั้งเป็นอาชีพที่ต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ใช้ความจำควบคู่ไปกับการทำงานศิลปะ เช่น การอ่านและจดจำบท

รวมถึงต้องระมัดระวังเรื่องการวางตัว การเข้าสังคม การรักษาเวลา เนื่องจากต้องทำงานกับคนหมู่มาก

“หนูได้อ่านทวิตเตอร์และในสื่อโซเชียลต่างๆ มีการพูดถึงหนูก็ดีใจมากๆ และขอบคุณทุกความคิดเห็นที่ติชมเข้ามา”

นอกจากนี้ “ฝ้าย” ยังฝากขอบคุณ “พี่ญาญ่า” ที่คอยแนะนำการแสดง “พี่เจมส์ มาร์” ที่คอยอบรมและสั่งสอน เปรียบเสมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ให้คำแนะนำกับเด็กคนนี้

“ฝ้าย สุพรรณิการ์”สแตนด์อิน “ญาญ่า” ใน “กลิ่นกาสะลอง”

ตลอดจน “พี่บั๊ม” คนที่ให้โอกาสเธอได้แคสติ้งเป็นสแตนด์อินอีกครั้ง ทั้งที่เคยแคสต์ไม่ผ่านมารอบหนึ่ง

รวมทั้งผู้กำกับการแสดง, ครูสอนภาษา และพี่ๆ ทีมงานทุกคน ที่เอ็นดูและดูแลเธอมาตลอด

แน่นอน กำลังใจสำคัญที่สุดของ “ฝ้าย” คือ ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า และน้องๆ 4 คน ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เธอมีวันนี้

สุดท้าย “สแตนด์อินสาว” แห่ง “กลิ่นกาสะลอง” เอ่ยขอบคุณทุกๆ โอกาส ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และขอให้คำสัญญาว่าเธอจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ

เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม