อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : แกงแดงเพื่อเธอ

หน่อไม้เต็มตลาด แบบหั่นแล้วเหมาะจะเอามาคั่ว ผัดไข่ หรือยำ แต่นั่นไม่ใช่แบบที่ฉันมองหา ตอนนี้เป็นฤดูกาลของหน่อไม้ เราควรกินให้สาแก่ใจ หน่อที่เพิ่งเก็บตอนเช้า เอามาต้ม แล้วขายตอนเย็น คือหน่อไม้ในอุดมคติ

ฉันเลือกแบบเป็นหน่อกลับบ้าน พร้อมไก่ครึ่งตัว พริกชี้ฟ้าแดง น้ำพริกแกงเผ็ด กะทิครึ่งกิโลกรัม และใบโหระพา

“จะแกงแดงล่ะ กินกับขนมจีนหรือข้าวดี” ฉันถาม

เขายิ้มกว้าง “ข้าวก่อนดีกว่า แล้วค่อยเป็นขนมจีนมื้อต่อไป”

เขาชอบแกงเผ็ดหน่อไม้ใส่ไก่มาก เขาเรียกมันว่าแกงแดง เพราะน้ำแกงออกสีแดง

ฉันรู้ว่าเขาชอบแค่ไหน แต่ฉันจะแกงก็ต่อเมื่อถึงฤดูกาลของหน่อไม้เท่านั้น หน่อปี๊บที่มีขายทั้งปีน่ะเหรอ แกงอย่างไรก็ไม่อร่อย เสียดายกะทิ เสียดายเวลา เสียดายความคาดหวัง

“ดูหน่อสิ แกงยังไงก็อร่อย” ฉันว่า

“แบบที่บ้านเราไม่มี”

ฉันหัวเราะ ก็ใช่สิคะ สามพรานน่ะหาหน่อไม้สดๆ ยากมาก ต่อให้เป็นฤดูฝนก็เถอะ ตอนเราอยู่ที่นั่น ฉันไม่เคยแกงเผ็ดหน่อไม้เลย

“วันนี้ยุงเยอะนะ จะทำกับข้าวเหรอ”

“ยังไงก็ต้องมียุง เข้าบ้านไปเหอะ อีกยี่สิบนาทีออกมาชิมนะ”

ฤดูฝนของบ้านสวน มียุงทั้งวัน ชุกชุมที่สุดยามอัสดง ถ้าเราเอาแต่กลัวยุง เราก็คงไม่ต้องทำอาหารตลอดฤดูฝน

“แป๊บนะ” ฉันนึกอะไรขึ้นได้ “อยากให้หั่นหน่อแบบไหน เป็นแผ่นบาง หรือเต๋า”

เขาคิดชั่วอึดใจ “แผ่นบางๆ ดีกว่า”

เขาเลือกได้ถูกต้อง ดูเหมือนน้ำแกงจะทำงานกับหน่อไม้แผ่นบางๆ ได้ดีกว่าหน่อที่มีความหนา

 

พอเขาคล้อยหลังไป ฉันรีบเก็บกะทิไว้ในตู้เย็น กะทิแบบคั้นที่ซื้อมานั้น สะดวกก็จริง แต่ต้องรีบแกง ต่อให้เร็วแล้ว ก็ไม่ควรวางใจ มันเสียง่ายมาก เอาไว้ในตู้เย็นระหว่างเตรียมวัตถุดิบอื่นจะปลอดภัยกว่า

หน่อไม้ต้มมาเป็นหน่อ ฉันลอกเปลือกออก ตัดส่วนที่แข็งทิ้ง แล้วหั่นให้เป็นชิ้นบาง เขาชอบหน่อไม้ ฉันจะใส่มากเป็นพิเศษ นั่นหมายถึง ต้องเพิ่มปริมาณกะทิ และน้ำพริกแกง จึงจะได้แกงแดงถูกปากเขา

ซื้อน้ำพริกแกงเผ็ดมาจากตลาด แกงให้อร่อยได้แน่ ถ้าเราใช้กะทิดี และใส่ปริมาณน้ำพริกอย่างพอเหมาะ

ล้างพริกชี้ฟ้าแดง เอาเมล็ดออก แล้วหั่นให้เป็นเส้นเตรียมไว้ เด็ดใบโหระพาไว้อีกถ้วยหนึ่ง ไก่ให้แม่ค้าสับมาจากตลาดแล้ว ฉันชอบไก่ติดกระดูก เลยเลือกซื้อครึ่งตัว เคยเห็นบางคนใช้เนื้ออกแกง อย่างนั้นก็กินง่ายดี อร่อยเหมือนกัน

ใส่หัวกะทิลงหม้อ ตั้งไฟอ่อน คนไม่หยุดมือกระทั่งกะทิข้นขึ้น แตกตัวเป็นน้ำมันลอยหน้า ใส่น้ำพริกแกงลงไป ยังใช้ไฟอ่อน ผัดน้ำพริกแกงไปเรื่อยๆ ยิ่งผัดนาน ก็จะดึงกลิ่นน้ำพริกออกมาได้มาก

แน่ใจว่าหอมแล้ว ฉันใส่ไก่ลงไป เร่งไฟขึ้นนิด ผัดพอให้ไก่ตึง จึงเติมหางกะทิ แล้วเร่งไฟแรงสุด หางกะทินั้น ฉันเติมอย่างระวัง ให้น้อยเอาไว้ก่อน กลัวแกงจะจืดไป

ใส่หน่อไม้ลงหม้อตอนกะทิเดือด กะทิจะสงบลง รอให้เดือดอีกครั้ง จึงเยาะน้ำปลาและเติมน้ำตาล ชิมให้ได้รสที่ชอบ ใส่พริกแดงกับใบโหระพาพร้อมกัน จากนั้นก็ปิดเตา

รสที่ใช่ คือรสที่ชอบ

ไม่มีแกงหม้อใดที่เหมาะสำหรับทุกคน บางคนชอบหวาน บางคนชอบเผ็ด บางคนชอบกะทิใสหน่อย บางคนก็ชอบเค็ม

 

ฉันปรุงให้หวานเล็กน้อย รสเค็มโดดเด่นพอๆ กับเผ็ด หอมน้ำพริกแกง และมันจากกะทิ เขาชอบกินแกงกับพริกน้ำปลา ฉันต้องละความเค็มไว้ให้พริกน้ำปลาด้วยสิ

ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ฉันตั้งใจแกงเพื่อเขา มันเป็นอาหารโปรดของเขา ซึ่งแม้สามัญ มีขายเป็นถุงในตลาดนัด แต่เขาย่อมรู้สึกถึงความแตกต่าง มันเป็นความต่างที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจและความใส่ใจของฉัน

เรียกเขาออกมาชิม ตักแกงใส่ถ้วยจิ๋ว มีน้ำแกงกับหน่อไม้หนึ่งชิ้น เนื้อไก่คงไม่ต้อง เพราะยังไงก็อร่อย

“เป็นไงบ้าง” ฉันถาม

“ฮืม…อร่อยมาก” ลากเสียงคำว่ามากยาวยืด

ก็แค่นี้ล่ะ ที่แม่ครัวอยากได้ยินให้ชื่นใจ

“มีพริกน้ำปลาทำจากพริกสวนหลายๆ สี ใส่กระเทียมซอยเยอะๆ แล้วก็กินกับไข่เจียวโนะ”

เขาพยักหน้าแรง

 

ฉันตวงข้าวหุง ข้าวใหม่กินกับแกงแดง มันต้องเข้ากันแน่ๆ หุงให้มากหน่อย เพราะเราต้องกินอย่างน้อยสองจาน

กดหม้อหุงข้าว แล้วฉันก็เดินออกจากครัว แขนมีรอยแดง ถูกยุงกัดตอนไหนก็ไม่รู้ คันจนห้ามใจไม่ได้ ยังไงก็ต้องเกา

ฟ้าครึ้มมาสองวัน เมฆดำลอยต่ำ แต่ยังไม่ยอมกลายเป็นฝน ไม่ค่อยเห็นแดดอย่างนี้ล่ะ ที่ยุงจะขยันออกล่า และฉันก็เป็นเหยื่อของยุง กี่ตัวล่ะเนียะ ไม่ได้คันแต่แขนแล้วล่ะ หลังก็คัน ยุงแน่ๆ เลย

ยุงกัด แขนมีตุ่ม หลังแดง แต่ไม่เป็นไรเลย อาบน้ำก็ดีขึ้น

ฉันโอเค ต่อให้มียุงมากกว่านี้ก็เถอะ ฉันยอม ยอมแลกกับแกงหม้อนี้โดยยินดี