ยานยนต์ สุดสัปดาห์ /สันติ จิรพรพนิต [email protected]

‘อาวดี้ ทีที’ – ‘เปอโยต์ 3008’

2แบรนด์ยุโรปเขย่าตลาดไทย

 

แม้ตัวเลขยอดขาย 6 เดือนแรกของค่าย “อาวดี้” จะไม่หวือหวามากนัก เนื่องจากปัญหาจากบริษัทแม่ที่เยอรมนีเกี่ยวกับการวัดค่าไอเสียระบบใหม่ ที่ทำให้ส่งรถล่าช้าหลายเดือน แต่ผ่านมาได้แล้ว เพียงแต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้นพลอยทำให้อาวดี้ประเทศไทยเสียโอกาสไปพอสมควร

กระนั้นก็ตาม อาวดี้ยังรุกตลาดต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัว “Audi TT” สเป๊กไทย ที่มาพร้อมกัน 3 รุ่น ประกอบด้วย New Audi TT Roadster, Audi TTS Coupe และ Audi TT Coup ใหม่

“Audi TT” ถือเป็นรถสปอร์ตที่หน้าตาหล่อเหลาทีเดียว ในเมืองไทยมีสาวกเฝ้ารออยู่พอสมควร เห็นได้จากการเปิดจอง Audi TT รุ่นฉลอง 20 ปีทางออนไลน์ มีคนคลิกจองซื้อจนหมดโควต้าในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

เริ่มจากรุ่นแรก The new Audi TT Roadster 45 TFSI quattro S line เติมเต็มอารมณ์โรดสเตอร์ด้วยหลังคาแบบซอฟต์ท็อปสีดำ ระบบเปิด-ปิดควบคุมด้วยไฟฟ้า แม้จะเป็นรถในรูปแบบโรดสเตอร์ แต่ก็ยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้ 280 ลิตร เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ไดเร็กต์อินเจ็กชั่น เทอร์โบชาร์จ ขนาด 1,984 ซีซี กำลังสูงสุด 230 แรงม้าที่ 4,500-6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตรที่ 1,600-4,300 รอบ/นาที

ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 จังหวะ และสามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองที่แป้นหลังพวงมาลัย ช่วยเพิ่มความสนุกในการขับขี่มากขึ้น

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

มั่นใจด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ quattro เอกลักษณ์ของอาวดี้ พร้อมช่วงล่างแบบสปอร์ต

 

ถัดมาเป็นตัวแรง “Audi TTS Coupe” และ “TT Coupe 45 TFSI quattro S line” ต่างกันที่ขุมพลังและอุปกรณ์ตกแต่งเล็กน้อย

Audi TT เป็นไอคอนยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ตั้งแต่เผยโฉมอย่างเป็นทางการในรูปแบบของรถต้นแบบในปี 2538 และยังพัฒนาเพื่อให้ได้รถที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุด ก่อนที่รถรุ่นแรกจะเข้าสู่โลกยานยนต์ในปี 2541 และได้รับความนิยมไปทั่วโลก

จุดเด่นคือ การสร้างความพึงพอใจในการขับขี่ การดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดโดยรวมของตัวรถที่เป็นหนึ่งเดียว เส้นสายโค้งหลังคาที่โดดเด่น ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็เน้นความสะดวกสบายในการขับขี่และเดินทาง

Audi TTS Coupe ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ไดเร็กต์อินเจ็กชั่น ขนาด 1,984 ซีซี กำลังสูงสุด 286 แรงม้าที่ 5,300-6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,200 รอบ/นาที ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 จังหวะ

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 4.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ช่วงล่าง Audi magnetic ride ระบบช่วงล่างที่จะปรับความหนืดของโช้กอัพด้วยอนุภาคแม่เหล็ก ตามสถานการณ์การขับขี่จริง (real time) ที่นิยมติดตั้งในรถสปอร์ตสมรรถนะสูง อาทิ Audi R8 เพื่อลดอาการโคลงของตัวถัง และเสริมสร้างเสถียรภาพในทุกจังหวะของการขับขี่

ส่วน “TT Coupe 45 TFSI quattro S line” เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1,984 ซีซี เทอร์โบ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ “quattro” แบบอิเล็กโทรไฮดรอลิก มัลติเพลตคลัตช์ ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อหน้าในการขับขี่ปกติ แต่หากอยู่ในบางสถานการณ์ที่ล้อหลังต้องการกำลังเพื่อเพิ่มการทรงตัว หรือเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ ระบบจะส่งกำลังไปยังล้อหลังภายในเสี้ยววินาทีในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างกันออกไป

ติดตั้งระบบ Audi Drive Select ให้ผู้ขับได้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม ทั้งสไตล์ในการขับขี่และสภาพถนน ประกอบไปด้วย comfort, auto, dynamic, efficiency และ individual ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้จะควบคุมการทำงานของช่วงล่าง เครื่องยนต์ และพวงมาลัยที่แตกต่างกัน

ส่วนระบบเกียร์เป็นแบบดูอัลคลัตช์ ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ไม่มีจังหวะสะดุด โดยมีโหมด manual ให้เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้เองจากแพดเดิล ชิฟต์ ซึ่งติดตั้งไว้ที่ด้านหลังพวงมาลัย

 

ปิดท้ายด้วยความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของค่าย “เปอโยต์” รถแบรนด์ดังจากฝรั่งเศสที่กลับมาทำตลาดในเมืองไทยอีกรอบภายใต้บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เปอโยต์ ประเทศไทย ในเครือ “บริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด” ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หลายยี่ห้อเหลือเกิน

2 รุ่นแรกที่มาเปิดตัวใหม่ในบ้านเราเป็นเอสยูวี คือ เปอโยต์ 3008 และเปอโยต์ 5008 โดยนำเข้าจากมาเลเซีย

รุ่นที่มาเจาะลึกขอไปที่ “เปอโยต์ 3008” เพราะกวาดรางวัลมาเกือบทุกประเทศที่ไปจำหน่าย

รูปร่างหน้าตาสปอร์ต ดุดันดีทีเดียว กระจังหน้าขนาดใหญ่ ไฟหน้าออกแบบดูเท่ แบบแอลอีดีโปรเจ็กเตอร์เลนส์ และไฟเดย์ไทม์เป็นเส้นคล้ายๆ คิ้วของไฟหน้า ระบบไฟหน้าและไฟตัดหมอกปรับองศาตามการเลี้ยว

ไฟท้ายหลังเป็นแบบ LED มีระบบ Smart Electric Tailgate โดยฝาท้ายประตูหลังเป็นระบบเพียงแค่ยื่นเท้าไปด้านใต้กันชนตัวรถ ประตูจะเปิด-ปิดอัตโนมัติ

ภายในเน้นความสปอร์ตและหรูหรา ออกแบบห้องโดยสารแบบ “i-cockpit” ให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เพิ่มความรู้สึกของห้องโดยสารและทำให้ผ่อนคลายไปกับความปลอดโปร่ง

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสองก้านพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ปุ่มคำสั่งในตัวรถแบบ Piano key ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปุ่มเครื่องเล่นเปียโน

เพิ่มบรรยากาศหรูหรามากขึ้นด้วยไฟ LED สีฟ้าตามจุดต่างๆ เช่น แผงประตู คอนโซลรถ

หลังคา Panoramic glass roof สั่งการได้ด้วยสวิตช์ออกคำสั่งภายในตัวรถ พร้อมม่านบังแดดปรับระดับได้

 

ขุมพลังเครื่องยนต์ PureTech เบนซิน 1.6 ลิตร THP แบบไดเร็กต์อินเจ็กชั่น ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร

เกียร์ Auto 6 สปีด Efficient Automatic Transmission (EAT6) พร้อม Quick shift Technology ปรับโหมดขับขี่ได้ 5 แบบ

ระบบช่วงล่างด้านหน้าใช้ Psuedo Macpherson สตรัต ด้านหลัง Semi-independent deformable

ความปลอดภัยถุงลมนิรภัย 6 จุด ระบบช่วยเหลือในการขับขี่จัดเต็ม แจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน การแจ้งเตือนเมื่อมีรถอื่นขับเข้าใกล้ด้านข้างมากเกินไป

เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “บิ๊กมอเตอร์เซลส์” วันที่ 16-25 สิงหาคมนี้ ที่ไบเทค บางนา

แม้ราคายังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทนำเข้ายืนยันแล้วว่าราคาจับต้องได้