“บิ๊กตู่” ท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกราก จับตา “บิ๊กเจี๊ยบ” รบพิเศษ คนพิเศษ ส่องออร่า “บิ๊กโอ” วงศ์เทวัญม้ามืด

“บิ๊กตู่” ท่ามกลางสายน้ำที่เชี่ยวกราก จากแก้ รธน. ถึงปรองดอง จับตา “บิ๊กเจี๊ยบ” รบพิเศษ คนพิเศษ ส่องออร่า “บิ๊กโอ” วงศ์เทวัญม้ามืด

 

ไม่มีอะไรแน่นอน ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนผ่าน เช่นนี้

อันยิ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองไทยน่าจับตามองยิ่ง

พร้อมๆ กับบทบาทของกองทัพ และขุนทหารแกนนำ คสช.

โดยเฉพาะ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่บอกว่า จะเป็น “สะพาน” นำประชาชนและประเทศ ข้ามผ่าน สายน้ำที่เชี่ยวกราก ไปสู่ฝันที่เป็นจริงนั้น ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางมากมาย แต่ก็หาได้เป็นสิ่งเกินคาดของบิ๊กตู่ไม่

พล.อ.ประยุทธ์ พูดชัดๆ แล้วว่า ไม่ว่าโรดแม็ปจะเคลื่อนหรือเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ จะเลือกตั้งปี 2560 หรือ 2561 แต่กว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ก็ล่วงเข้าปี 2561 นั่นแล้ว แล้วไม่ใช่เลื่อนเพราะตนเอง

ที่สำคัญ ย้ำชัดๆ ว่า จะต้องให้ผ่านพระราชพิธีพระบรมศพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสียก่อน จึงจะมีการปลดล็อกพรรคการเมือง ให้หาเสียง และเตรียมสู่การเลือกตั้ง

โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 เพื่อที่จะแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านประชามติไปแล้ว ตามพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เรื่องพระราชอำนาจ ก็อาจทำให้ “จุดสตาร์ต” ของโรดแม็ปไปสู่การเลือกตั้ง เคลื่อนไปบ้าง

นั่นหมายถึง ความชัดเจนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล คสช. จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2561

01

อีกทั้ง หลังเลือกตั้งแล้ว หลายฝ่ายก็ยังเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจจะยังอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนนอก ของรัฐบาลผสม หรือรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ ตามที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้

จึงยิ่งทำให้ หมากเกมของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเดินหน้าเรื่องปฏิรูป และปรองดอง มีนัยยะสำคัญยิ่ง

โดยเฉพาะการมอบหมายให้ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เป็นรองหัวหน้า คสช. รับผิดชอบในการทำเรื่องปรองดอง ร่วมกับ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิก คสช.

เรียกได้ว่า น้องเล็ก อย่างบิ๊กตู่ มอบภาระสำคัญนี้ให้ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ และบิ๊กป๊อก พี่รอง แห่ง คสช. เลยทีเดียว โดยให้ ผบ.เหล่าทัพ เสริมทีม

โดยให้ บิ๊กณัฐ พล.ท.ณัฐ อินทรจริญ รอง เสธ.ทบ. และ ผอ.ศูนย์ปรองดองฯ ของ คสช. น้องรักบิ๊กป้อม ช่วยอีกแรง เพราะทั้งกลาโหม และ ทบ. ได้ทำเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

ตามไอเดียของนายกฯ และบิ๊กป้อม คือ ให้ตั้งทีมงานที่เป็นระดับผู้ใหญ่ขึ้น แล้วเชิญตัวแทนทุกพรรคการเมือง และกลุ่มการเมือง เช่น นปช. และ กปปส. มาพูดคุยกับทีมงาน ทีละพรรค ทีละกลุ่ม เพื่อรับทราบความต้องการ และหาแนวทางในการให้อยู่ร่วมกันแบบสันติได้ ไม่ทะเลาะ ตีกันอีก

โดยมีกำหนดให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง เพื่อที่การเลือกตั้งจะได้ไม่วุ่นวาย หรือเกิดการตีกันอีก

แต่มีเงื่อนไขว่า ในการเจรจาพูดคุย จะไม่มีการ “นิรโทษกรรม” ใดๆ ให้กับคนที่ทำผิดกฎหมาย หรือในเรื่องคดีความ แม้แต่การนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ม็อบเสื้อเหลือง เสือแดง ในช่วงที่ผ่านมา

เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเรื่องการนิรโทษกรรมมาต่อรอง เพราะบิ๊กป้อมเกรงว่า จะมีการนำไปโยงกับการนิรโทษกรรมของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่มีกระแสข่าวลือสะพัดมาตลอดตั้งแต่ช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา

ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า จะไปจบลงตรงที่ การให้ตัวแทนพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆ ทำสัตยาบรรณอย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกัน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

สถานการณ์บ้านเมือง ช่วงเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่าน ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน รวมทั้งรายละเอียดในการแก้ไขเรื่องพระราชอำนาจ ในร่างรัฐธรรมนูญ ที่คาดกันว่า มีเรื่องการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และองค์รัชทายาท

รวมทั้งเรื่องที่ไม่คาดฝัน หรือควบคุมไม่ได้ นี่เอง ที่ทำให้มีการจับตามองไปที่บทบาทของกองทัพ

โดยเฉพาะ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะผู้คุมขุมกำลังรบ และเป็นขุนพลคนสำคัญในสายบ้านสี่เสาเทเวศร์

อย่าลืมว่า กลายเป็นเรื่องฮือฮา ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือก พล.อ.เฉลิมชัย มาเป็น ผบ.ทบ. นั่นแล้ว

เพราะมีเสียงจากตึกไทยคู่ฟ้า มาตลอดเป็นปีๆ ว่า “นายกฯ บิ๊กตู่ เลือกบิ๊กเจี๊ยบ เป็น ผบ.ทบ. แน่นอน”

ด้วยเหตุผลหลายข้อ โดยเฉพาะเหตุผลที่ว่า “บิ๊กเจี๊ยบ เป็นคนที่ได้ถูกเลือกมาแล้ว”

ยิ่งในเวลานี้ มีข่าวสะพัดว่า ได้มีการวางตัว พล.อ.เฉลิมชัย ให้เป็น “ทายาท” ของ พล.อ.ประยุทธ์ หากต้องวางมือในอนาคต

ข่าวนี้ไม่ได้สะพัดแค่ในกองทัพ แต่ยังเป็นประเด็นสนทนาในหมู่นักการเมืองด้วย

เพราะเชื่อกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เป็นคนเดียวที่เลือก พล.อ.เฉลิมชัย มาเป็น ผบ.ทบ.

แต่รวมถึง มีการสนับสนุนจากทั้ง ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋า และ “อำนาจพิเศษ” อีกด้วย

จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูในหลายวงสนทนา ของทั้งทหารและนักการเมือง ว่า บิ๊กเจี๊ยบ รบพิเศษ นั้น พิเศษไม่ธรรมดา

เพราะตั้งแต่บิ๊กเจี๊ยบสามารถฝ่าวงล้อมวงศ์เทวัญ และบูรพาพยัคฆ์ ขยับจาก ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ขึ้นมาเป็นห้าเสือ ทบ. นั่งเก้าอี้ พลเอก ผช.ผบ.ทบ. จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แถมเหลืออายุราชการอีก 3 ปี โดยเกษียณกันยายน ปี 2561 อันเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้ง และเปลี่ยนรัฐบาลใหม่

และคาดกันว่า ในเวลานั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะต้องสลายไป เมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ หรือแค่ครึ่งใบ เพราะอาจมีนายกฯ คนนอก ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และอาจเป็นช่วงบทเฉพาะกาล ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน

พล.อ.ประยุทธ์ อาจต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก ตามที่คาดหมายกันมานาน หรืออาจมี “ตัวเลือก” ที่เล็งๆ สำรองไว้ด้วย หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการที่จะวางมือ

โดยเชื่อกันว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากเก้าอี้นายกฯ ไม่ว่าเมื่อใด เขาจะได้ทำหน้าที่สำคัญในการรับใช้สถาบัน หลังที่ บิ๊กหนุ่ย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เพื่อนรัก ตท.12 และ บิ๊กต๊อก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา น้องรัก ตท.15 และ บิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ น้องรัก ตท.16 ที่ไปทำหน้าที่องคมนตรี

ส่วนคนที่จะขึ้นมาคุมกองทัพต่อจาก พล.อ.เฉลิมชัย ที่เกษียณกันยายน 2561 ก็คือ บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จ่อขึ้นห้าเสือ ทบ. และรอขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

ถือเป็น สายวงศ์เทวัญ และราบ 11 คอนเน็กชั่น น้องรักของ พล.อ.ดาว์พงษ์ และ พล.อ.ไพบูลย์ อีกด้วย

แม้จะมีกระแสข่าวว่า สายบ้านสี่เสาฯ หนุน บิ๊กแช พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2 ขุนพลอีสาน ที่ติดตามถวายงานรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ในฐานะทหารเสืออีสาน มาตลอด ตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

พล.ท.วิชัย เป็น ตท.17 และมีอายุราชการถึงปี 2562 ส่วน พล.ท.อภิรัชต์ เป็น ตท.20 มีอายุราชการถึงปี 2563

แต่ทว่า พล.ท.อภิรัชต์ ก็เป็นวงศ์เทวัญที่ พล.อ.เปรม สนิทสนมรักใคร่ไม่น้อย จนแทบจะถูกเรียกว่าเป็น วงศ์เทวัญ ลูกป๋า เลยก็ว่าได้ ด้วยสายสัมพันธ์ต่างๆ จึงทำให้ พล.ท.อภิรัชต์ มีน้ำหนักดีกว่า พล.ท.วิชัย

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์
พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์

แต่ก็ไม่อาจมองข้าม “วงศ์เทวัญม้ามืด” อย่าง บิ๊กโอ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อน ตท.20 ของ พล.ท.อภิรัชต์ ที่แม้ตอนนี้จะดูก้าวช้ากว่าเพื่อนๆ แต่ก็อาจขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในโยกย้ายปลายปีนี้แทน พล.ท.อภิรัชต์ เลย

นอกจากผลงานจากการที่ไปเป็น รอง ผอ.กอร.รส. ดูแลความสงบเรียบร้อยที่สนามหลวง ในการดูแลประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของสนามหลวง และเป็นที่รู้จักของประชาชนแล้ว

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ เป็นนายทหารวงศ์เทวัญ ที่เติบโตมาจาก ร.1 รอ. เป็นทหารรักษาพระองค์ มาตลอด เป็นทั้งผู้บังคับกองพันที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน 2 รอ.) และ ผบ.ร.1 รอ. และ ผบ.พล.1 รอ. อีกด้วย

ไม่แค่นั้น พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ ยังมีอายุราชการถึงปี 2564 เรียกได้ว่า กลายเป็น “ม้ามืด” และตัวแปรที่จะตัดหน้า บิ๊กตู่ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 สายบูรพาพยัคฆ์ น้องรักบิ๊กป้อม ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ด้วย รวมถึงการชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคตได้ด้วยเช่นกัน

จนทำให้ตั้งข้อสังเกตกันในกองทัพว่า ยุคของบูรพาพยัคฆ์ ในกองทัพ น่าจะค่อยๆ อับแสงลง และกลับมาสู่ยุคทหารวงศ์เทวัญ ซึ่งเป็นสายเหล่าที่คุมกำลังในกองทัพบก และในกองทัพภาคที่ 1 และ พล.1 รอ. มายาวนาน ในอดีตนั่นเอง

fullsizerender

จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ยังถึงขั้นต้องยอมเลือกทหารรบพิเศษ อย่าง พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. และเลือก พล.ท.อภิรัชต์ วงศ์เทวัญ ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แม้ว่าในตอนนั้นอาจจะต้องขัดใจ หรือต้องเปิดอกคุยกับ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ พี่ชายที่แสนดี ที่แสนรักน้อง ก็ตาม

นี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในระยะหลังๆ มานี้ พล.อ.ประวิตร ก็มีความสนิทสนมใกล้ชิด พล.อ.เฉลิมชัย มากขึ้น แม้ว่าจะไม่เคยทำงานด้วยกันมาตอนเป็นทหารเด็กๆ เพราะโตมาคนละเส้นทาง

และแม้ว่า พล.อ.เฉลิมชัย จะเป็นน้องรักสายรบพิเศษของ พล.อ.สุรยุทธ์ อดีต ผบ.ทบ. ที่มีเรื่องคาใจกับ พล.อ.ประวิตร สมัยอยู่ใน ทบ. มาก็ตาม

แต่จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประวิตร แสดงให้เห็นถึงความเอ็นดู พล.อ.เฉลิมชัย มากขึ้น เพราะบิ๊กป้อมบอกว่า ไม่ว่าโตมาจากไหน ก็ถือว่าเป็นน้องของผมทุกคน

08

“แม้อาจจะมองว่า ผมไม่ใช่คนของท่าน เพราะไม่ได้รับราชการมากับท่าน เพราะโตมาคนละเส้นทาง แต่ผมก็ได้มีโอกาสทำงานกับท่าน ตอน 1 ปีที่ผมเป็น ผช.ผบ.ทบ. ท่านก็รู้จักผม และให้เกียรติผม” บิ๊กเจี๊ยบพูดถึงบิ๊กป้อม

พร้อมๆ กับเสียงสะท้อนจากในกองทัพ โดยเฉพาะ ทบ. ที่ว่า บิ๊กเจี๊ยบเป็นทั้งคนดี และคนเก่ง เรียบง่าย สมถะ มีแนวทาง จุดยืนของตนเองในการเป็น ผบ.ทบ. ที่ไม่ต้องการให้ใครมาแห่แหนห้อมล้อม เดินตามเป็นขบวน แต่ชอบเงียบๆ เรียบง่าย

ไม่นับรวมบทบาทการเป็นเลขาธิการ คสช. ที่เป็นเสมือนเลขาฯ ของหัวหน้า คสช. อย่างบิ๊กตู่ และเป็น ผบ.กองกำลังรักษาความสงบฯ ที่มีกำลังทุกเหล่าทัพอยู่ในกำมือ

ที่ก็ล้วนเป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไตร่ตรองมาแล้วนั่นเอง…

ดังนั้น นอกจากจะจับตามองบิ๊กตู่นับจากนี้แล้ว ก็ยังต้องจับจ้องที่บิ๊กเจี๊ยบ ผบ.ทบ. รบพิเศษ ที่มาแบบพิเศษๆ ในสถานการณ์พิเศษๆ คนนี้ด้วย