คนของโลก : เจย์ อินสลีย์ ผู้จุดประเด็นปัญหาไคลเมตเชนจ์

การแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020 ที่จะถึงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แน่นอนว่าไม่มีผู้ท้าชิงคนใดที่เลือกจะพูดถึงประเด็นปัญหาที่สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญเพียงประเด็นเดียว

ทว่า “เจย์ อินสลีย์” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่หันไปให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องหลัก

แม้การกระพือปัญหาของอินส์ลีย์จะยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแนวโน้มความนิยมในตัวนักการเมืองวัย 68 ปีผู้นี้ได้มากนัก

แต่หนึ่งในความสำเร็จของการเป็นผู้นำที่พูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ประสบผลแล้วส่วนหนึ่ง เมื่อเกิดการดีเบตของบรรดาผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรค ในประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงเวลาหลายสิบปีข้างหน้าขึ้นโดยเฉพาะ

นับตั้งแต่ประกาศตัวเข้าสู่สนามเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อินสลีย์เสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐเปลี่ยนทิศทางนโยบายที่มีต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

โดยนโยบายของอินสลีย์ รวมไปถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคอีกหลายรายก็คือ การมีนโยบายที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงในช่วง 10 ปีข้างหน้า

 

อินสลีย์นอกจากจะยืนยันความสำเร็จด้านเศรษฐกิจที่ได้ทำไว้กับรัฐวอชิงตัน ในฐานะผู้ว่าการรัฐ และยังโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ด้วยเช่นกันว่าเป็นพวกนิยมคนผิวขาว ที่สร้างความแตกแยกให้ชาวอเมริกัน และสร้างความยากลำบากให้กับเกษตรกร ผลจากการเปิดสงครามการค้ากับจีน

อินสลีย์ระบุว่า ทรัมป์นั้นเป็นผู้ปฏิเสธวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เป็นผู้ยกเลิกกฎหมายสำคัญของอดีตประธานาธิบดีโอบามา ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส ความร่วมมือระดับโลกที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน

ยิ่งกว่านั้นการแก้ไขบทบัญญัติในกฎหมายคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของสหรัฐ ของทรัมป์ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่าทรัมป์ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมน้อยเพียงใด

แนวโน้มความสนใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งมักไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมากนัก แต่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจัดทำโดย “ซีเอ็นเอ็น” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัวแทนพรคเดโมแครตคือเรื่องการเปลี่ยนแปลงภาพภูมิอากาศ ซึ่งถูกให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องสาธารณสุขเสียอีก

อินสลีย์เสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ จนสมาชิกสภาคองเกรสชื่อดังอย่าง อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ คอร์เตซ ถึงกับออกปากชื่นชมว่านโยบายดังกล่าวเป็น “มาตรฐานใหม่” ในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลยทีเดียว

นโยบายของอินสลีย์เรียกร้องให้ยุติการปล่อยคาร์บอนในเชิงเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิงภายในอีก 25 ปีข้างหน้า โดยรวมไปถึงการใช้รถยนต์และรถบัสที่ใช้ไฟฟ้าและไม่ปล่อยมลพิษ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2030

 

แน่นอนว่าแผนการดังกล่าวจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้น 8 ล้านตำแหน่ง แนวทางซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกต่อต้านอย่างหนักจากภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล รวมไปถึงถูกต่อต้านจากสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง

ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่อินสลีย์เน้นย้ำในการหาเสียงมาโดยตลอด และเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตที่มีคะแนนนำอยู่ในลำดับต้นๆ เช่นเดียวกัน

แน่นอนว่า อินสลีย์ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นไม่ใช่ปัญหาเพียงหนึ่งเดียว แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนั้นเป็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบกับสาธารณสุข ความมั่นคง และเศรษฐกิจของประเทศ