ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 สิงหาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | การเมืองวัฒนธรรม |
ผู้เขียน | เกษียร เตชะพีระ |
เผยแพร่ |
ประชาธิปไตยใหม่ (1)
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญไปบรรยายหัวข้อ “ประชาธิปไตยใหม่และเสรีนิยมใหม่” ในการอบรมโครงการโรงเรียนนักข่าวของศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง หรือ TCIJ
คิดว่าเนื้อหาคงเป็นประโยชน์แก่การเข้าใจหลักการ ที่มาและปรากฏการณ์เศรษฐกิจการเมืองสำคัญของไทยและนานาชาติปัจจุบันบ้างตามสมควร
จึงขอนำมาเสนอดังต่อไปนี้
ว่าด้วยที่มาของเสรีนิยมประชาธิปไตย
ระเบียบการเมืองที่เรียกว่าประชาธิปไตยอย่างที่เรารู้จักในชีวิตของเรา คือระเบียบการเมืองที่เกิดในตะวันตกและถือเป็นแม่แบบของการคิดเรื่องประชาธิปไตย คือระบอบที่เรียกว่าเสรีประชาธิปไตย (Liberal Democracy) มันมาจาก 2 แนวคิด 2 ปรัชญา 2 โจทย์การเมือง และ 2 คำตอบการเมืองที่มุ่งจะตอบโจทย์ต่างกันของกลุ่มคนที่ต่างกัน มันมาจากก้อนเสรีนิยมก้อนหนึ่งและก้อนประชาธิปไตยก้อนหนึ่ง แล้วในเงื่อนไขประวัติศาสตร์ที่แน่นอน ที่เอื้ออำนวยจำนวนหนึ่งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 19-20 มันมาประกบประกอบเข้าด้วยกันได้
ดังนั้น การจะเข้าใจประชาธิปไตยในปัจจุบันอยู่ในสภาวะปัญหาอย่างไร จะต้องเข้าใจรากที่มาของมันก่อน
จุดเน้นของเสรีนิยม (liberalism) คือสิทธิและเสรีภาพเหนือร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของบุคคลพลเมืองและหลักนิติธรรม
ซึ่งแปลให้ง่ายที่สุดคือ รัฐบาลมีอำนาจจำกัด (limited government) แปลว่าไม่ใช่รัฐบาลที่มีอำนาจสัมบูรณ์แบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
จำกัดด้วยอะไร?
จำกัดด้วยสิทธิและเสรีภาพเหนือร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล แทนที่อำนาจจะปกแผ่ไปทั่วทั้งหมด กลับถูกขีดเส้น
และเส้นที่อำนาจรัฐห้ามข้ามมาคือสิทธิและเสรีภาพเหนือร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคล
ทันทีที่คุณสถาปนาการปกครองที่มีเส้นคั่นอันนี้ขึ้น ทันทีที่คุณเห็นว่ารัฐควรมีอำนาจจำกัดไม่ใช่สัมบูรณ์ คุณมีหลักนิติธรรม (the rule of law)
ฉะนั้น จึงอาจพูดได้ว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2475 เรายังมีรัฐที่มีอำนาจไม่จำกัดคือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (absolute monarchy)
ทันทีที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง เราจึงมีรัฐบาลที่มีอำนาจจำกัด (limited government) บุคคลคนไทยทั้งหลายเริ่มมีสิทธิเหนือร่างกายและทรัพย์สินของตนเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475
และเราเรียกว่าหลักนิติธรรม (the rule of law)
ทิศทางของเสรีนิยมก็คือจำกัดอำนาจของผู้ปกครอง เราจะรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เสรีนิยมเมื่อผู้ปกครองมีอำนาจไม่จำกัด (unlimited or absolute power) แปลว่าเขาอยากจะยืดยาวหรือหดสั้นอำนาจของตนแค่ไหนก็ได้
วันนี้เขาขอแค่ตรวจอาวุธ วันต่อไปขอตรวจร่างกาย ต่อไปเขาขอตรวจเลือด ตรวจดีเอ็นเอ ตรวจอีเมล
ประเด็นมันไม่เกี่ยวกับว่าเราทำความผิดหรือไม่ผิด อย่างที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลมักพูดว่า “ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่ต้องกลัวถูกตรวจ”
แต่ประเด็นคือ มันมีที่บางที่ซึ่งรัฐไม่ควรล่วงล้ำเข้ามา ตรงนั้นเราเรียกกันว่าพื้นที่ส่วนตัว (private space)
ดังนั้น ทิศทางของเสรีนิยมคือการจำกัดอำนาจของผู้ปกครอง เนื้อหาแสดงผ่านองค์ประกอบด้านรัฐธรรมนูญของระบอบประชาธิปไตย
หัวใจของรัฐธรรมนูญคือหยุดอำนาจให้นิ่ง และวิธีหยุดอำนาจให้นิ่งคือคุณเขียนระบุขอบเขตของอำนาจว่าทำอะไรได้ทำอะไรไม่ได้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งมันจะช่วยปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของพลเมืองจากอำนาจรัฐ เน้นความจำเป็นที่สถาบันต่างๆ ต้องตรวจสอบถ่วงดุลกันอย่างซับซ้อนเพื่อป้องกันการสะสมรวมศูนย์รวบริบผูกขาดฉวยใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้กุมตำแหน่งรัฐบาล มีนัยถึงการปกครองเพื่อประชาชน (government for the people)
วิญญาณเดิมของเสรีนิยมคือไม่ไว้ใจมนุษย์หน้าไหนที่เมื่อได้กุมอำนาจเด็ดขาดเข้าแล้วจะไม่ชั่วร้าย ดังนั้น เพื่อประชาชน จึงควรต้องจำกัดอำนาจเหล่านั้นไว้
ทางฝั่งประชาธิปไตย (democracy) จุดเน้นคือความเสมอภาคและอำนาจอธิปไตยของประชาชน
ไอเดียง่ายๆ คือ เมื่อคนเราเท่ากันอำนาจย่อมเกิดจากตัวเลข เป็นการปกครองโดยเสียงข้างมาก ตรงนี้แหละที่ทำให้ประชาธิปไตยเป็นเรื่องรับได้ยาก เพราะการรับประชาธิปไตยคือการยอมรับว่าฉันเท่ากับคุณ และคุณและฉันเท่ากับทุกๆ คนไม่เลือกหน้า
ทิศทางของประชาธิปไตยคือกระจายอำนาจให้ประชาชน ในเมื่อคุณเชื่อว่าคนเท่ากัน อำนาจจึงควรจะกระจายออกไปให้คนทั้งหลายด้วย และแสดงออกผ่านองค์ประกอบด้านประชาชนของระบอบประชาธิปไตยซึ่งมุ่งให้ประชาชนได้เป็นเจ้าของและใช้อำนาจรัฐด้วยตัวเองอย่างเสมอภาคกัน เน้นบทบาทของพลเมืองธรรมดาและการเข้าร่วมของมวลชนผ่านการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม สม่ำเสมอ และกระบวนการเคลื่อนไหวอื่นๆ โดยรวมตัวจัดตั้งกันเป็นพรรคการเมือง มีนัยถึงการปกครองโดยประชาชน (government by the people)
ทีนี้เราต้องกลับไปที่การปกครองเพื่อประชาชน (government for the people) ก่อนหน้านี้
เมื่อวิญญาณของประชาธิปไตยไม่เข้ากับระเบียบอำนาจวัฒนธรรมไทย
วิธีเข้าใจเรื่องนี้ที่ง่ายที่สุด สมมุติท่านทั้งหลายเป็นประชาชน ถ้าบอกว่าผมจะปกครองเพื่อพวกคุณ โอเคหรือเปล่า?
การปกครองเพื่อพวกคุณไม่เหมือนกันกับปกครองโดยพวกคุณ ทั้งนี้เพราะพวกคุณโง่ พวกคุณชั่ว พวกคุณเห็นแก่ตัว ผมรักพวกคุณมากเลย อยากจะปกครองเพื่อพวกคุณ แต่ถ้าให้พวกคุณปกครองกันเองโดยพวกคุณเอง ฉิบหายนะ เพราะพวกคุณยังโง่อยู่ ยังชั่วอยู่
ดังนั้น ที่ถูกต้องจึงควรจะเป็นการปกครองเพื่อพวกคุณ แต่โดยผม เพราะผมฉลาดกว่า ดีกว่า รักชาติกว่า โอเคหรือเปล่า?
หลักประชาธิปไตยของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่า “ประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน เพื่อประชาชน โดยประชาชน” (government of the people, for the people, and by the people) มันทำในเมืองไทยยากมาก เพื่อประชาชนง่ายที่สุด แม้เขาจะทำสิ่งตรงข้ามกับที่พูด แต่มันง่ายที่จะบอกว่าข้าพเจ้าปกครองเพื่อพวกคุณ
แต่ถ้าปกครองโดยพวกคุณ อันนี้ลำบาก เพราะพวกคุณ/ประชาชนบกพร่อง ขาดคุณสมบัติต่างๆ
ดังนั้น สำหรับเมืองไทย ประชาธิปไตยคือการปกครองเพื่อประชาชน แต่ต้องปกครองโดยคนดี คนฉลาด คนรักชาติจำนวนน้อย (government for the people but by the select few)
ส่วนของประชาชน (government of the people) ไม่ได้หรอกครับ เพราะรัฐบาลทุกชุดของประเทศเราคือรัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยความเข้าใจพื้นฐานทางการเมืองวัฒนธรรมของสังคมไทย ทำไมหลักประชาธิปไตยถึงเข้ามาอยู่ในเมืองไทยยาก ทั้งที่หลักการมันง่ายมาก รัฐบาลเพื่อประชาชน โดยประชาชน ของประชาชน?
ปมอยู่ตรงวิญญาณของมันเข้ากันไม่ได้กับระเบียบอำนาจและวัฒนธรรมกระแสหลักของไทย ซึ่งชัดเจนว่าเพื่อพวกคุณ ได้ แต่โดยพวกคุณ ไม่ได้ และของพวกคุณ ก็ไม่ได้