ฟ้า พูลวรลักษณ์ | Sex สังขาร และ ต่อมความคิด

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๓๕)

ฉันเคยฟังคลิปบางคลิปที่มีหัวข้อน่าสนใจ เช่นคลิปหนึ่ง หัวข้อคือ ผลของการปัสสาวะในขณะอาบน้ำ ฉันเกิดความอยากรู้ ว่าเขาจะว่ายังไง เพราะฉันไม่รู้ แต่ฟังตั้งนานก็ไม่รู้คำตอบ เพราะเธอพูดยืดยาดมาก เกริ่นนำอะไรมากมาย ฟังแล้วใจของฉันจะขาด ฉันต้องปิด

ที่ใจของฉันจะขาด เพราะเสียงของเธอคนนั้น ช่างว่างเปล่า ไร้อารมณ์มนุษย์อย่างสิ้นเชิง นี้คือเสียงของคนที่พยายามเลียนแบบหุ่นยนต์

ทำไมพวกเขาจึงทำคลิปแบบนี้

คลิปที่ฟังแล้วใจจะขาด

คลิปวิชาการ ก็น่าจะใส่อารมณ์มนุษย์ลงมาด้วย ให้เสียงนั้นน่าฟัง ไม่ใช่ไร้ความรู้สึก เสียงที่แบนราบ ไม่มีสูง ไม่มีต่ำแบบนั้น

มันอาจพอใช้ได้ หากเป็นเสียงสวดมนต์

แต่นี่ไม่ใช่เสียงสวดมนต์

หากฉันสวดมนต์ อย่างน้อย ฉันอยู่ในอีกอารมณ์หนึ่ง ซึ่งยกเว้น

ฉันยอมรับว่า พระคือคนที่ตายแล้ว และเสียงนั้นจะไร้ความรู้สึก ก็ไม่ว่ากัน

ฉันไม่คาดหวังให้เสียงสวดมนต์ไพเราะ เหมือนเสียงเพลง มันน่ากลัวถ้าเป็นเช่นนั้น มันอาจเกิดความสับสน

เสียงสวดมนต์ที่สูงต่ำดั่งเสียงดนตรี มันอาจไม่เหมาะสมก็ได้ อารมณ์เดียวที่เสียงสวดมนต์ควรมอบให้ คือความสังเวช

อย่าบอกนะว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่กำลังจะขยายตัวกว้างขึ้นในอนาคต นั่นคือ มนุษย์จะเลียนแบบหุ่นยนต์ ไม่ใช่หุ่นยนต์เลียนแบบมนุษย์

เรากำลังจะเลียนแบบสิ่งที่ไม่สมควรเลียนแบบอย่างนั้นหรือ

หากเป็นเช่นนั้น นี่เป็นข่าวร้ายสูงสุด

ปัญหาหนึ่งที่รบกวนจิตใจฉัน

๑ ความคิดดำรงไปเรื่อย

๒ แต่สังขารกลับดำรงอยู่ไม่ได้

ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยที่ความคิดเดินไปได้แสนไกล ดำรงอยู่ได้อย่างยาวนาน เป็นเหมือนอมตะ แต่สรรพสิ่ง เกิดจากสังขาร และสังขารนั้นไม่เที่ยงแท้ ดำรงอยู่ไม่ได้

ทันใดนั้นเอง ความนิ่งของความคิดก็เกิดปัญหา ว่าจริงแล้วหรือ

ความคิดต้องตามสังขารไหม

ฉันคิดว่า ควร

ความคิดไม่ควรแยกตัวเองออกมาโดดๆ มันควรพึ่งพาสังขารด้วย

มันควรถูกตรวจสอบด้วยสังขาร เพราะสังขารไม่เที่ยงแท้นั่นเอง

ความย้อนแย้งนี้ ทำให้ความคิดของฉันว่างเปล่า

ตรงนี้คือความปวดร้าว

หากฉันเป็นคนติดยึด ฉันคงเป็นคนไม่ยอมรับความจริง หรือไม่ก็คงโศกเศร้ากับการสูญเสีย

แต่เพราะฉันเป็นคนไม่ติดยึด ฉันจึงยอมรับว่าทุกสิ่งไม่เที่ยงแท้ ทุกสิ่งพริบตาเดียวก็หายไป ฉันจำสิ่งที่ฉันเขียนไม่ได้ ไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นนักเขียน ฉันเป็นเพียงปลาตัวเล็กตัวหนึ่ง ที่ดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ในมหาสมุทร

แต่ละวัน มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์มากมายเกี่ยวกับชีวิต

ฉันรับรู้เท่านี้

ร่างกายของฉันเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น เริ่มมีอาการเจ็บปวดตามกล้ามเนื้อ แต่เมื่อเจ็บตรงไหน ฉันก็ฝึกท่าบริหารมารับมือ ปรากฏว่ามันก็รับมือได้ อย่างน้อยก็วันนี้ ร่างกายของฉันก็ไม่มีอาการเจ็บปวด

ตอนแรกที่มันเป็น คล้ายจะสิ้นหวัง เช่นวันหนึ่ง ฉันตอนตื่นขึ้นมา ปวดแขนซ้ายมาก ไปหาหมอ หมอตรวจแล้ว บอกว่าหมอนรองกระดูกที่คอของฉันเสื่อม

หากฟังแบบนี้ น่าจะสิ้นหวัง เราจะไปรับมือกับอาการเสื่อมของหมอนรองกระดูกได้อย่างไร

ฉันไม่ชอบกินยา เพราะไม่ไว้ใจยา

การกินยา อาจมีผลต่อไต การกินยาประจำคือการฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ

ฉันไม่ชอบการผ่าตัด เพราะฉันกลัวผลข้างเคียง คนที่ผ่าตัดแล้วอาจไม่เหมือนเดิม บางคนเสียงเปลี่ยนไปเลย บางคนเดินตัวเอียง ที่หนักคือ บางคนเดินไม่ได้เลย เราประเมินไม่ถูกถึงผลข้างเคียง

ฉันจึงเก็บยาก็ดี การผ่าตัดก็ดี ไว้เป็นหมากตาสุดท้าย

แต่จะใช้วิธีแรก ที่เรียบง่ายที่สุด ปลอดภัยที่สุด คือการฝึกท่าบริหารกาย

มันเชื่องช้า ทีละน้อย ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

แต่สำหรับฉัน ก็ได้ผลทุกที

๗แน่ละ ท่าบริหารกายของฉันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

สมัยก่อนมีเพียงสองสามท่า วันนี้มีสิบกว่าท่า

ท่าหนึ่งสำหรับอาการเจ็บก้น ท่าหนึ่งสำหรับอาการเจ็บเอว ท่าหนึ่งสำหรับอาการเจ็บแขน ฯลฯ

แต่ทว่าจะหลายท่าปานใด ที่จริงแล้วก็ง่าย เพราะแต่ละท่ากินเวลาไม่นาน

รวมหมด ก็ยังแค่สิบห้านาทีเท่านั้นเอง

ต่อให้นานถึงครึ่งชั่วโมง หรือหนึ่งชั่วโมง ฉันก็เต็มใจ

ไม่มีอะไรเป็นเรื่องส่วนตัวยิ่งกว่าสังขารอีกแล้ว

สมัยฉันเป็นเด็ก Sex มีความสำคัญอันดับสาม ซึ่งถือว่าสูงมาก แต่ก็ยังไม่สูงที่สุด ยังมีอีกสองสิ่งที่สูงกว่า ฉันจึงใช้ชีวิตไปในทางกวี หรือปรัชญา

หากฉันถือ Sex มีความสำคัญอันดับหนึ่ง ฉันคงใช้ชีวิตอีกแบบ

แต่เมื่อฉันอายุมากขึ้น Sex มีความสำคัญลดลง เหลืออันดับสิบ

มันน้อยลงไปเรื่อย

และอีกไม่นาน มันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก กลายเป็นยี่สิบ

มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ข้อดีคือฉันรู้สึกปลอดโปร่ง สบาย ไม่ถูกสิ่งใดมารบกวน

แต่น่าประหลาด ฉันก็จินตนาการน้อยลงด้วย หลายเรื่องก็หมดสนุก มันหายไปด้วย มันไม่ได้ดีไปทั้งหมด พลังชีวิต เหมือนขาดอะไรไปบางอย่างด้วย