วิถีแหงกลยุทธ์ เหมยฉางชู / เสถียร จันทิมาธร /จิ๊กซอว์ต่อภาพ เหมยฉางซู (5)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแหงกลยุทธ์ เหมยฉางชู/เสถียร จันทิมาธร

จิ๊กซอว์ต่อภาพ เหมยฉางซู (5)

 

แม้นามของ “บุรุษเหมยบูรพานที อัจฉริยะฉีหลิน” จะกึกก้องก่อนที่เหมยฉางซูจะปรากฏเงาร่าง ณ จินหลิง ราชานครแห่งต้าเหลียง

มูลเชื้อมาจากค่ำร่ำลืออันแม่ทัพแดนใต้หนีหวงจวิ้นจู่ระบุ

“รัชทายาททุ่มเททองคำจำนวนมหาศาล ขอให้แนะนำนักปราชญ์ปกครองในแผ่นดิน ท่านเคราะห์ร้ายเป็นผู้ถูกเลือกเสียแล้ว”

“ไม่อยู่ในตำแหน่งมิบังควรก้าวก่าย” เหมยฉางซูกล่าวเสียงเรียบ

“การบริหารปกครองแผ่นดินเวลานี้ยังคงอยู่ในความรับผิดชอบขององค์จักรพรรดิ ผู้อื่นวิตกกังวลล่วงหน้าไปเพื่ออะไร ต่อให้ข้าได้รับความเมตตาเอ็นดูจากทำเนียบหลางหยา เป็นปราชญ์การปกครองคนหนึ่งจริงๆ นั่นก็ต้องรอจนจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นบัลลังก์ค่อยถึงเวลาใช้สอยข้ากระมัง”

“ท่านเข้าใจว่าที่ผู้อื่นต้องการคือปราชญ์ผู้แตกฉานการปกครองจริงๆ” หนีหวงจวิ้นจู่กล่าวเนิบช้า

“ความจริงแล้วพวกเขาตั้งคำถามอย่างไรในตอนนั้นคงไม่จำเป็นต้องสืบสาวอีก แต่คำตอบของทำเนียบหลางหยากลับชวนให้ผู้คนไม่อาจไม่เก็บมาคิด เท่าที่ข้าทราบ คำตอบในตอนนั้นก็คือ

“บุรุษเหมยบูรพานที อัจฉริยะฉีหลิน ผู้ใดได้ใจ ผู้นั้นได้แผ่นดิน”

นั่นก็คือไม่เพียงแต่ระบุถึง 1 บุรุษเหมยบูรพานที หากแต่ยังบ่งบอก 1 อัจฉริยะฉีหลิน และยังยืนยันอย่างมั่นแน่ว 1 ผู้ใดได้ใจ ผู้นั้นได้แผ่นดิน

 

ประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้น คือ ฉีหลิน หรือกิเลน อันเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในเทพนิยายจีน รูปร่างเหมือน “กวาง” แต่มีเขาเดียว

หางเหมือน “วัว” หัวเป็น “มังกร” เท้ามีกีบเหมือน “ม้า”

เชื่อกันว่ามีอายุถึงพันปี ถือเป็นยอดแห่งสัตว์ทั้งหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งคุณงามความดี ปรากฏให้เห็นเมื่อใดก็จะเกิดผู้มีบุญมาปกครองบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขเมื่อนั้น

เท่ากับอุปมา “อัจฉริยะกิเลน” ประสานเข้ากับ “บุรุษเหมยบูรพานที”

คำถามก็คือ ภาพที่เห็นอันเป็นตัวตนของบุรุษเหมยบูรพานที ประมุขพรรคบูรพานที อันทำเนียบหลางหยาให้เครดิตสูงอย่างยิ่งนั้นเป็นอย่างไร

ที่ “ไห่เยี่ยน” วาดภาพของเหมยฉางซูตามสำนวนแปล “ลีหลินลี่” คือ

เมื่อแรกมาถึงประตูเมืองสูงตระหง่านของราชานครจินหลิง เหมยฉางซูแหงนมองสีหน้าเงียบขรึม ปราศจากความรู้สึก ผมปอยหนึ่งปลิวลู่ลม ไรผมกระจายคลอเคลียบนใบหน้าขาวซีด ขับให้เห็นความเศร้ารันทดลึกล้ำในใจที่แผ่ซ่านออกมารอบกาย

และเมื่อบรรลุถึง “จวนหนิงกั๋วโหว” อันเป็นเป้าหมาย ร่างเงา รูปลักษณ์ของเหมยฉางซูก็ค่อยแจ่มชัด

 

จากมุมมองของเซี่ยอวี้ เสาศิลาพิทักษ์แผ่นดิน คนหนุ่มตรงหน้าแม้ร่างกายผอมบาง ทว่าใบหน้ากระจ่างสดใส บุคลิกสุภาพอ่อนโยน

จากคำรายงานของเซียวจิงรุ่ยต่อบิดา

“พี่ซูสุขภาพอ่อนแอ โรคภัยรุมเร้า ผู้เฒ่าสวินจิน หมอเทวดาหลังจากตรวจดูอาการให้ ได้กำชับให้พี่ซูออกจากพรรคบูรพานที อย่าได้ดูแลกิจการในพรรคอีก ให้ตั้งใจพักรักษาตัวจึงพอมีโอกาสหาย”

ต่อคำถามจากหนีหวงจวิ้นจู่ว่า “ไม่ทราบคุณชายป่วยด้วยโรคอะไร”

“โรคเก่ากำเริบเท่านั้นเอง แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต” เหมยฉางซูโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด แต่ภายในคำตอบนั้นกำกวมอย่างยิ่ง

กระนั้น เบื้องหน้าเจ้ากรมราชองครักษ์เหมิงจื้อซึ่งมักคุ้นกันมานาน ความหลังก็หวนกลับมา

นึกถึงภาพตอนที่เขาอายุ 17 รอยยิ้มเจิดจ้าสว่างไสวบนใบหน้าแดงซ่านปานผลผิงกั๋ว (แอปเปิล) ในยามที่แยกจากกัน 12 ปีผ่านไปดั่งสายน้ำ

หวนนึกถึงอดีต กลับกลายเป็นชาติปางก่อน

เหมิงจื้อมองดูข้อมือเหมยฉางซู ทั้งเล็กและซูบซีด พอจินตนาการได้ว่า กว่าที่เขาจะทุรนทุรายเอาชีวิตรอดมาได้ต้องผ่านความทุกข์ยากและขื่นขมปานใด

แล้วเหมยฉางซูในสายพระเนตรขององค์จักรพรรดิเป็นอย่างไร

สำหรับองค์จักรพรรดิผู้ทรงเกียรติศักดิ์สูงสุด จะประมุขพรรคบูรพานที หรือพรรคใหญ่สุดในแผ่นดินอะไรก็ตาม ล้วนเป็นเรื่องห่างไกลจากราชสำนักทั้งสิ้น เหตุที่พระองค์สนพระทัยในตัวเหมยฉางซูนั่นก็เพราะว่าทรงเข้าพระทัยผิดเช่นเดียวกับมู่ชิง

ทรงคิดว่าเขาก็คือ ผู้ที่หนีหวงจวิ้นจู่เลือกไว้แล้วในใจ

 

เป็นอันแน่ชัดว่าเหมยฉางซูอ่อนแออย่างแน่นอน หากมองในทางกายภาพ อ่อนแอเพราะโรคภัยไข้เจ็บเมื่อ 10 กว่าปีก่อน

จึงเปลี่ยนแปลงอย่างที่เหมิงจื้อสรุป

ขณะเดียวกัน จุดที่เร้าความสนใจเป็นอย่างสูงนอกเหนือจากได้รับความสนใจจากรัชทายาทและอวี้อ๋องแล้ว ที่สำคัญคือ หนีหวงจวิ้นจู่

ตรงนี้ต่างหากที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านเลย