วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางชู/เสถียร จันทิมาธร /3 สตรี ทรงศักดิ์ ทรงอิทธิพล (4)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางชู/เสถียร จันทิมาธร

3 สตรี ทรงศักดิ์ ทรงอิทธิพล (4)

 

เพียงหยั่งเท้าลงที่จวนหนิงกั๋วโหวของเซี่ยอวี้ได้ไม่กี่วัน ได้คารวะทั้งต่อเจ้าบ้านเซี่ยอวี้และพระขนิษฐาลี่หยาง เหมยฉางซูก็ประสบกับผลสะเทือนอันตามมา

เป็นประสบการณ์ “ใหม่” ภายหลังไปท่องมหานครกับเซียวจิ่งรุ่ยและเหยียนอวี้จี

พอลงเกี้ยวที่ประตูใหญ่หน้าคฤหาสน์ บ่าวที่มองเห็นมาแต่ไกลก็รีบวิ่งไปรายงาน เซี่ยปี้ก้าวสวบๆ ออกมา พอเห็นหน้าทั้ง 2 ก็ส่งเสียงทัก

“พวกท่านไฉนเพิ่งกลับมา มีคนมารอพบตั้งนานแล้ว”

ปฏิกิริยาของเซียวจิ่งรุ่ยต่อคำตำหนิของเซี่ยปี้คือถามสวนกลับ “เป็นผู้ใดต้องการพบพวกเรา”

ทว่าเหมยฉางซูกลับชะงักฝีเท้า หว่างคิ้วปรากฏแววฉงนฉงาย แต่เพียงชั่ววูบหนึ่งเท่านั้นก็คลี่คลายกลับสู่สภาพเดิม

เซี่ยปี้พินิจเสื้อผ้าของทั้ง 2 แวบหนึ่งก่อนเอ่ยน้ำเสียงเร่งร้อน

“พอใช้ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนชุดใหม่ รีบเข้าไปกับข้าเถอะ หวงโฮ่ว รวมทั้งท่านมารดาและหนีหวงจวิ้นจู่ต้องการพบพวกท่าน”

เซียวจิ่งรุ่ยตะลึงวูบ

“ยังยืนเหม่ออะไรอยู่” เซี่ยปี้กระทุ้งพี่ชายคราหนึ่ง “หากท่านไม่เข้าไปก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรคนที่พวกนางต้องการพบก็คือพี่ซู”

 

เหตุใดเซียวจิ่งรุ่ยไม่ตะลึงวูบเล่า เพราะสตรีทั้ง 3 ที่เซี่ยปี้เอ่ยถึง พูดได้ว่าเป็น 3 สตรีที่ทรงอิทธิพลและสูงศักดิ์ที่สูงของแคว้นต้าเหลียงในเวลานี้

1 องค์หวงโฮ่ว หรือฮองเฮา แน่นอนไม่ต้องพูดถึง เป็นผู้ดูแลวังหลังและเป็นมารดาของแผ่นดิน

1 องค์หญิงลี่หยาง เป็นพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิ ภริยาของหนิงกั๋วโหว เจ้าของจวนตัวจริงเสียงจริง

1 หนีหวงจวิ้นจู่ แม้ชั้นยศต่ำลงมาเล็กน้อย แต่ก็เป็นผู้กุมกำลังทหาร 10 หมื่นอยู่ในมือ

ทั้ง 3 คนนี้โดยปกติได้พบคนหนึ่งก็มิใช่เรื่องง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากำลังรอคอยพวกเขาอยู่อย่างพร้อมหน้า กล่าวได้ว่า ไม่เคยมีผู้ใดได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษปานนี้มาก่อน

มองจากมุมของเซียวจิ่งรุ่ยกลับตรงกันข้ามเมื่อกล่าวกับเซี่ยปี้

“หรือลืมไปแล้วว่าพี่ซูมาที่นี้เพื่อพักรักษาตัว ไม่ใช่มาคอยพบคนนั้นเจอคนนี้ ครานี้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ต่อไปจะอยู่อย่างสงบได้หรือ”

ถูกติเตียนเช่นนี้เซี่ยปี้รู้สึกละอายใจขึ้นมา ละล่ำละลักคำขอโทษ

“เพราะข้าไม่ระวัง ตอนที่ออกไปเป็นเพื่อนท่านมารดาชวนคุยกันไปมาก็เลยหลุดปาก พี่ซูโปรดอภัยด้วย”

 

ถามว่าปฏิกิริยาจากเหมยฉางซูในฐานะที่ตกเป็น “เป้า” แห่งความสนใจของ 3 สตรีผู้ทรงอิทธิพลและสูงศักดิ์แห่งแคว้นต้าเหลียง

เหมยฉางซูตอบรับสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงอันเรียบเฉย

“คุณชายรองเซี่ยชักนำข้าเข้าพบผู้ใหญ่ชั้นสูง ข้าสมควรซาบซึ้งในน้ำใจจึงจะถูก ไม่แน่อีกสักครู่เข้าพบหวงโฮ่วอาจประทานของล้ำค่าแทนอวี้หวังแก่ข้าก็เป็นได้”

แม้ที่ริมฝีปากจะประดับรอยยิ้มเบาบาง แต่นัยน์ตาปราศจากความยินดี

แต่เซียวจิ่งรุ่ยดำรงอยู่ในจุดอัน “แปลกแยก” ครึ่งหนึ่งเป็นคนในยุทธจักร ก่อนเข้าวัยหนุ่มใน 1 ปีมีเพียงครึ่งปีที่อยู่ในเมืองหลวง หลังเข้าสู่วัยฉกรรจ์ รอยเท้ากลับประทับอยู่นอกบ้านแทบจะตลอดเวลา ไม่เคยก้าวก่ายงานราชการ

ยามนี้ได้ยินเหมยฉางซูกล่าวบวกกับสีหน้าของเซี่ยปี้ แค่ใช้ความคิดเล็กน้อยก็พอจะเข้าใจที่มาที่ไปจึงรู้สึกเดือดดาล สาวเท้าหลายก้าวมาบังด้านหน้า เหมยฉางซูตะคอกใส่เซี่ยปี้ว่า

“เจ้ากลับไปทูลหวงโฮ่วและท่านมารดา พี่ซูสุขภาพไม่สู้ดีไม่อาจเข้าเฝ้าได้”

“พี่ใหญ่ท่านจะทำอะไร ท่านอย่ามาทำให้ยุ่งยากกว่าเดิมเลย ที่รออยู่ในห้องโถงเป็นคนธรรมดาหรือ นึกอยากพบก็พบ ไม่อยากพบก็ไม่พบ”

บทสรุปของเซียวจิ่งรุ่ยน่าสนใจอย่างยิ่ง

“ข้าคิดว่าท่านมารดากับหนีหวงจวิ้นจู่คงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ที่ต้องการพบพี่ซูจริงๆ น่าจะเป็นหวงโฮ่วกระมัง ดังนั้น ข้าขอย้ำอีกครั้ง รบกวนเจ้ากลับไปทูลหวงโฮ่ว พี่ซูล้มป่วยแล้ว ไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษ”

 

ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้เซียวจิ่งรุ่ยไม่ต้องการให้เหมยฉางซูเข้าเฝ้าหวงโฮ่วพระขนิษฐาลี่หยางและหนีหวงจวิ้นจู่

ตอบได้เลยว่า มีความคลางแคลงสงสัย

ตอบได้เลยว่า เซียวจิ่งรุ่ยไม่ต้องการผลักให้เหมยฉางซูเข้าไปอยู่ในท่ามกลางเขาควายแห่งความขัดแย้งแย่งชิงระหว่างอวี้อ๋องกับรัชทายาท

จึงทำทุกวิถีทางเพื่อยุติการเข้าเฝ้าโดยสิ้นเชิง