ประภาส อิ่มอารมณ์ : “…สังคมก้มหน้า”

ระยะหลังๆ นี้ เมื่อมาชมรมกอล์ฟก๊วน “กูมึง” น้าทู่ เริ่มรู้สึกว่า มันไม่สนุกสนานเหมือนก่อน เพราะแม้ทุกคนจะนั่งรวมอยู่ในที่เดียวกัน แต่…แต่ละคนกลับทำราวกับไม่รู้จักกัน ต่างคนต่างนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ และทักทายแกเหมือนคนกำลังไม่ว่าง ด้วยการยกมือเป็นสัญญาณทำนองบอกว่า “หวัดดีน้า”

มีแต่ ระ ด๊อกเม้าธ์ ทนายปากอมสุนัขอยู่คนเดียว ที่เข้ามาวิสาสะด้วย และดูเหมือนว่า การปรากฏตัวของน้าทู่ ได้เรียกจิตวิญญาณของเขาให้ฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะจะได้ “ออกของดี” ประจำตัว

“น้าเห็นไอ้พวกนั้นไหม แม่ง…ไร้มารยาทของการอยู่ในสังคมแห่งการเอื้ออาทรต่อกัน”

“เออ! ดูท่าจะจริง น้าก็ว่าระยะหลังๆ นี่ ทุกคนมาเหมือนเป็นหน้าที่ต้องมาตีกอล์ฟ แต่ความใส่ใจกลับไปอยู่ที่การเล่นโทรศัพท์เสียหมด เวลาเดินไปทีออฟ ต่างคนต่างก็เดินก้มหน้าก้มตาดูมันไปเรื่อย ตีเสร็จไปช็อตก็หยิบเอาโทรศัพท์มาเล่นต่อ เหมือนเล่นกอล์ฟกับพวกหุ่นยนต์ไม่มีผิด ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ น้าไม่มาดีกว่า มันดูอะไรกันในโทรศัพท์อันเล็กๆ นั่น สนุกกว่าตีกอล์ฟนักเหรอ”

“พวกนั้นมันเล่นไลน์กันอยู่ น้าเชื่อไหมบางทีไอ้ที่นั่งใกล้ๆ กันแค่ยกเท้ายันถึง มันยังส่งไลน์ถึงกัน เช่น มันอาจจะแอบนินทาน้า โดยไม่ให้น้าได้ยิน

(เฮ้ย! พวกเราน้าทู่หมูแก่หนังยุ่ยมาให้ฟันถึงที่แล้ว)

อีกคนก็จะไลน์ตอบกลับ (กูเห็นแล้ว เซ่อซ่าโดนปังตอมาหลายวีกแล้วยังไม่ยอมเข็ดอีก 5555)

อีกคนจะตอบเป็น (5555 พร้อมแนบสติ๊กเกอร์การ์ตูนหัวเราะงอหายแนบมาด้วย)”

“เฮ้ย! ผมว่าคุณหลอกด่าผมซึ่งๆ หน้ามากกว่า”

“น้าก็คิดมาก ผมแค่ทำเรื่องราวเป็นตัวอย่างให้น้ารู้ว่า เดี่ยวนี้การสื่อสารมันทันสมัยไปถึงไหนแล้ว ไม่เชื่อจะสำแดงให้น้าดูจากโทรศัพท์ของผมเดี๋ยวนี้เลย”

ว่าแล้ว ระ ด๊อกเม้าธ์ ก็เปิดมือถือและเริ่มเล่นไลน์ให้น้าทู่ดู

“น้าเห็นไอ้ป่องไหม ที่มันนั่งเอามือปิดปากแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว มันกำลังดูข้อความตลกๆ แบบนี้…”

 

ชายตาบอดเดินเข้าไปนั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

เจ้าของร้านรีบกุลีกุจอทำหน้าที่เป็นคนต้อนรับและพนักงานเสิร์ฟไปพร้อมกัน ยื่นเมนูให้เขา

“ขอโทษครับ! ตาผมมองไม่เห็น รบกวนพี่ช่วยเอาช้อนที่ใช้ไปแล้วของลูกค้าคนก่อน มาให้ผมดีกว่า แล้วผมจะสั่งเอง”

แม้จะมีความสงสัยเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็กลับไปเอาช้อนที่ยังไม่ได้ล้างออกไปให้ชายตาบอด

เมื่อได้รับช้อนมาแล้ว เขาก็ยกขึ้นสูดหายใจดมอย่างลึกๆ แล้วส่งคืนให้

“อือ! สั่งไอ้นี่เลยดีกว่า หมูผัดน้ำมันหอยใส่เห็ดฟางกับมะเขือเทศ ราดข้าว”

“ไม่น่าเชื่อ เป็นไปได้ยังไงวะ เป๊ะเลย” เจ้าของร้านนึกในใจขณะเดินเข้าครัวไปสั่งอาหารกับแม่ครัว “สมร” ซึ่งเป็นภรรยาของเขาเอง และก็เล่าเรื่องแปลกประหลาดนั้นให้เธอฟังด้วย

อีกไม่กี่วันต่อมา ชายตาบอดคนเดิมก็เข้ามานั่งในร้านอาหารอีก เจ้าของร้านจำไม่ได้ เลยเอาเมนูอาหารมาให้

“จำผมไม่ได้หรือพี่ คนที่ตาบอดไงล่ะ”

“ขอโทษทีครับที่จำไม่ได้ เดี๋ยวผมจะไปหยิบช้อนที่เปื้อนมาให้ครับ”

เมื่อได้ช้อนมาแล้วชายตาบอดก็ใช้การสูดดมเหมือนเดิม

“กลิ่นดีจัง เอาแบบนี้เลย กะเพราไก่ ไข่ดาวเกือบสุก และใส่พริกไทยเยอะๆ”

ขณะที่เดินจากไปเพื่อจัดการตามที่ลูกค้าต้องการ เจ้าของร้านยังไม่เชื่ออยู่ดีถึงกรรมวิธีในการสั่งอาหารของชายตาบอด เมื่อเข้าไปในครัวเขาจึงบอกภรรยาว่า คราวหน้าเขาจะทดสอบชายตาบอดนี้ดูอีกสักครั้ง

สัปดาห์ต่อมา ชายตาบอดก็มาที่ร้านเหมือนเดิม

คราวนี้เจ้าของร้านมองเห็นก่อน จึงรีบเข้าไปในครัว แล้วบอกภรรยาว่า

“สมร เธอรีบเอาช้อนเช็ดที่กางเกงในเร็ว เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้ชายตาบอดดม”

แม่ครัวสมรทำตามที่สามีบอก

และเจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับชายตาบอดพร้อมช้อนที่ถืออยู่ในมือ

“สวัสดีครับ คราวนี้ผมจำคุณได้แล้ว และเตรียมช้อนไว้ให้ด้วย” พูดเสร็จก็ส่งช้อนให้

เมื่อชายตาบอดสูดกลิ่นที่ช้อนเข้าไปแบบเดิม เขาก็ทำท่างงก่อนที่จะร้องออกมา

“อ้าว! สมรทำงานอยู่ที่ร้านนี้นี่เองเหรอ”

 

“เป็นไงน้า ชอบไหม”

“เออ! ผ่อนคลายดีนะ และก็การ์ตูนนั่นล่ะเอามาจากไหน ตบตูดเข้าเรื่องกันดี”

“เรื่องตลกนั่นไอ้ป่องที่นั่งอยู่ตรงโน้น มันเป็นคนส่งไลน์เข้ามาที่ผม และก็การ์ตูนนั่น เขาเรียก สติ๊กเกอร์ ซึ่งมีทั้งโหลดมาฟรี และเสียตังค์ซื้อ”

“แล้วน้าเห็นไอ้เนี้ยว นั่งเอาขาไขว้กันหนีบยังผู้หญิงกลัวหวอออกนั่นไหม มันกำลังดูรูปโป๊ นี่แบบนี้มันเคยส่งให้ผมทางไลน์มาเหมือนกัน เอ้า! ได้แล้ว น้าดูเสียให้เต็มตา”

พูดจบ ระก็ส่งโทรศัพท์ของเขาที่หน้าจอเป็นรูปผู้หญิงเปลือยเปล่าให้น้าทู่ ซึ่งรับแบบเขินๆ ไปพิจารณา

“แบบนี้ก็ดีนะ แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของน้า”

“ทำไม ผมไม่เข้าใจแค่รูปโป๊แค่นี้จะเป็นอันตรายถึงตายเชียวเร้อ”

“ไม่ได้ อย่าประมาทนะ น้าเป็นทั้งโรคหัวใจ ความดัน และที่สำคัญกินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ เกิดดูแล้วมีอาการสปัสซั่ม ความดันสูง เลือดกำเดาแตก มันจะไหลไม่หยุดเอานะ แต่ก็ชักชอบการเล่นไลน์นี่”

“ชักชอบแล้วใช่ไหมล่ะ ไหนขอดูโทรศัพท์ของน้าหน่อย”

ทู่ส่งโทรศัพท์ที่ใช้ประจำให้ ระ ด๊อกเม้าธ์ ดู เขารับมาแล้วรีบส่งคืน

“โทรศัพท์ของน้าน่าจะเป็นรุ่นกรุอยุธยาแตกใหม่ๆ ขว้างหมามันยังไม่ร้องเอ๋งเลย”

“เฮ้ย! จะมากไป เครื่องนี้ใช้ติดต่อทำเงินมาให้ไม่รู้กี่ล้านๆ แล้ว ใช้ง่ายโทร.เข้าโทร.ออกชัดแจ๋ว”

“แต่ผมว่า ถ้าน้าขับเบนซ์ ใส่โรเลกซ์เรือนหลายแสน ทิ้งไอ้เครื่องเก่าราคาพันกว่าแล้วผมจะพาไปเลือกเครื่องใหม่ให้ เล่นไลน์ได้ ส่งข้อความพร้อมรูปถ่ายถึงลูกค้าได้ในชั่วพริบตา ไม่ต้องขับรถตะลอนๆ ไปกลับหลายร้อยกิโล และที่สำคัญลูกค้าเขาก็รอให้น้าเข้าสู่ยุคดิจิตอลเหมือนกับเขาอยู่เหมือนกัน แต่คงไม่กล้าพูด เย็นนี้เล่นกอล์ฟเสร็จผมว่างพอดี จะพาน้าไปซื้อสักเครื่อง ตกลงไหม”

 

สุดท้าย น้าทู่ก็ไปได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ที่ ระ ด๊อกเม้าธ์ เป็นผู้เลือกให้ พร้อมอธิบายการใช้และซักซ้อมกันจนเห็นน้าทู่สามารถดำเนินการได้เอง ซึ่งสร้างความสุขและภาคภูมิใจให้ตัวน้าทู่เองเป็นอย่างมาก ที่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตเข้าอยู่ใน “สังคมก้มหน้า” กับเขาได้แล้ว …แม้จะเสียค่าอบรมเป็นเบียร์หลายขวด กับเป็ดย่างครึ่งตัว ให้ ระ ด๊อกเม้าธ์ ไปด้วยก็ตาม

และน้าทู่ก็เริ่มมีความชำนาญ ส่งไลน์เล่นในกลุ่ม และขยายฐานไปตามเพื่อนฝูงที่คุ้นเคยกันต่อไปเรื่อยๆ และลุ่มหลงกับการเล่นเกมต่างๆ ที่ระแอพไว้ให้ จนเบียดบังเวลาการทำงาน และการออกเสียงพูดน้อยลง จนเป็นที่ผิดสังเกตของคนรอบข้าง

หนึ่งในไลน์ประจำที่ต้องมีการทักทาย และอวยพรกันทุกวัน หนีไม่พ้น อาจารย์ระ ด๊อกเม้าธ์ ที่นำโลกใหม่มาให้น้าทู่ได้รับข่าวสารจากรอบโลกได้เร็วกว่าหนังสือ หรือโทรทัศน์เสียอีก แม้ปฏิทินก็ไม่ต้องเปิดดูเดือนวัน เพราะทุกเช้าจะส่งไลน์มาแจ้งว่าวันนี้วันจันทร์ หรือวันอะไร…ตลอดเวลา ไม่เว้นวันที่หวยออก และวันที่ถูกหวยกิน

จู่ๆ…น้าทู่ได้หายออกไปจากการติดต่อทางไลน์ หลังที่แกมีไลน์มุขขำๆ เข้ามาแชร์ในชมรมหนึ่งเรื่อง…

โทนี่ไปประเทศจีนเพื่อร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิท

ในงานเขาพบสาวจีนที่เป็นเพื่อนของเพื่อน โทนี่สนใจมากจึงเข้ากะหลีกะหลอ

เธอพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร แต่ฟังลำบากเพราะสำเนียงเป็นจีน

แต่ก็ไม่มีปัญหาสำหรับโทนี่

ก่อนเลิกงานเขาจึงขอเบอร์เพื่อติดต่อเธอ

ทำให้เธอแสดงอาการเขินจนเห็นได้ชัด

จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นว่า “SEX. SEX. SEX. WANT FREE SEX TONIGHT”

โทนี่รู้สึกตกใจปนความประหลาดใจเล็กน้อย และสงสัยว่าทำไมเธอจึงฮ็อตปานนี้

เพื่อนโทนี่สังเกตเห็นสีหน้าของเขา จึงรีบตัดบท…เพราะเขาคุ้นเคยสำเนียงคนจีนพูดอังกฤษ

เธอพูดว่า “6 6 6 1 3 6 2 9”

ระ ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปให้แสดงความยินดีต่อความก้าวหน้าของน้าทู่ และส่งไลน์อย่างที่เคยปฏิบัติกันมาเป็นประจำ แต่…ก็ไร้ไลน์จากน้าทู่ตอบกลับมา ซึ่งเขาคิดไปในทางที่ดีว่าน้าแกคงกำลังเร่งงานจนไม่มีเวลามาใส่ใจกับการเล่นไลน์…

จนในที่สุดไลน์ของน้าทู่ก็ส่งเข้ามาหากลุ่มพร้อมไฟล์ภาพที่น้าแกสวมเฝือกอ่อนที่คอ

“ขอโทษเพื่อนทุกคนที่หายไป ผมป่วยจากการก้มหน้าเล่นไลน์ หมอบอกว่าผมอายุมากแล้ว เมื่อใช้เวลาก้มหน้ามากเกินไป เลือดจึงไปเลี้ยงสมองไม่พอ กล้ามเนื้อคอก็พลอยอักเสบไปด้วย จึงขอให้พักการเล่นไลน์อย่างเด็ดขาด จนกว่าร่างกายจะคืนสภาพปกติ (นี่ก็ให้หลานเป็นผู้ส่งไลน์ให้) รักษาสุขภาพให้ดีกันทุกคนนะ แม้จะอายุน้อยกว่าผมก็ตาม”