ในประเทศ : ตัดเกรด-ศึกอภิปราย ครม.-ส.ว.-พท.-อนค. ใครดาวรุ่ง-ดาวโรย ใครคือ “ดาวมฤตยู”?

“เรื่องการให้คะแนนนั้น ผมก็ต้องปรับตัวอีกเยอะ เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าไปในสภา ถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ครั้งหน้าแก้ตัวใหม่”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม อดีตหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการให้คะแนนการแถลงนโยบายรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 25-27 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สำนักวิจัยซูเปอร์โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 2,111 ตัวอย่าง ถึงความพึงพอใจต่อการแถลงนโยบายรัฐบาลทั้งในแง่ประโยชน์ที่ได้รับ และในแง่ตัวบุคคลกับตำแหน่ง “ดาวสภา”

ทั้งนี้ ผลสำรวจ 5 อันดับดาวสภา “คนรุ่นใหม่” ขวัญใจประชาชนในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาล พบว่า 3 อันดับแรก เป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เรียงตามลำดับ ได้แก่

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช

พรรคเพื่อไทย อันดับ 4 นายวัน อยู่บำรุง และอันดับ 5 น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ จากพรรคพลังประชารัฐ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อภิปรายเสนอแนวคิด “กระดุม 5 เม็ด” ในการแก้ปัญหาเกษตรกรได้โดดเด่น แม้แต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยังเอ่ยปากชมว่าทำการบ้านมาดี

นายปิยบุตร แสงกนกกุล มวยรุ่นใหม่หมัดหนัก เปิดประเด็นเรื่องคำถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ครบถ้วนถ้อยความตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 ก่อนทิ้งบอมบ์ใส่รัฐบาลว่าด้วยนโยบาย “3 ล.” เลื่อนลอย โลเล หลอกลวง

“ช่อ” พรรณิการ์ วานิช เฉียบคมในการหยิบยกปัญหาสิทธิมนุษยชน “จุดด้อย” ของรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาชำแหละ ระบุประเทศไทยต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีศักดิ์ศรี มีความสามารถมากกว่าการเป็น “คนตลก” และลุกประท้วงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ถอนคำว่า “คนสวย” ต่อท้ายชื่อตนเอง

นายวัน อยู่บำรุง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น อภิปรายคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จน ส.ส.รัฐบาลประท้วงวุ่นวาย ประธานรัฐสภาต้องรีบแตะเบรก สั่งหยุดอภิปรายประเด็นดังกล่าว เพื่อไม่ให้เข้าข่ายชี้นำศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับให้นายวิษณุ เครืองาม อภิปรายชี้แจงได้

“เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อาศัยลูกขยันในการลุกประท้วงผู้อภิปรายฝ่ายค้าน ได้รับการยกชูให้เป็น “ดาวตัวจริง” ทั้งในสภาและนอกสภา โดยเฉพาะในโลกโซเชียล พลังประชารัฐวางตัวให้เป็น 1 ใน 20 องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ซึ่งเจ้าตัวทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรี

แม้ตำแหน่งดาวสภาที่ซูเปอร์โพลมอบให้จะค้านสายตาคนดูอยู่บ้างก็ตาม

 

หันมาดูการให้คะแนนรายบุคคลของนักวิชาการ

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์รัฐศาสตร์ มสธ. แนะนำไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น โดยเฉพาะวิวาทะกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

ตามหลักการประชุมสภา การลุกขึ้นพูดต้องได้รับอนุญาตจากประธานสภา ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ทางกฎหมาย การยั่วยุทางอารมณ์หลากหลายรูปแบบ ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ ต่างจากยุค สนช.

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ลีลาการทำหน้าที่ ความเก๋าเกมทางการเมืองถือว่าเอาอยู่

แต่สิ่งน่ากังวลคือการทำหน้าที่ของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ที่ไม่คุ้นชินกับสภาจากการเลือกตั้ง ไม่เท่าทันนักการเมือง ต้องอาศัยเวลาปรับตัว

ส่วน ส.ส. และ ส.ว.ที่พูดสนับสนุนระบบรัฐประหารในที่ประชุมรัฐสภา เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะผู้ที่เป็น ส.ส.-ส.ว.ต้องเชื่อมั่นเชื่อถือในระบอบประชาธิปไตย

นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่เตรียมพร้อมมาดี พรรคเพื่อไทยติดลบเพราะยังอภิปรายเสียดสี แทนที่จะพูดเรื่องแถลงนโยบาย กลับเหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ

อารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่แสดงออกไม่มากกว่าที่คิดไว้ อยู่ในขั้นพอรับได้ แต่น่าจะควบคุมอารมณ์ได้มากกว่านี้

ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ ไม่ว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน ก็ชี้แจงตามลีลาแต่ละคน จึงอยู่ที่ความเชื่อของคนและต้นทุน ความเชื่อไม่ได้เกิดจากการพูด แต่มาจากความคิดที่มีมาแต่เดิมว่าใครพูดจริง ไม่จริง

“ผมให้คะแนนฝ่ายค้านจาก 10 ให้ 6 ในฐานะมวยรอง มากกว่านายกฯ และรัฐบาลที่ได้ 5 คะแนน” นายสุขุมกล่าว

นายอัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชี้ว่า รัฐมนตรีที่พูดได้เนื้อหามากสุดคือนายสมคิด ให้ 5.5 คะแนน เพราะเป็นการชี้แจงนโยบายด้านเศรษฐกิจ เป็นคนเดียวที่พูดใกล้ความจริงมากที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์แสดงอาการของการเปลี่ยนสนาม ไม่แน่ใจว่าโค้ชติวมาอย่างไร หรือติวแล้วฟังหรือไม่ เพราะไม่เข้าใจบทบาทตัวเองว่าเวลาอภิปรายต้องพูดหรือทำอย่างไร บทบาทตอนนี้ผู้นำฝ่ายบริหารต้องชี้แจงอย่างเดียวว่าจะทำอะไรต่อไป ให้ 4 คะแนน

นายอุตตม สาวนายน ไม่เห็นชี้แจงนโยบายรัฐบาลตรงไหน เหมือนไม่ใช่ รมว.คลัง มีแต่ชี้แจงเรื่องตัวเองเกี่ยวกับคดีสินเชื่อธนาคารกรุงไทย

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไม่มีเครดิตของคนเรียนจบกฎหมาย เพราะสิ่งที่แสดงออกตลอดเวลาคือความพยายามเบี่ยงเบนกฎหมาย ทำให้คนเข้าใจผิด จึงให้แค่ 2 คะแนน

ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้ 0 คะแนน เพราะไม่ได้สนใจใส่ใจอะไร

สำหรับ ส.ส.ฝ่ายค้านครั้งนี้เป็นครั้งแรกของหลายคนหลายพรรคที่ได้ทำหน้าที่ในสภา ให้ 7 คะแนน

คาดหวังว่าการอภิปรายงบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ได้ดีกว่านี้

 

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว พูดถึง “โจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และอดีต รมช.เกษตรฯ ที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ได้ตำแหน่ง “ม้ามืด” ไปครอง

“ไม่เคยได้เห็นบทบาทเขาแบบนี้ในสภา ล็อกคอประยุทธ์ ตอบคำถามเรื่องคอร์รัปชั่นใน ปภ. แถมโยนไดนาไมต์ใส่ ส.ว. เรื่องเลียรองเท้าทหาร มีคนวิเคราะห์ว่า เป็นสกิล แบบ Kill All ตายยกรัง”

และที่น่าสนใจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความชื่นชมการทำหน้าที่ของนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุ ในวันอภิปรายแถลงนโยบาย

พอพี่สุทินพูดจบ ผมเดินไปขอจับมือ และแสดงความชื่นชม

“ผมคุยกับเพื่อน ส.ส.พรรคอนาคตใหม่หลายคนว่า พวกเราต้องมี ส.ส.ที่ปราศรัยให้ได้แบบแนวของพี่สุทินบ้าง นำเรื่องราวของพี่น้องประชาชนมาร้อยรัดและเก็บประเด็นไล่เรียงจนครบเหมือนเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด โดยไม่มีสคริปต์และพูดเข้าใจง่าย”

แต่เรื่องนี้ต้องฝึกฝนใช้ทักษะหลายอย่าง

“สำหรับผม ส.ส.ที่ปราศรัยในการประชุมแถลงนโยบายได้ดีที่สุดคือ สุทิน คลังแสง”

ในพรรคร่วมฝ่ายค้านมีอีกหลายคน อาทิ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย “ครูจุ๊ย” น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ “ผอ.ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้รับการยกให้เป็น “ดาวเด่น” ในสภาครั้งนี้

รวมถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หรือ “หมอชลน่าน” ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย

นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระและนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กว่า

หมอชลน่านเป็นหนึ่งใน “ดาวสภา” ที่มีบทบาทสูงในสภาผู้แทนฯ ชุดนี้ เหมือนกับที่โดดเด่นในสภาชุดอื่นมาแล้วหลายปี โดดเด่นในแง่การอภิปรายที่สุภาพแต่แม่นยำระเบียบข้อบังคับระดับควรได้เป็นประธานสภาในอนาคต

สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นผู้แทนฯ ที่ประชาชนชาวน่านไว้ใจ ลงคะแนนเลือกให้เป็น ส.ส.ต่อเนื่องจะ 20 ปี สิ่งนี้คือเกียรติยศขั้นสูงสุดของสัมมาชีพที่เรียกว่า “ผู้แทนราษฎร”

 

“คนชอบใช้คำว่าดาวสภา ยกย่องนักการเมืองที่พูดเก่งอยู่ไม่กี่วัน แต่ผมว่าดาวสภาควรหมายถึงผู้แทนฯ ที่ทำงานเป็น ประชาชนเลือกให้เป็นตัวแทนอย่างชัดแจ้งและยืนระยะในสภาโดยรักษามาตรฐานได้ต่อเนื่อง

การนำเสนอตัวเองได้ดีแค่ครั้งสองครั้งยังไม่มากพอให้ใครเป็นดาวสภาได้ ไม่อย่างนั้นนักพูดหรือนักโต้วาทีก็จะเป็นดาวสภาไปหมด จนคำว่าดาวสภา ไม่มีความหมายอะไรเลย” นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ระบุคำนิยามเกี่ยวกับดาวสภา

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้คือการ “ตัดเกรด” แบบคร่าวๆ ในเวทีแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาที่เสร็จสิ้นไป

ใครคือดาวรุ่ง ดาวโรย ดาวมฤตยู ผลคะแนนอาจตรงใจหรือไม่ตรงใจใครหลายคน

แต่อย่างน้อยจะเป็นสิ่งชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง จุดแข็ง จุดอ่อนของผู้ได้รับการจัดหมวดหมู่ ที่จะนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ให้การทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในสภา

เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง