เผยแพร่ |
---|
องค์กรอิสระที่สำคัญ
เดี้ยงไปอีกหนึ่งแล้ว
นั่นคือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม คนในทำเนียบ หรือผู้อยู่ในศูนย์กลางอำนาจ จะรู้ร้อนรู้หนาวไปด้วยหรือไม่-ไม่ทราบ
อาจจะหัวเราะหึ-หึ ชอบใจ ที่เห็นภาวะ “เดี้ยง” ขององค์กรนี้ก็ได้
ใครจะรู้
เพราะกลุ่มบุคคลที่ว่าไม่ค่อยจะศรัทธาองค์กรสิทธิมนุษยชนสักเท่าไหร่
ยิ่งเป็นภาคเอกชน หรือภาคประชาชนด้านสิทธิมนุษยชน แทบจะวางตัวเป็นอริเสียด้วยซ้ำ
ในฐานะผู้ไม่รักชาติ!!
ดังนั้น จึงอาจไม่อินังขังขอบกับการเดี้ยงของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสักเท่าไหร่
ซึ่งตรงนี้ นางอังคณา นีละไพจิตร กับนางเตือนใจ ดีเทศน์
ที่ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติก็คงทราบดี
เพราะการลาออก ทำให้กรรมการสิทธิฯ จาก 7 คน
ที่ประกอบด้วย
1) นายวัส ติงสมิตร ประธาน
2) นางฉัตรสุดา จันทร์ดี กรรมการ
3) นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์
4) นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย
5) นางอังคณา นีละไพจิตร
6) นางเตือนใจ ดีเทศน์
7) นายชาติชาย สุทธิกลม
เหลือเพียง 3 คน ไม่ครบองค์ประชุม ไม่สามารถออกมติรวมได้
ต้องยุติหน้าที่ไปโดยปริยาย
จากนี้ต้องรอคณะกรรมการสรรหา แต่งตั้งกรรมการชั่วคราวมาแทน 4 คน เพื่อให้ทำงานได้ก่อน
จากนั้นค่อยรอตัวจริงเสียงจริงจากการสรรหา ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะได้เมื่อใด
เพราะอย่างที่บอก องค์กรนี้มีคนในแม่น้ำ 5 สายในยุค คสช.ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่
ดังนั้น รัฐธรรมนูญปี 2560 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงถูกออกแบบเพื่อ “พันธนาการ” มากกว่า “พัฒนา”
งานถึงได้ติดๆ ขัดๆ
ประกอบกับกรรมการ 7 คนก็ไม่อาจรวมทีมได้
ทำให้ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย และนายชาติชาย สุทธิกลม ลาออกไปก่อน
ส่วนนางอังคณา และนางเตือนใจ ที่ถือเป็นตัวแทนภาคประชาชนก็พยายามทนเพื่อที่จะทำงานเท่าที่จะทำได้
แต่ที่สุด ก็ทนไม่ไหว
ต้องทลายห้าง ลาออก เพื่อให้สังคมได้รับรู้
“บรรยากาศการทำงานไม่ได้สนับสนุนให้เราทำงานของเราได้ จึงต้องตัดสินใจ” นางอังคณากล่าวถึงเหตุที่ตัดสินใจ
ขณะที่นายวัส ติงสมิตร ประธาน เห็นต่าง
โดยยืนยันว่ารายงานการตรวจสอบที่ออกไปก็เป็นไปอย่างมีคุณภาพ
มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ประเทศต่างๆ ชูประเทศไทยเป็นตัวอย่างของงานด้านสิทธิมนุษยชน
จะเลือกเชื่อฝ่ายไหน ก็สุดแล้วแต่
แต่บัดนี้ องค์กรนี้กลายเป็นองค์กรถูกริบสิทธิไปเรียบโร้ยย