ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์/ PARASITE ‘ปรสิต’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

PARASITE

‘ปรสิต’

 

กำกับการแสดง Joon-ho Bong

นำแสดง Kang-he Song Sun-kyun Lee Yeo-jeong Jo Woo-sik Choi Hye-jin Jang So-dam Park

 

Parasite เป็นหนังชนะเลิศรางวัลปาล์มดอร์ในเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ประจำปีนี้

…และเป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลดังกล่าว

สนุกมากๆ ค่ะ

ไม่ใช่หนังอาร์ตที่ต้องปีนกระไดดูแต่อย่างใดเลย

แต่เป็นคอเมดี้-ทริลเลอร์-ดราม่าที่เข้มข้นระทึกใจและชวนขัน

แถมยังสะท้อนภาพสังคมของความเหลื่อมล้ำและช่องว่างที่ถ่างออกระหว่างชนชั้นในสังคมอย่างแหลมคมโดนใจ

 

หนังเริ่มในครอบครัวสกุล “คิม” ที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างแรง อุดอู้อยู่ในห้องเช่าที่อยู่ใต้ดิน มีหน้าต่างติดเพดานเสมอพื้นถนน

เช่นเดียวกับชาวเมืองสมัยใหม่ทั่วไป การสื่อสารออนไลน์ด้วยมือถือกินเวลาแทบทุกวินาทีในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น คิม คี วู ซึ่งมีชื่อฝรั่งว่า เควิน (วูซิกชอย) และคิม คิ จุง ซึ่งมีชื่อเก๋ไก๋ว่า เจสซิกา (โซดัมปาร์ก) จึงเอาแต่สาละวนวุ่นวายอยู่กับการหาสัญญาณไวไฟของเพื่อนบ้านใช้ เพราะตัวเองไม่มีปัญญาจ่ายค่าไวไฟ

เป็นการเปิดเรื่องให้เห็นสภาพบ้านช่องและมุมต่างๆ ของห้องใต้ดิน แม้แต่โถส้วมที่ตั้งอยู่บริเวณสูงใต้เพดานห้อง

ภาพอพาร์ตเมนต์ใต้ดินนี้จะกลายเป็นประเด็นสำคัญต่อมาในการพัฒนาเรื่อง

ครอบครัวนี้ตกงานอยู่ทุกคน ลูกชายลูกสาวก็ไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ รายได้น้อยนิดมาจากการพับกล่องส่งให้ร้านพิซซ่า ซึ่งก็นับว่าไม่ใช่แรงงานฝีมือ เพราะกล่องโดน “รีเจกต์” จำนวนมาก

 

จวบจนวันหนึ่งสหายสนิทของเควินแวะมาเยี่ยม พร้อมด้วยการนำหินขรุขระก้อนใหญ่รูปร่างไม่ผิดอะไรกับก้อนหินที่เก็บมาจากข้างทาง ซึ่งเขาเอามาเป็นของฝาก โดยบอกว่า นี่คือหินปราชญ์ (scholar’s stone) บอกว่าเป็นหินนำโชค

อดนึกไปถึงหินนักปราชญ์ หรือ philosopher’s stone แบบในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ได้ ซึ่งจะแปลว่า “จินดามณี” ก็ไม่น่าจะผิด เพราะมีความหมายเหมือนอัญมณีวิเศษที่จะนำโชคลาภ ความมั่งคั่งร่ำรวยและอายุวัฒนะมาให้แก่ผู้มีอยู่ในครอบครอง

หินก้อนนี้วางไว้ให้เป็นองค์ประกอบสำคัญในพล็อตอีกเหมือนกัน

นอกจาก “หินปราชญ์” แล้ว เพื่อนของเควินก็ยังหางานให้เขาทำ โดยบอกว่าเขาจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่อยากให้เควินไปติวภาษาอังกฤษให้ลูกสาวเศรษฐีที่เขาหมายตาอยู่ และไม่ไว้ใจใครอื่นนอกจากเควิน ซึ่งจะคอยดูแลสาวน้อยไว้ให้จนกว่าเขาจะกลับมาเรียนมหาวิทยาลัย

ปัญหาแรกคือ การทำให้พ่อแม่ของเด็กสาวยอมรับเควิน ซึ่งไม่มีวุฒิใดๆ เลย

เจสซิกา น้องสาวเควิน ช่วยแก้ปัญหานี้ให้ ด้วยความจัดเจนในงานศิลปะและการใช้คอมพิวเตอร์

เควินมีใบรับรองการศึกษาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงในรูปแบบสวยงามพร้อมนำเสนอในการสมัครงาน

 

จากโลกของความยากจนที่ตะเกียกตะกายหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ เควินพาเราก้าวเข้าสู่โลกของครอบครัวมหาเศรษฐีที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชายเหมือนกัน

เป็นครอบครัวที่สามารถสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตมากินมาใช้ได้โดยไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจ แต่ครอบครัวนี้ก็มีปัญหาแบบอื่นแทน

พ่อเป็นซีอีโอของบริษัทไอที ที่ยังหนุ่มแน่น ฉลาดเฉลียว และรวยไม่รู้เรื่อง

แม่เป็นภรรยาสาวสวยที่ทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่ว่าการครัวหรือการดูแลบ้านช่อง

แต่เป็นคนรวยเสียอย่าง เงินจึงเสกได้ทุกอย่าง เธอมีเงินทองจับจ่ายสบายมือ และจ้างแม่บ้านผู้สามารถทำงานให้

เควินพาตัวเองเข้าไปสู่การยอมรับของบ้านนี้โดยไม่ยาก

แถมยังแนะนำเจสซิกาให้เข้าไปสอนศิลปะให้แก่ลูกชายคนเล็กของบ้านซึ่งดูจะเป็นเด็กมีปัญหาทางจิตที่แสดงออกด้วยภาพอันน่ากลัวที่ติดอยู่ในจิตใต้สำนึก

เนื่องจากครอบครัวปาร์กเป็นคนที่หลอกให้เชื่อง่ายอย่างเหลือเชื่อ ครอบครัวคิมจึงแทรกซึมเข้าไปเป็น “ปรสิต” ดูดเลือดและเกาะกินได้อย่างไม่ยาก

ในที่สุด ลูกชายและลูกสาวตระกูลคิมก็ได้เป็นครูภาษาอังกฤษและครูศิลปะเชิงจิตวิทยาให้แก่ลูกสาวและลูกชายตระกูลปาร์ก

ส่วนพ่อ (กังโฮซอง) ก็เข้ามาเป็นคนขับรถคนใหม่แทนที่คนเก่าที่ถูกกำจัดออกไปอย่างแยบยล

และแม่ (ไฮจินจัง) ก็เข้ามาเป็นแม่บ้านคนใหม่แทนที่คนเก่าที่ถูกกำจัดออกไปด้วยแผนซับซ้อนแยบยลยิ่งกว่าเดิมอีก

ทั้งสี่ฉลองความสำเร็จด้วยการเข้าครอบครองบ้านทั้งหลังในคืนที่ครอบครัวเจ้าของบ้านออกไปตั้งแคมป์นอนในป่า

 

หลังจากการเสพสำราญแบบ “ปรสิต” ที่คอยเกาะกินอาศัยผู้อื่น เค้าเงื่อนของความยุ่งยากก็เริ่มอุบัติขึ้นในรูปของการกลับมาแบบเซอร์ไพรส์ของแม่บ้านคนก่อนที่ถูกขจัดออกไป มากดกระดิ่งเรียกหน้าบ้าน เพื่อขอเข้ามาเอา “ของ” ที่ลืมทิ้งไว้เมื่อต้องโดนอัปเปหิไปอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความสนุกและความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่จะพัฒนาเรื่องต่อไปในแบบของทริลเลอร์ที่ลงเอยอย่างโชกเลือด และมีประเด็นแหลมคม

นอกจากการเล่าเรื่องอย่างสนุกชวนระทึกแล้ว จุดเด่นของหนังยังอยู่ที่องค์ประกอบต่างๆ ที่วางไว้ในเรื่อง

ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์แบบโพสต์โมเดิร์นที่สถาปนิกชื่อดังสร้างไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง ก่อนจะขายให้แก่ครอบครัวปาร์ก ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่แทน โดยไม่ระแคะระคายถึงความลับที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์

ในมหานครอันแออัดคลาคล่ำไปด้วยบ้านเรือนและผู้คน คฤหาสน์นี้มีสนามหญ้าลอยฟ้าเขียวขจีสวยงามภายใต้ท้องฟ้ากว้าง ตัดกับความยากจนข้นแค้นของชนชั้นล่างที่ต้องผจญกับปัญหาเศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ

บทสนทนาที่เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ก็กลายเป็นมีความสำคัญขึ้นมา

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ “กลิ่น” ที่ติดตัวมากับคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ซึ่งมาจากกลิ่นอับของห้องใต้ดินที่ติดเสื้อผ้ามา กลิ่นของชนชั้นกรรมาชีพที่โดยสารรถใต้ดิน ดังที่ซีอีโอของบริษัทไอทีปรารภว่า

“คนที่ใช้รถใต้ดินจะมีกลิ่นเฉพาะตัวแบบหนึ่ง”

เป็นการดูแคลนแบ่งแยกทางชนชั้น แม้จะไม่ได้แสดงความชิงชังรังเกียจอย่างออกนอกหน้า แต่ก็อดปรากฏออกมาไม่ได้ในสีหน้าท่าทางเล็กๆ น้อยๆ

และนี่เองก็เป็นชนวนที่นำไปสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

 

หนังมีตอนจบที่ชวนคิด โดยไม่ได้ขมวดเรื่องให้ชัดเจนว่าคนผิดต้องถูกลงโทษด้วยกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมและขื่อแปของบ้านเมือง

แต่การลงเอยตามที่เป็นอยู่ในหนังนั้นก็เป็นการลงโทษอยู่ในตัว

สนุกมากค่ะ และไม่ใช่แค่ความสนุกชั่วขณะ แต่เป็นการสะท้อนภาพสังคมอย่างแหลมคมและชวนคิดค่ะ

หนังดีขนาดนี้อย่าพลาดนะคะ