จรัญ พงษ์จีน : ภาวะลุ่มๆดอนๆการเมืองใน-นอกสภาของ “ประยุทธ์”

จรัญ พงษ์จีน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเด็นถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีที่นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งมาตรา 161

ซึ่ง “นายปิยบุตร แสงกนกกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ หยิบยกมาหารือต่อที่ประชุมรัฐสภา วันแถลงนโยบาย เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ว่า ตามที่ปรากฏจากคลิปข่าว ถ้อยคำที่กล่าวปฏิญาณตนไม่ครบประโยค โดย “พล.อ.ประยุทธ์” พูดจบประโยคการถวายสัตย์ว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป”

แต่ขาดคำว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ซึ่งต่อมา ส.ส.ฝ่ายค้านและนักวิชาการ ตลอดถึงผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายชี้ว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายกระทำการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เนื้อหาถ้อยคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนของ “พล.อ.ประยุทธ์” และคณะรัฐมนตรี มิชอบด้วยกฎหมาย โดยตัดถ้อยคำและเพิ่มเติมถ้อยคำ ซึ่งกระทำมิได้ตามมาตรา 255 อันอาจจะนำไปสู่ข้อกล่าวหาในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 157 ได้เช่นกัน

ต้องยอมรับว่า กรณีดังกล่าวมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมืองของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2/1” แรกๆ “เรือเหล็ก” ออกทะเลอยู่พักใหญ่ๆ “บิ๊กตู่” แสดงตรรกะแปลกๆ แกว่งๆ อยู่ระยะหนึ่ง

ไม่ว่าตอนแสดงท่าทีจำนน เหมือนคนเข้าที่คับขัน ประกาศ “ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” หรือถึงขนาดว่า เอ่ยปากขอโทษต่อคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา

แต่พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป สะท้อนผ่านแค่ประเดี๋ยวประด๋าว “บิ๊กตู่” ก็ย้อนกลับมาเป็นเจมส์บอนด์คนเก่า เพียงแต่สุขุมรอบคอบ ระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม อะไรที่มันเสี่ยง หลบฉาก ตีไพ่หมอบ

สถานที่ที่ทำให้ “บิ๊กตู่” ตรงกันข้ามกับ “พล.อ.ประยุทธ์” คนเดิมอย่างสิ้นเชิง คือสภาผู้แทนราษฎร “พรรคฝ่ายค้าน” หยิบปมถวายสัตย์ปฏิญาณตน เปิดวิถีนำร่อง ยื่นกระทู้สด เพื่อสอบถาม แต่เจอโรคเลื่อนตลอดมา “บิ๊กตู่” ติ๊ดชิ่ง อ้างติดภารกิจ ไม่ยอมไปตอบกระทู้อยู่ 2-3 วีก

ฝ่ายค้านเตรียมหมากเด็ด เป็นบันไดขั้นที่สอง ด้วยการเตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีการลงมติ ขู่ฟ่อดจะลั่นกลองรบยื่นเช็กบิลในช่วงเดือนกันยายน ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประชุมพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

 

“กระทู้สด” หรือ “ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ” ของพรรคฝ่ายค้าน ดูประหนึ่งยังกะสิวเม็ดเดียว รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คงมีหมากเด็ดแก้เกมแน่นอน จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่

ปมที่เกิดอาการ “จิตตก” ต้องเร่งคีย์ ตีจังหวะ ปรับปรุงก่อนอะไรอื่น คือสถานการณ์พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะในสัดส่วนของพรรค “พลังประชารัฐ” ที่เป็นแกนนำ ซึ่งปรากฏว่ามีการปรับจูนโมเมนตัมกันยกใหญ่

ด้วยการดึง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ รองนายกรัฐมนตรี นั่งเก้าอี้ “ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ”

ดังที่ทราบ “พปชร.” มีมุ้งเล็กมุ้งใหญ่อยู่จำนวนมาก แต่ที่ทรงพลังมากสุดมีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ “กลุ่มสามมิตร-สี่กุมารทอง-กลุ่ม กปปส.เก่า”

ช่วงฟอร์ม ครม. “ตู่ 2/1” ทั้ง 3 กลุ่มงัดข้อ แย่งเก้าอี้ทองคำ กระทรวงเกรดเอกันอย่างออกหน้าออกตา จน พปชร.ทำท่าจะแตกดังโพละ แต่สุดท้าย “ผลประโยชน์ลงตัว” สามารถสงบศึกกันได้ชั่วคราว

“บิ๊กป้อม” ตอนโค้งหาเสียงเลือกตั้ง มีบทบาท “เชิงลึก” ค่อนข้างสูง บ้างก็ว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ให้กับทุกซุ้ม เป็นเสมือน “เจ้าของบ้าน” ตัวจริง

และค่อยๆ เปิดเผยบทบาทตัวเองที่มีต่อพรรค พปชร.ทีละสเต็ป เช่น ตอนที่มีการสัมมนาละลายความคิดกันที่ “รีสอร์ต 88 การ์มองเต้” อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา “บิ๊กป้อม” ปิดเงียบไปนั่งหัวโต๊ะ ในการเตรียมพร้อม ส.ส.ก่อนที่รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

พร้อมนั่งรับประทานอาหารเช้า หยอกกระเซ้ากับแกนนำกลุ่มต่างๆ อย่างเป็นกันเอง

ล่าสุดมีข่าวว่า “พล.อ.ประวิตร” กรอกใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เป็นที่เรียบร้อย ก้าวถัดไปรั้งตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค และก๊อกสุดท้ายคือ แตะมือขึ้นแท่น “หัวหน้าพรรค”

ทั้งนี้ทั้งนั้นว่ากันว่า “บิ๊กตู่” เป็นผู้ไหว้วานพี่ใหญ่ให้มาเป็นธุระดูแลพรรคพลังประชารัฐแทนตนเอง เนื่องจากในการฟอร์ม ครม.คาบล่าสุดดังที่ทราบ “บิ๊กป้อม” โลว์โปรไฟล์ตำแหน่งบริหารลงหลายขีด มีหัวโขนแค่รองนายกฯ เพียงอย่างเดียว

งานด้านความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือแม้กระทั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “น้องตู่” ดึงไปกำกับดูแลเองทั้งหมด ได้รับผิดชอบแต่ในนาม เป็นต้นว่า กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินเท่านั้น

“บิ๊กป้อม” จะอาศัยบารมีและบุญเก่า เป็นหัวหน้าพรรค พปชร. โดยเลขาธิการพรรคนั้น อาจจะเป็น “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน คนหนึ่งคนใด ไม่มีปัญหา

มีข่าวคลุกวงในระบุว่า ชนวนที่ทำให้ “บิ๊กตู่” ต้องไหว้วอนร้องขอพี่ใหญ่ให้มาเป็นธุระในพรรคพลังประชารัฐแทนตัวเอง มีผลมาจากการหลุดออกจากวงโคจรศูนย์อำนาจในตำแหน่งหลัก ไม่ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ได้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ “บารมี” ที่เคยเอกอุเกรียงไกร แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดในบัดดล

วันคล้ายวันเกิดของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” บ้านรอยต่อฯ เคยคลาคล่ำมากไปด้วยผู้คนทุกวงการ ปรากฏว่าปีนี้ “บางตา” ไปถนัดใจ

“บิ๊กป้อม” อ้างสุขภาพ ร่ำจะประกาศวางมือในอ่างทองคำ ปล่อยวางให้ “บิ๊กตู่” ฉายเดี่ยว

ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะไปได้กี่น้ำ เพราะขาดมือประสานสิบทิศ อาจจะสามเพลงตกม้าตาย

“บิ๊กตู่” กลัวบิ๊กป้อมจะเกิดอารามน้อยใจ ก็เลยสลับฟันปลา ให้มากำกับดูแลงานการเมืองแก้เหงา

ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…อย่างน้อยๆ ก็ได้ปลอบใจคนแก่