เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ /Perspective

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

Perspective

 

ฉบับนี้ขอเขียนถึงรายการ Perspective หน่อยนะครับ

รายการนี้เพิ่งได้รับรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 10 ประเภท “ทอล์กโชว์ยอดเยี่ยม” ไปหยกๆ เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และก่อนหน้านี้ก็เคยได้รับมาแล้วจากหลายสถาบัน

รายการ Perspective ออกอากาศทางสถานี MCOT HD30 ในวันอาทิตย์เวลา 3 ทุ่มตรง เป็นการผลิตร่วมกันโดยเจ เอส แอล และบริษัท แบล็คดอท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของเปอร์-สุวิกรม อัมระนันทน์ กับโอ๋-พิสุทธิ์ มหพันธ์

เปอร์อยากทำรายการของตัวเองมานานแล้ว ตั้งแต่ที่เขารับจ้างเป็นพิธีกรให้กับรายการคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแนวสัมภาษณ์ผู้คน นั่นทำให้เขารู้สึกถึงเสน่ห์ในการเหยียบย่างเข้าไปในเส้นทางชีวิตของคนอื่น หลายเรื่องเป็นแนวคิดดีๆ เป็นพลังจุดประกายให้กับคนดูได้

เขาจึงอยากทำรายการของตนเองบ้าง แต่นั่นต้องผ่านการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงานมาสักระยะแล้ว ทำให้เห็นถึงความเป็นคนที่มีวิธีคิดของเขา ที่จะทำเมื่อมั่นใจ และ “อยากจริงๆ”

 

พูดถึงจุดแจ้งเกิดของเปอร์ในวงการนั้นมาจากหนังแนวเรียลลิตี้เรื่อง “Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์” เป็นเรื่องจริงของเปอร์และกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่เตรียมตัวเข้าสู่สนามสอบเข้ามหาวิทยาลัยตามระบบการศึกษาไทย โดยมีฉากหลังของแต่ละครอบครัวดำเนินเรื่องเคียงคู่กันไป

ในเรื่องนี้ “เปอร์” เป็นตัวละครที่เด่นที่สุด และด้วยบุคลิกที่มีเอกลักษณ์ของเขา จึงเป็นที่จดจำพอสมควร และนั่นคือกุญแจดอกแรกที่ไขสู่งานบันเทิงอื่นๆ ในเวลาต่อมา

การมองเห็น “อะไรบางอย่าง” ของเด็กที่ดูแก่แดดคนนี้ อยู่ในสายตาของผู้บริหารเจ เอส แอลด้วย นั่นคือ คุณต้น-ลาวัลย์ กันชาติ และเปอร์ก็ได้ถูกเชิญมาพูดคุยด้วย

ยิ่งได้พูดคุยก็ได้เห็นความคิดของเขาคนนี้ และเมื่อถูกชะตากัน เปอร์ก็ได้รับคำแนะนำจากคุณต้นให้ดูแลรักษาตัวให้ดี ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้แน่น ไปทีละก้าว อย่าเฟ้อ ทำอะไรพล่านไปหมด เพราะเชื่อว่าคงมีคนหยิบยื่นโอกาสให้เปอร์มากมาย

คุณต้น ลาวัลย์ ทิ้งท้ายว่า ถ้าพร้อมจะทำงานทีวีจริงจังเมื่อไหร่ ให้มาคุยกัน

 

เส้นทางของเปอร์ก็ดำเนินต่อไปตามแนวทางของเขานับจากนั้น เขาสนใจงาน “ดีเจ” เพราะน่าจะเป็นการสะสมประสบการณ์ที่ดี และเขาก็ก้าวมาเป็นคนจัดรายการวิทยุทางคลื่นเอไทม์ จัดร่วมกับนักจัดรายการรุ่นพี่

เป็นงานหนึ่งที่เปอร์ชอบเพราะได้แสดงความคิดเห็นของเขาออกมาได้

เปอร์ได้มาร่วมงานกับเจ เอส แอล ครั้งแรก ด้วยการเป็นหนึ่งในพิธีกรภาคสนามของรายการเจาะใจ ตอนนั้นมีดู๋ สัญญา และณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ เป็นพิธีกรหลัก มีบ๊วย เชษฐวุฒิ กิ๊ฟ วรรธนะ และเปอร์ เป็นพิธีกรสนาม

นั่นก็เป็นหนึ่งในการสะสมประสบการณ์การทำรายการโทรทัศน์ของเขา เท่าที่ได้คลุกคลีการทำงานกับเปอร์ จะรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคน “ชอบคิด” และ “คิดแปลก” หลายความคิดของเขาดูโตเกินตัว จนถูกหยอกบ่อยๆ ว่า “แก่แดด”

 

และเมื่อวันที่เด็กแก่แดดคนนี้มั่นใจ เขาก็ทำตามสัญญาโดยการมาพูดคุยกับเจ เอส แอล ว่าเขาอยากทำรายการแนว walk and talk หรือเดินไปคุยไป คุยกับคนถึงเรื่องราวชีวิตการทำงานของเขา ซึ่งทุกคนจะมีการบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก และค่อยๆ สะสมมาจนเป็น “สิ่งที่ทำอยู่” วันนี้

เป็นเรื่องของมุมมองชีวิตและการทำงาน ซึ่งอาจจะแตกต่าง และไม่เหมือนคนอื่นๆ

เขาตั้งชื่อรายการว่า “Perspective” ซึ่งแปลว่า มุมมอง และล้อกันไปกับชื่อเล่นของเปอร์ได้อย่างดี

เปอร์หิ้วเทปตัวอย่างมาคุยกับเจ เอส แอล ในตัวอย่างรายการนั้น เขาใช้คนสนิทมาเป็นแขกเพื่อความปลอดภัยและควบคุมได้ คือ ไอซ์- ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ ซึ่งเป็นนักคิดนักขายที่น่าทึ่ง

ไอซ์เป็นรุ่นพี่ของเปอร์ที่สวนกุหลาบฯ สนิทสนมกันพอสมควร และเมื่อช่อง MCOT HD30 อนุมัติเวลาให้ ตอนของไอซ์ก็เป็นรายการตอนแรกที่ออกอากาศ

ต่อจากนั้น แขกของ Perspective ก็เรียงหน้ากันเข้ามาในหลากหลายอาชีพ ทั้งคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ที่ล้วนน่าสนใจในมุมมองของพวกเขาและเธอ

ส่วนเบื้องหลังการทำรายการนั้น ในแต่ละตอน เปอร์และทีมงานจะใช้เวลาหลายวัน ถ่ายในหลายสถานที่ หลายเหตุการณ์ แขกบางคนที่คิวยุ่งๆ นั้น กองงานถึงกับต้องเฝ้า พอออกมาจากห้องประชุมก็โดดเข้าไปถ่ายทำก็มี

 

มีคนเคยถามว่า ทอล์กโชว์อย่าง “เจาะใจ” กับ “Perspective” ต่างกันอย่างไร เจาะใจนั้นบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของแขก หรือประเด็นที่เป็นท็อปปิกที่น่าสนใจ ส่วน Perspective บอกเล่าผ่านชีวิตการทำงานของแขก เจาะใจนั้นให้แง่คิด และกำลังใจ ส่วน Perspective ให้มุมมองที่เป็นแรงบันดาลใจ เหมือนจะคล้ายกัน แต่จริงๆ แตกต่างกัน

สำหรับเสน่ห์ของรายการนี้อยู่ที่ผู้ดำเนินรายการคือ เปอร์ สุวิกรม เพราะในแขกคนเดียวกันกับรายการอื่นนั้น แต่เปอร์จะมีบุคลิกที่ทำให้การเล่าเรื่องนั้นมีรสชาติแตกต่าง ท่าทีของเปอร์เหมือนเด็กที่อยากเรียนรู้ มีความกระตือรือร้น สงสัยใคร่ถาม และลงมือทดลองด้วยในบางโอกาส ถ้าไม่รู้ก็คือไม่รู้ และถามให้รู้ อย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อบวกกับฝีมือด้านโปรดักชั่นที่ควบคุมโดยโอ๋ พิสุทธิ์ แล้ว ทำให้รายการมีภาพสวย มุมดี ชวนดู บวกกับการตัดต่อและลงดนตรีประกอบก็ทำให้รายการชวนติดตามยิ่งขึ้น

 

สโลแกนของรายการคือ “เพราะชีวิตไม่ได้มีแค่ กว้าง x ยาว” และเปอร์ก็เปิดเรื่องราวของแขกให้เห็นในมุมที่หลากหลายจริงๆ ส่วนตอนท้ายของรายการ เปอร์จะกล่าวทุกครั้งว่า “ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับเรื่องราวในวันนี้หรือไม่ก็ตาม ไม่เป็นไร แต่ขอให้นำไปปรับใช้ และชีวิตในวันพรุ่งนี้ของคุณจะเปลี่ยนไป”

จะว่าไป น่าจะนำทั้งสโลแกนและคำพูดของรายการ Perspective ไปลองปรับใช้กับเหตุการณ์ของสภาในช่วงแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาดู อาจจะได้ออกมาเป็นแบบนี้

“เพราะในสภาไม่ได้มีแค่กว้าง x ยาว” ยังมีน้ำเน่า สามหาว นักเลง ท้าทาย อวดดี เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่นอีกด้วย

และ “ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับนโยบายในวันนี้หรือไม่ก็ตาม ไม่เป็นไร แต่ขอให้นำไปปรับใช้ และในวันพรุ่งนี้สมาชิกในครอบครัวของคุณจะเปลี่ยนไป”

เพราะมีการตัดพี่ตัดน้องเกิดขึ้น (ฮา)