อาหารไม่ดี ดนตรีไม่ไพเราะ ม็อบฮ่องกงยึดสนามบิน วัดใจ “จีน” ขจัดเสี้ยนหนาม

ถึงแม้อาหารไม่ดี ดนตรีไม่ไพเราะ แต่กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงก็เดินหน้าตามรอยม็อบไทย บุกเข้าไปยึดพื้นที่ในสนามบินตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม

แม้ดูเหมือนจะเป็นม็อบที่ไม่ได้ก่อความวุ่นวายใดๆ ในสนามบิน หากแต่เมื่อเหตุการณ์ยืดเยื้อ ย่างเข้าสู่วันที่ 4 ทางสนามบินก็ประกาศปิดให้บริการ ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดทั้งขาเข้าและขาออกเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม

สร้างความปั่นป่วนให้แก่ผู้โดยสารจำนวนมาก ทั้งผู้โดยสารที่จะใช้บริการสนามบินฮ่องกงและผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางไปยังฮ่องกง

และแม้วันต่อมาสนามบินจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่ช่วงเย็นก็กลับสู่วังวนเดิม คือผู้ประท้วงปิดทางผู้โดยสารเอาไว้

ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินขาออกอีก

 

สนามบินนานาชาติฮ่องกง ถือเป็นสนามบินหนึ่งที่มีการบินที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

และถือเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค

ได้กลายเป็น “จุด” ยกระดับความรุนแรงของการประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานาน 10 สัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่เริ่มการประท้วงที่รัฐบาลฮ่องกงจะพิจารณากฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่จีนแผ่นดินใหญ่ ที่ลุกลามจนกลายเป็นการท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับรัฐบาลปักกิ่ง นับตั้งแต่ได้ฮ่องกงคืนจากอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ.2540

จริงๆ แล้ว กฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่มีปัญหาอยู่นั้น เนื้อหาคือการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปให้กับประเทศที่ไม่ได้มีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

ที่มาที่ไปของกฎหมายนี้ เปิดขึ้นจากการที่สามี ภรรยาชาวฮ่องกงคู่หนึ่ง เดินทางไปไต้หวันด้วยกัน แล้วฝ่ายสามีไปฆ่าภรรยาตายที่ไต้หวัน ก่อนจะหนีกลับมาฮ่องกงและถูกจับ รับโทษเพียงติดคุกไม่กี่เดือนในข้อหายักยอกทรัพย์

ส่วนข้อหาฆ่าคนตาย ทางการฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาฆาตกรรมได้ เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน และฮ่องกงก็ไม่สามารถส่งตัวผู้ก่อเหตุให้แก่ไต้หวันได้ เนื่องจากไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นความพยายามที่จะผลักดันกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้กับประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างกัน ซึ่งรวมทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยนั่นเอง และกลายเป็นที่มาของการชุมนุมต่อต้านกฎหมายดังกล่าว

และมีการชุมนุมยืดเยื้อยาวนานมาถึง 10 สัปดาห์แล้ว แม้ว่านางแคร์รี่ หล่ำ ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง จะยืนยันว่ากฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนดังกล่าวได้ “ตาย” ไปแล้ว หากแต่ก็ไม่ได้มีคำยืนยันว่ามีการล้มแผนการพิจารณากฎหมายนี้ไปแล้วตามที่นางหล่ำกล่าว

นางหล่ำเตือนว่า การชุมนุมประท้วงบ่อยครั้ง และได้ลุกลาม รุนแรงต่อเนื่องนานกว่า 2 เดือนนี้ กำลังส่งผลให้ฮ่องกงเผชิญกับวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุด ร้ายแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส หรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงเมื่อปี 2546 ที่ทำให้ธุรกิจฮ่องกงเป็นอัมพาต หรือเมื่อตอนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินของโลกเมื่อปี 2551

นางหล่ำกล่าวด้วยว่า การฟื้นตัวจากสภาวการณ์วิกฤตหนนี้ จำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าการฟื้นฟูวิกฤตการณ์ทั้งสองที่ผ่านมา

 

เรื่องผลกระทบทางเศรษฐกิจนี้ ยังมีนายเอ็ดเวิร์ด เหยา รัฐมนตรีพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง ที่ออกมาตอกย้ำว่า ภาคเอกเชนโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเกิดปัญหา เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพัก โรงแรมต่างๆ เต็มไปด้วยห้องว่าง ปริมาณการเข้าพักก็ลดลงถึงระดับตัวเลข 2 หลักแล้ว

ขณะที่การจองที่พักและแหล่งท่องเที่ยวและกรุ๊ปทัวร์ระยะสั้นก็ลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่หลายชาติ รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปฮ่องกง

กระนั้นก็ตาม ม็อบฮ่องกงก็ยังคงเดินหน้าประท้วงตามจุดต่างๆ ทั่วเกาะฮ่องกง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลปักกิ่งเองก็กำลังเฝ้าจับตามองสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด และในวันที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงประกาศปิดบริการ ก็มีปฏิกิริยาจากจีนออกมา โจมตีกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงที่ใช้ความรุนแรงในการปาระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และยังได้โยงกลุ่มผู้ประท้วงกับ “การก่อการร้าย”

นายหยาง กวง โฆษกสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีน เปิดเผยว่า ผู้ประท้วงหัวรุนแรงในฮ่องกงได้ใช้เครื่องมือที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งในการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง และแสดงให้เห็นสัญญาณของ “การก่อการร้าย”

เช่นเดียวกับสื่อต่างๆ ของจีนที่พากันออกมาเตือนถึงการกระทำที่รุนแรงขึ้นของผู้ประท้วงว่า ไม่ได้ช่วยทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันบนโลกสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเผยภาพของกองทัพตำรวจแห่งประชาชน (พีเอพี) ของทางการจีน พร้อมกับรถยานเกราะที่ปรากฏอยู่ที่เมืองเสิ่นเจิ้น ตอนใต้ของประเทศจีน ซึ่งมีเขตแดนติดกับเกาะฮ่องกง

โดยโกลบอลไทม์ส และพีเพิลส์ เดลี เผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นยานเกราะและรถบรรทุกของกองทัพที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเสิ่นเจิ้น รวมทั้งสิ้นราว 20 คัน ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการฝึกซ้อมของพีเอพีที่เมืองเสิ่นเจิ้น

โดยพีเอพีอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงของคณะกรรมาธิการกองทัพกลาง ที่มีประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ของจีนเป็นผู้นำ ซึ่งวิดีโอที่ถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ระบุว่ากองทัพพีเอพีนี้ สามารถใช้เพื่อจัดการการจลาจล ความวุ่นวาย ความรุนแรง การก่อการร้ายและเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อสาธารณะ

 

นายหู ซื่อ จิน บรรณาธิการของโกลบอลไทม์ส สื่อของทางการจีน เขียนไว้ใน “เวยป๋อ” สื่อสังคมออนไลน์ชื่อดังของจีนว่า การเคลื่อนย้ายของกองทัพจีนครั้งนี้ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า หากสถานการณ์ในฮ่องกงไม่ดีขึ้น จีนก็จะเข้าไปแทรกแซง

“หากผู้ก่อความรุนแรงในฮ่องกงยังไม่เข้าใจหลักการนี้ และมองไม่เห็นสัญญาณของการรวมตัวกันของกองทัพที่เมืองเสิ่นเจิ้น การกระทำใดๆ ของผู้ประท้วงก็จะกลายเป็นการทำลายตัวเอง”

และยังว่า “เป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จีนจะจัดการกับพวกอันธพาลในฮ่องกง”

“หากไม่ยอมถอยห่างออกจากหน้าผา และยังคงผลักดันสถานการณ์ให้ไกลออกไปไกลเกินกว่าจุดวิกฤต อำนาจของรัฐบาลกลางอาจจะไปถึงฮ่องกงได้ทุกเมื่อ” นายหูเตือน