ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 สิงหาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
เลือกตั้งท้องถิ่น
สมรภูมิใหม่ ทางการเมือง
สมรภูมิ ‘ความคิด’
ไม่ว่าการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเกิดขึ้นเมื่อใด ปลายปี 2562 ต้นปี 2563 แต่นี่คือการระเบิดตัวอีกครั้งหนึ่งในทางการเมือง
ต้องยอมรับว่าเป็นผลจากคำประกาศของพรรคอนาคตใหม่
พลันที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศก้าวต่อไปภายหลังจากการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการทั่วไปในเดือนมีนาคม ว่าจะรุกเข้าไปยังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ก็ก่อให้เกิดการตื่นตัวเป็นอย่างสูงในขอบเขตทั่วประเทศขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ล้วนแสดงความพร้อม
ก่อให้เกิดเป็นประเพณีใหม่ในทางการเมือง
นั่นก็คือ ในกาลอดีตพรรคการเมืองอาจมีคนของตนลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งบริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งแต่ระดับตำบล เทศบาลกระทั่งระดับจังหวัด แต่มิได้เคลื่อนไหวในนามของพรรคการเมือง มีแต่คราวใหม่นี้เองที่พรรคการเมืองเก่า พรรคการเมืองใหม่แสดงความพร้อม
พลันที่พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคพลังประชารัฐเข้าต่อสู้ ก็เท่ากับเป็นการจำลองการต่อสู้ในระดับประเทศไปอยู่ในการต่อสู้ระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผลสะเทือนนี้จะกระทบไปยังโครงสร้างและรูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พ้น
รัฐรวมศูนย์อำนาจ
รัฐกระจายอำนาจ
เครื่องมือในการเลือกตั้ง เครื่องมือในการขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสัมพันธ์กับ 1 รัฐธรรมนูญ และ 1 พ.ร.บ.การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
แต่กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับ “รัฐธรรมนูญ”
ในเมื่อความเป็นจริงของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 คือการสะท้อนความต้องการในการสืบทอดอำนาจของ คสช.อย่างเข้มข้นและจริงจัง โครงสร้างและรูปแบบการปกครองท้องถิ่นที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันจึงสะท้อนรูปการปกครองส่วนท้องถิ่นในห้วง 5 ปีของการรัฐประหาร
รัฐประหาร 2549 ได้รวมศูนย์อำนาจจากส่วนท้องถิ่นไปยังส่วนกลางเป็นอย่างมากอยู่แล้ว รัฐประหาร 2557 ยิ่งรวมศูนย์อำนาจจากส่วนท้องถิ่นไปยังกระทรวงมหาดไทยเป็นทบเท่าทวีคูณ
นี่คือความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ และนี่คือความเป็นจริงที่แต่ละพรรคการเมืองจักต้องประสบ
การต่อสู้ในการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปต้องเผชิญกับภาวะบิดเบี้ยวอันเนื่องแต่รัฐธรรมนูญอย่างไร การต่อสู้ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นก็จะต้องเผชิญกับภาวะบิดเบี้ยวอันเนื่องแต่รัฐธรรมนูญและกลไกการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
นี่จึงเป็นการเข้าต่อสู้ภายในกลไกที่กำหนดมาโดย คสช.และรัฐบาลที่ต้องการสืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง เพียงแต่จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
ยุทธศาสตร์การเมือง
ยุทธศาสตร์นโยบาย
การต่อสู้ทางการเมืองในระดับท้องถิ่นจากอดีตก็เช่นเดียวกับการต่อสู้ทางการเมืองอย่างที่เห็นก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 นั่นก็คือ มาจากความสัมพันธ์ส่วนตัว มาจากระบบหัวคะแนนอันสะท้อนอิทธิพลในท้องถิ่น
พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองแรกที่เสนอ “นโยบาย” มาเป็น “ยุทธศาสตร์”
ผลสำเร็จอันยอดเยี่ยมของพรรคไทยรักไทยก็คือ สามารถแปรนโยบายอันเป็นเรื่องในทางนามธรรมไปสู่รูปธรรมทางการปฏิบัติ ทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเปลี่ยนมาเป็นพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทยก็ยังอยู่ในหัวใจของประชาชน
พรรคอนาคตใหม่เป็นอีกพรรคการเมืองหนึ่งที่ก้าวตามความสำเร็จของพรรคไทยรักไทย แต่เป็นการก้าวอย่างมีการพัฒนาด้วยนวัตกรรมใหม่ในทางความคิด
นวัตกรรมนี้แสดงออกและทำให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งระดับชาติมาแล้ว
ความพยายามของพรรคอนาคตใหม่ก็คือจะนำเอาวิธีวิทยาอันสร้างความสำเร็จจากการเลือกตั้งระดับชาติไปสู่การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นด้วยการคิดนโยบายเฉพาะของแต่ละแห่งและนำเสนอให้เป็นทางเลือกใหม่
การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจึงจะพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่าการชูนโยบายเป็นยุทธศาสตร์สำคัญจะได้รับการขานรับจากประชาชนมากน้อยเพียงใด
ต่อสู้ทางความคิด
ลงลึกไปในสังคม
มีแนวโน้มและความเป็นไปได้เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับว่า ในที่สุดแล้วสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่นจะกลายเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งซึ่งจะทวีความร้อนแรง
นั่นก็คือ เป็นสมรภูมิการต่อสู้ในทางความคิด
คำประกาศของพรรคอนาคตใหม่ไม่เพียงแต่จะนำไปสู่การปะทะกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากเด่นชัดยิ่งว่าอาจต้องปะทะกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพันธมิตรที่ชิดใกล้แนบแน่น
หากว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐยังอยู่ในพรมแดนความคิดของการเมืองแบบเก่าในพื้นที่การเลือกตั้งท้องถิ่น