ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | การ์ตูนที่รัก |
ผู้เขียน | นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ |
เผยแพร่ |
การ์ตูนที่รัก/นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
Dumbo 1941
รำลึกดัมโบช้างบิน
ดูหนัง Dumbo 2019 ของทิม เบอร์ตัน จบแล้ว
ดีเกินคาด
ต้องยอมรับว่าคนสร้างหนังฝรั่งนี้กล้าคิดใหม่ทำใหม่จริงๆ
ดิสนียก็ดิสนีย์เถอะ เรียกว่าเปลี่ยนเรื่องดัมโบเป็นหนังเรื่องใหม่ได้สำเร็จโดยไม่เสียเนื้อหาเดิม
ตัวละครสำคัญบางตัวแทบจะหายไปเลย เช่น เจ้าหนูทิโมธีได้ออกมาวิ่งเล่นแค่ฉากสองฉากโดยไม่มีบทพูด
เพิ่มตัวละครเข้ามาใหม่อีกหลายตัวซึ่งทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี
มีฉากฆ่าคนตายด้วยผ้าใบคลุมหัวถูกหามออกจากจอท่ามกลางความสะใจของคนดู
บางฉากที่ถูกอนุรักษ์ไว้ก็ด้วยการวางตำแหน่งให้ใหม่คือฉากฝันร้ายช้างสีชมพู
เพลงบางเพลงยังคงอยู่ด้วยการเรียบเรียงดนตรีใหม่
ช่างกล้านัก
ดัมโบเคยเป็นช้างน้อยการ์ตูนสีเทาอ่อน ผิวเรียบไม่มีเท็กซ์เจอร์
ครั้นสร้างใหม่เป็นช้างจริงๆ ที่มีผิวหนังแบบช้างจริงๆ
หามาดูเถอะว่าช้างน้อยดัมโบจะยังน่าเอ็นดูน่าทะนุถนอมเท่าเดิมหรือเปล่า
ดัมโบฉบับการ์ตูนเป็นหนังการ์ตูนเรื่องยาวเรื่องที่ 5 ของวอลต์ ดิสนีย์ ต่อจากสโนว์ไวต์ พิน็อกคิโอ แฟนตาเซีย และ The Reluctant Dragon
ดัมโบออกฉายเมื่อ 23 ตุลาคม 1941 คือเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นแล้ว
และก่อนเหตุการณ์ญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์เพียงไม่ถึง 3 เดือน
สร้างจากเรื่อง Dumbo, the Flying Elephant ของ Helen Aberson และ Harold Pearl ความยาว 63 นาทีครึ่งเท่านั้น
เทียบกับหนังสร้างใหม่ครั้งนี้ที่ยาวเกือบสองชั่วโมง
ดัมโบเดิมเป็นหนังสำหรับละอ่อนจริงๆ
เวลานั้นดิสนีย์กำลังประสบปัญหาการเงินเพราะพิน็อกคิโอและแฟนตาเซียไม่ทำเงิน ส่วนหนึ่งเพราะสงครามในยุโรป
อีกส่วนหนึ่งเพราะแฟนตาเซียเข้าใจยาก หนังยาวเรื่องถัดมาคือ The Reluctant Dragon ยิ่งไม่ทำเงินซ้ำอีก แทบไม่มีคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ
ดิสนีย์ต้องการหนังลงทุนต่ำทำเงินสักเรื่องเพื่อกู้สถานการณ์
แล้วทีมของเขาก็เสนอเรื่องดัมโบเข้ามา ดัมโบเป็นนิทานประกอบภาพสำหรับเด็ก มีรูปเพียง 8 รูปและข้อความไม่กี่บรรทัดเล่าเรื่องช้างน้อยที่เกิดมาหูใหญ่พิกลพิการ ถูกกลั่นแกล้งในตอนแรก แสดงศักยภาพในตอนท้าย และเป็นที่รักของผู้คนในที่สุด
นี่คือหนังอันเดอร์ด๊อก
มือเขียนบท Joe Grant และ Dick Huemer เข้ามาทำหน้าที่เขียนเรื่องขึ้นใหม่ให้ยาวขึ้น
แต่จะยาวอย่างไรก็ได้เท่าที่เห็นคือไม่ถึง 64 นาทีดี ครองตำแหน่งหนังการ์ตูนเรื่องยาวที่สั้นที่สุดของดิสนีย์ด้วยทุนสร้างต่ำที่สุดคือ 812,000 ดอลลาร์ ซึ่งก็ยังถือว่ามากสำหรับเวลานั้น
เหตุที่หนังสั้นและประหยัดได้มากเพราะดิสนีย์ชัดเจนในงานที่เขาต้องการเห็น
บทหนังไม่มีอะไรที่เยิ่นเย้อ เริ่มต้นและพุ่งไปที่ตอนจบอย่างกระชับ ไม่ผิดพลาด
แทบไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงระหว่างการสร้างเลย
ว่าที่จริงแล้วนี่คือต้นแบบของหนังการ์ตูนสำหรับเด็กแท้ๆ
เริ่มเรื่องด้วยฉากนกกระสานำเด็กมาให้สรรพสัตว์ในคณะละครสัตว์ แค่ฉากแรกก็อบอุ่นและขำกลิ้งแล้ว เพราะลูกช้างเกิดใหม่ตัวหนักมากจนจะร่วงทะลุเมฆลงไปอยู่เรื่อยๆ เป็นฉากที่ง่ายต่อการสื่อสารไปถึงเด็กๆ ทุกคน พวกหนูก็เกิดมาแบบนี้แหละ
นกกระสามิสเตอร์สตอร์กนำลูกช้างตัวใหม่มาให้คุณนายจัมโบที่เฝ้ารอ แม่ช้างตัวอื่นๆ ตาโตหูผึ่งเตรียมยลโฉมสมาชิกใหม่ของคณะละครสัตว์ซึ่งกำลังเดินทางบนรถไฟเคซีย์จูเนียร์
ดัมโบเกิดมาหูกาง ท่ามกลางความตกตะลึงของประดาแม่ช้างปากตะไกรทั้งหลาย
จะมีก็แต่คุณนายจัมโบที่รักลูกอย่างที่เขาเป็น คือหูกาง
ฉากถัดไปอาจจะบาดจิตบาดใจเด็กๆ บางคน หลังจากเกิดมาหูกางแล้วดัมโบก็ถูกล้อเลียนและกลั่นแกล้งจากเด็กเลวและได้รับงานละครสัตว์ที่เสี่ยงอันตรายและน่าขบขัน
วันหนึ่งเมื่อการกลั่นแกล้งดัมโบเลยเถิดคุณนายจัมโบก็เหลืออดเข้าปกป้องลูกน้อยของเธออย่างดุร้าย นั่นทำให้เธอถูกจับล่ามโซ่และขังเดี่ยว
ยามนี้ช้างน้อยดัมโบไม่เพียงหูกางแต่ยังสูญเสียแม่ไปอีกด้วย
ตัวละครสำคัญที่ก้าวเข้ามาคือเจ้าหนูทิโมธีที่คอยเป็นเพื่อนและปลอบใจ
จนกระทั่งวันหนึ่งสองเกลอไปกินน้ำผสมแชมเปญที่ตัวตลกละครสัตว์ทิ้งไว้ คือฉากฝันร้ายช้างสีชมพูที่มีชื่อเสียงสำหรับงานแอนิเมชั่นเวลานั้นและถูกนำมาทำซ้ำในหนังใหม่ครั้งนี้ด้วย เมื่อดัมโบและทิโมธีรู้สึกตัวอีกครั้งในตอนเช้าพวกเขาอยู่บนต้นไม้สูงกันเสียแล้ว
ไม่มีคำอธิบายอื่นนอกจากดัมโบเมาแล้วบินได้
จะเห็นว่าดิสนีย์สร้างหนังเด็กกินเหล้า นอกเหนือจากที่พิน็อกคิโอทั้งกินเหล้าทั้งสูบซิการ์มาก่อนแล้ว
ยังไม่พอ ฉากมีชื่อเสียงถัดมาคือฉากอีกาห้าตัวมาพบสองเกลอสร่างเมาในตอนเช้า
นี่คือต้นกำเนิดขนนกวิเศษและคำคมจากปากอีกา
หลังจากนี้ดัมโบช้างบินจึงถือกำเนิดขึ้นโดยสมบูรณ์
หนึ่งในอีกาสูบซิการ์ตลอดเวลา พวกเขาพูดสำเนียงผิวสีด้วย จะเห็นว่าดัมโบ 1941 มิได้ละอ่อนเท่าไรนัก กินเหล้าก็ได้ สูบบุหรี่ก็มี
จึงออกฉายทีวีประเทศไทยมิได้ เพราะ สสส.เฝ้าอยู่
เด็กจะพัฒนาได้ต้องเห็นคุณค่าในตนเองเสียก่อน ซึ่งจะทำได้ต่อเมื่อต้องมีใครบางคนมองเห็นคุณค่าของเขาก่อน
โชคร้ายที่แม่ของดัมโบถูกแยกออกไปจึงมิได้ทำหน้าที่นี้เมื่อถึงเวลาต้องทำ
แต่โชคดีที่ดัมโบได้เจ้าหนูทิโมธีเข้ามาทำหน้าที่นี้แทนแล้วสำทับด้วยเสียงนกเสียงกาอีกห้าตัว
และถ้าจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเช่นขนนกวิเศษช่วยก็ต้องทำ
ขนนกวิเศษทำหน้าที่สร้างเซลฟ์เอสตีมให้แก่เด็กๆ นั่นเอง
ดัมโบไม่พูดเลย เป็นเจตนาของดิสนีย์ที่จะให้ดัมโบไม่พูด นั่นเท่ากับทำให้เขาเป็นเด็กเล็กไม่เกินสองขวบไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าไม่มีคนดูแม้แต่คนเดียวที่จะนึกตำหนิดัมโบได้ลงคอ คนทั้งโลกต่างเอาใจช่วยให้เขาบินได้
ฉากมีชื่อเสียงอีกฉากหนึ่งที่ควรพูดถึงคือคือฉากเสียงล้อรถไฟเคซีย์จูเนียร์กระแทกรางรถไฟเป็นจังหวะเสมือนเสียงพูด ขาขึ้นภูเขา I think I can, I think I can ขาลงภูเขา I thought I could, I thought I could
รถไฟนี้ปรากฏตัวช่วงสั้นๆ ในตอนต้นเรื่องหนังใหม่ 2019 เท่านั้น