ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 มกราคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | โล่เงิน |
เผยแพร่ |
กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ กรณี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ด้วยคดีขับรถชนคนตาย เหตุเกิดใน ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548
ครูจอมทรัพย์ถูกจองจำ 1 ปี 6 เดือน ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา
จากนั้นเธอจึงเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรม ด้วยการยืนยันหนักแน่นว่าไม่เคยก่อเหตุขับรถชนคนตาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอต้องกลายเป็น “แพะ” รับบาปที่ไม่ได้ก่อ!!
โดยพบว่า ระหว่างที่ถูกจองจำอยู่นั้น สามีครูจอมทรัพย์ ติดต่อขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครพนม เพื่อขอเงินค่าจ้างทนายในการรื้อฟื้นคดี
กระทั่งวันที่ 19 มีนาคม 2557 กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมเป็นค่าธรรมเนียมศาล จำนวน 20,000 บาท ค่าจ้างทนาย จำนวน 50,000 บาท
และอีก 2 เดือนถัดมา นายสับ วาปี แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้กระทำความผิดตัวจริง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน จ.นครพนม พร้อมรับผิดชอบค่าเสียหาย 170,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จากนั้นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 ทนายความกองทุนยุติธรรม ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่
กระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้รื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่ โดยนัดพร้อมโจทก์ จำเลย ที่ศาลจังหวัดนครพนม ในวันที่ 16 มกราคม 2560 เวลา 13.00 น.
และศาลนัดสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์นี้
คดีครูจอมทรัพย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามเป็นวงกว้าง ว่าเธอตกเป็นแพะจริงหรือไม่
นายสับ ใช่โชเฟอร์ตีนผีตัวจริงหรือไม่
พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนประมาทเลินเล่อหรือไม่
หรือแม้กระทั่งกระบวนการยุติธรรมเอื้ออำนวยความยุติธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ได้จริงหรือไม่
โดยเป้าใหญ่ถูกโฟกัสที่ต้นธารกระบวนการยุติธรรม พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้ครบถ้วนสมบูรณ์
และใช้ดุลพินิจตามที่ควรจะเป็นใช่หรือไม่?!!
การรื้อฟื้นคดี “ครูจอมทรัพย์” ทางกระทรวงยุติธรรม มี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นโต้โผในการช่วยเหลือ แสดงความมั่นใจในพยานหลักฐานใหม่ 3 ปาก และวัตถุพยานใหม่ ที่ทำให้เชื่อว่า เธอตกเป็น “แพะ”
“ในวันนัดสืบพยานคดีนางจอมทรัพย์ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมที่ดูแลเรื่องนี้ จะนำพยานหลักฐานใหม่ 3 ปาก ที่ได้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ สอดคล้องกับนางจอมทรัพย์เข้านำสืบพยาน พร้อมทั้งนำวัตถุพยานใหม่ที่ไม่เคยนำเสนอต่อศาลก่อนหน้านี้ไปด้วย ที่ผ่านมาในกระบวนการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวนั้น เราได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานใหม่เหล่านี้แล้ว จึงมีความเชื่อมั่นว่าพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมดจะทำให้ศาลสามารถกลับคำพิพากษาได้” รองปลัดยุติธรรมระบุ
ขณะที่ฟาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนของพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรม
โดย พล.ต.อ.ปัญญา ยืนยันย้อนแย้งกับกระทรวงยุติธรรมสิ้นเชิงว่า การทำคดีนี้เมื่อปี 2548 พนักงานสอบสวน นิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงผู้บังคับบัญชาระดับต่างๆ ทำอย่างครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบ เป็นเรื่องน่าชมเชยที่ดำเนินการต่างๆ จนมีการลงโทษในคดีนั้น
“หลังจากตรวจสอบพบว่าเมื่อมีความพยายามรื้อฟื้นคดี อ้างว่านางจอมทรัพย์เป็นแพะ มี นายสับ วาปี รับว่าเป็นคนขับรถชนมารับผิดแทน พบความผิดปกติหลายอย่าง จึงให้ บช.ภ.4 ร้องทุกข์กล่าวโทษ รับเลขคดี” จตช. เผย
นอกจากนี้ จตช. ยังเปิดโปงขบวนการรับจ้างรับผิดอย่างเผ็ดร้อนว่า มีการสมอ้างรับผิดแทนและมีขบวนการที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่ไม่อยากฟันธงถึงความเกี่ยวข้องของนางจอมทรัพย์กับขบวนการ จะสอบปากคำอดีต ส.ว.มุกดาหาร คนหนึ่งในฐานะพยาน รับรู้เรื่องนี้
เนื่องจากเมื่อปี 2557 หลังศาลฎีกาพิพากษาแล้ว มีบุคคลเข้ามาติดต่อกับ ส.ว.ท่านนี้ ขอให้รับเป็นทนายคดีนี้ แต่ ส.ว. ไม่รับงานนี้ มีการเสนอว่าจ้างประมาณ 2-3 แสนบาท
ทั้งนี้ พบว่าขบวนการนี้เริ่มเข้ามาจับคดีนี้ตั้งแต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง คล้ายเห็นช่องทางก็เข้ามา
เท่าที่พบตอนนี้มีคนเข้ามาเกี่ยวข้องและอาจต้องแจ้งข้อกล่าวหา ประมาณ 6 คน ในนี้ยังไม่รวมนางจอมทรัพย์ จากการสืบสวนพบว่าขบวนการนี้ทำแบบนี้มาหลายครั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บางคดีสำเร็จ บางคดีมีปัญหาทำไม่สำเร็จ มีการอ้างเป็นแพะ มีคนรับผิดแทน คอยดูว่ามีคดีไหนมีช่องทางจะเข้ามาได้ก็จะไปติดต่อรับงาน
อีกทั้ง จตช. ยังเปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2556 หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว ปรากฏว่ามีกลุ่มคนจำนวน 7 คน เดินทางไปพบตำรวจ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมนำบุคคลมากล่าวอ้างว่าคือตัวจริงที่ขับรถชนคู่กรณีเสียชีวิต เมื่อปี 2548 ไม่ใช่ นายสับ วาปี ที่ถูกอ้างในคดีที่รื้อขึ้นใหม่
แต่ครั้งนั้นตำรวจ สภ.เรณูนคร ไม่รับคดี เนื่องจากอยู่ในท้องที่ที่ไม่มีอำนาจสอบสอบสวน เป็นช่วงกำลังปรับแบ่งพื้นที่รับผิดชอบโรงพักใหม่ จึงได้ทำบันทึกไปที่ บก.ภ.จว.นครพนม
แต่ระหว่างนั้นกลุ่มคนทั้ง 7 คน ได้ไปพบกับ พ.ต.อ. นายหนึ่ง และแสดงตัวว่าเป็นคนขับรถชน ขณะนั้นมีการสอบปากคำชายคนแรกไว้แล้ว จึงถือเป็นอีกข้อพิรุธ
อย่างไรก็ดี ครูจอมทรัพย์ ยังคงยืนยันหนักแน่นในความบริสุทธิ์ และเดินหน้าล้างมลทินให้กับตัวเอง!!
ทั้งข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมและจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
การรื้อคดีใหม่กรณีครูจอมทรัพย์ จึงเข้มข้น
และน่าจับตาวันสืบพยานที่ศาลจังหวัดนครพนม ในวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์นี้ ว่าพยานและหลักฐานใหม่จะมีอะไรบ้าง จะนำสืบหักล้างข้อกล่าวหาเดิม จนสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของครูจอมทรัพย์ได้หรือไม่ ว่า จะเป็น “แพะ” หรือ “แกะ”
โดยมีศาลฎีกาพิจารณาตัดสินถือเป็นที่สุด!!