ย้อนนาทีเพื่อนบ้านโหด ทุบหัวฆ่าลูกน้องตลกดัง “แจ๊ส ชวนชื่น” เดือด ย้อนปมกระทบกระทั่ง

เป็นอีกอุทาหรณ์ของความใจร้อนและข้อพิพาทระหว่างบ้านใกล้เรือนเคียง

จากเรื่องราวแค่เหตุขับรถเฉี่ยวชน บานปลายกลายเป็นคดีฆาตกรรม

สำหรับกรณีของลูกน้องตลกชื่อดัง แจ๊ส ชวนชื่น ที่เข้าไปทวงถามแทนเพื่อน ที่ถูกรถชนแล้วหนี

แต่กลับถูกทำร้ายด้วยกระถางต้นไม้ทุบศีรษะจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่หน้าบ้านของตลกชื่อดัง

วิวาท-ทุบหัวฆ่าโหด ลูกน้อง‘แจ๊ส ชวนชื่น’
แจ๊ส-เมีย พบตร.
เมื่อสืบสาวราวเรื่องไปแล้ว ก็พบว่านอกจากเรื่องรถเฉี่ยวชนยังมีเรื่องบาดหมางกันตามประสาเพื่อนบ้าน

ทั้งเรื่องจอดรถ และความสะอาดต่างๆ ยืดเยื้อกันมานาน

เมื่อมีชนวนเหตุให้ปะทะ ก็เลยลุกลามบานปลายขึ้นได้ง่าย

ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่กระบวนการยุติธรรมจะทำหน้าที่

แต่ก็ถือเป็นบทเรียนของการควบคุมสติ ไม่ให้สูญเสีย เช่นนี้อีก

หนุ่มโหดทุบหัวลูกน้องตลกดัง
เหตุการณ์สลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึก วันที่ 13 ก.ค. ก้าวเข้าสู่วันใหม่ของวันที่ 14 ก.ค. ร.ต.ท.กอบโชค พันธ์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 41/39 ซอยนิมิตใหม่ 14 แขวงทรายกองดิน เขตคลอง สามวา กทม. จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านของนายผดุง ทรงแสง อายุ 35 ปี หรือแจ๊ส ชวนชื่น นักแสดงตลกชื่อดัง พบศพนายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี เป็นคนงานในบ้านของแจ๊ส สภาพศพสวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีครีม ไม่สวมรองเท้า เสียชีวิตอยู่ข้างรถฮุนได เอชวัน สีดำ ทะเบียน ฮร 474 กทม. ซึ่งเป็นรถของแจ๊ส และที่กระจกรถมีรอยร้าวฝั่งคนขับ

ส่วนบริเวณข้างบ้านติดกันของแจ๊ส พบร่องรอยการวิวาท กระถางต้นไม้แตก มีกองเลือด รองเท้าแตะกระเด็น พบปืน บีบีกันดัดแปลง ตกอยู่ที่จุดเกิดเหตุ สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าคนร้ายคือ นายเสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี เจ้าของบ้านติดกันนั่นเอง

โดยพยานให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายเสฎฐวุฒิขับรถเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีเงิน ทะเบียน กจ 2755 สระแก้ว ชนท้ายรถฮอนด้า ซิตี้ ของนายยศเฉลิม มณีคำ อายุ 41 ปี เพื่อนนายพรชัย ขณะกลับรถอยู่ปากซอย จนรถนายยศเฉลิมปีนขึ้นฟุตปาธ และกันชนท้ายรถติดไปกับรถของนาย เสฎฐวุฒิด้วย

จากนั้นนายยศเฉลิมโทรศัพท์หานายพรชัยให้ ช่วยติดตามคนร้าย ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายรอประกันมาทำเรื่องเคลม จากนั้นนายพรชัยที่คาดว่าจะรู้จักคนขับรถที่ก่อเหตุ ขี่จักรยานยนต์เข้ามาที่หน้าบ้านเพื่อเคลียร์ปัญหาระหว่างกัน จนกระทั่งนายเสฎฐวุฒิถือปืนบีบีกันออกมา แต่ยิงไม่ออก จึงคว้ากระถางต้นไม้ทุบใส่ผู้ตาย และตีด้วยไม้จนแน่นิ่ง ก่อนจะหลบหนีไป

หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอ ร.ต.ท. กอบโชค พันธ์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.มีนบุรี เดินทางไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีเพื่อออกหมายจับนาย เสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/39 ซอยนิมิตใหม่ 14 แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กทม. ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยศาลอนุมัติหมายจับ

ขณะที่พ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สน.มีนบุรี เปิดเผยว่า ประสานไปยังญาติของผู้ก่อเหตุแล้วให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่นั้นเจ้าหน้าที่ กำลังตรวจสอบอยู่

เร่งนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

‘แจ๊ส’เดือด-รับมีเรื่องกันตลอด
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลกชื่อดัง ก็โพสต์ข้อความลงไอจีอย่างดุเดือด โดยระบุว่า “มึงฆ่าคนที่บ้านกู ไอ้คนข้างบ้าน แล้วเจอกัน ติดตามเรื่องของผมให้ดี มึงทำคนที่บ้านกู ต้องเสียชีวิต กูอดทนกับมึงมานานมากไอ้สั..นรก มึงมันเห้…จริงจริง ฝากทุกคนด้วยครับ จับไอ้เห้…นี่ให้ได้ #ฝากแชร์ด้วยครับ มันทุบรถลูกผม ไอ้เห้….เด๋วมึงเจอกู แน่ไอ้สั…”

ก่อนจะโพสต์อีกครั้งว่า “นักข่าวทุกสำนัก โซเชี่ยลช่วยผมที สน.มีนบุรีเท เจอกันพรุ่งนี้ คนข้างบ้านฆ่าคนที่บ้านผม” พร้อมแคปชั่นว่า “ช่วยผมทีครับ #ฝากแชร์ด้วยครับ”

ขณะที่ แจง-ปุณณาสา พรหมยศ ภรรยาของแจ๊ส โพสต์ตัดพ้อว่า ถ้าจับคนร้ายไม่ได้ แล้วครอบครัวเราจะอยู่ยังไง ครอบครัวคนเสียชีวิตอีก คืนนี้จะนอนยังไง พวกคุณทะเลาะกันถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอคะ ข้างบ้านดิฉันก็เป็น แบบนี้มาหลายรอบแต่ไม่คิดเลยว่ารอบนี้จะรุนแรงขนาดนี้

ทำร้ายร่างกายลูกน้องบ้านดิฉันไม่พอ ยังเอากระถางต้นไม้ทุบไปที่หัวที่หน้าจนเขาเสียชีวิต ทำไมใจร้ายขนาดนี้คะ แล้วยังไม่พอรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน จริงๆ เป็นรถของลูก แต่วันนี้โชคดีที่แจงให้ลูกนอนคอนโด เลยให้ป้าขับรถไปส่งแม่บ้านที่บ้าน

แล้วคนข้างบ้านคนนั้นที่ก่อเหตุ ก็เอาของมาทุบรถจนกระจกรถแตก ทุบรถเพื่อให้คนแก่กับผู้หญิงลงมาจากรถ

คืออะไร เราไม่เข้าใจมันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าลูกอยู่ในรถจะเป็นยังไงแล้วตอนนี้ยังจับไม่ได้จะอยู่กันยังไง

ก่อนที่แจ๊สและภรรยาจะเข้าให้การตำรวจ สน.มีนบุรี โดยแจ๊สเปิดเผยว่า เมื่อคืนไปเล่นคอนเสิร์ต ไม่ได้อยู่บ้าน ภรรยาโทรศัพท์มาเล่าเหตุการณ์ ระบุว่านอกจากทำร้ายลูกน้องเสียชีวิต ยังทุบกระจกรถ ปาขวดน้ำมันใส่รถ แต่ไม่ระเบิด แถมยังลากศพนายพรชัยมาไว้ที่หน้าบ้านตนอีก

พร้อมระบุว่า ยอมรับว่าแม่ยายตนอยู่ที่นี่มา 20 กว่าปี มีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง บางครั้งแม่ยายเดินผ่านหน้าบ้าน สุนัขเห่าเสียงดัง เจ้าของบ้านก็ตะโกนต่อว่า บางครั้งน้ำจากบ้านแม่ยายไหลผ่านหน้าบ้าน ก็ถูกต่อว่า ส่วนตัวเคยโดนเหมือนกัน ตอนสังสรรค์กับเพื่อนอยู่หน้าบ้าน นายเสฎฐวุฒิก็ทะเลาะกับคนในครอบครัว เมื่อได้ยินพวกตนหัวเราะก็ตะโกนต่อว่าหยาบคาย

ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้าย และห่วงความปลอดภัยของครอบครัว

ด้าน นางชนันพร พรหมยศ แม่ยายแจ๊ส ระบุว่าหากจับคนร้ายไม่ได้ก็รู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะในบ้านมีแต่ผู้หญิง

เป็นคำให้การของฝ่ายตลกดัง

โร่พบตร.-อ้างป้องกันตัว
หลังจากเป็นข่าวครึกโครม ตีหนึ่ง ของวันที่ 15 ก.ค. นาง สุชานันท์ กลิ่นกล่อม อายุ 56 ปี ก็พานายเสฎฐวุฒิ หรือเบียร์ ลูกชายเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี

โดยระบุว่าไม่ได้หลบหนีไปไหนไกล แต่ซ่อนตัวอยู่ในป่าหญ้าหลังบ้าน เมื่อตั้งสติได้แล้วก็ติดต่อให้แม่พาเข้ามอบตัว

พร้อมเปิดปากให้การ ซึ่งข้อเท็จจริงบางส่วนขัดแย้งกับที่เคยปรากฏมาก่อนหน้านี้

โดยนายเสฎฐวุฒิเผยว่า วันเกิดเหตุยอมรับว่ามีอาการมึนเมาจริง เมื่อขับรถเฉี่ยวชนกับคู่กรณีก็พยายามขับรถหลบหนีเข้าไปในบ้าน เพื่อตั้งสติ และกลัวว่าหากถูกตำรวจจับจะเจอข้อหาเมาแล้วขับอีกคดี

เมื่อเข้ามาถึงบ้านนายพรชัยก็มาตามถึงบ้าน แถมอยู่ในอาการมึนเมาเช่นกัน โดยมายืนดักรอหน้าบ้าน และตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนปรี่เข้ามาหาเรื่องถึงในบ้าน จึงใช้กระถางต้นไม้ทุ่มออกไปโดนศีรษะนายพรชัยได้รับบาดเจ็บ

ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่า ต้องขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย และที่มอบตัวก็เพราะไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อน ทั้งนี้ ไม่ประสงค์จะไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ

ส่วนประเด็นที่ลากศพไปกองไว้ที่หน้าบ้านแจ๊ สนั้น นาง สุชานันท์ระบุว่า หลังเกิดเหตุตนและคนในบ้านเห็นว่านายพรชัยยังไม่เสียชีวิต จึงพยายามพานายพรชัยไปยังที่บ้านของแจ๊ส พร้อมสอบถามว่าเป็นคนที่บ้านไหม ให้ช่วยพาไปโรงพยาบาล

แต่คนในบ้าน 2 คนเดินออกมาบอกไม่รู้จัก แล้วเดินเข้าบ้านไป จนต้องเป็นคนโทรศัพท์เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

ยืนยันไม่ใช่การซ่อนเร้นทำลายศพ แต่เป็นความพยายามช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นเขายังไม่เสียชีวิต

พร้อมทั้งเล่าถึงเหตุพิพาทระหว่างบ้านตนเองและบ้านของแจ๊สที่มีมานาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจอดรถขวางทางเข้า-ออก

ขณะที่พ.ต.อ.คมกฤษณ์ ผกก.สน.มีนบุรี ระบุผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ ยอมรับว่าทำร้าย แต่เป็นเพราะถูกเข้ามาหาเรื่องก่อน เป็นการป้องกันตัว ไม่ใช่เจตนาฆ่า จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานส่งอัยการฟ้อง

ส่วนที่ตรวจสอบประวัตินายเสฎฐวุฒิ พบมีหมายจับศาลมีนบุรีในคดีครอบครองยาบ้า เป็นเพราะนายเสฎฐวุฒิเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีตามหมายจับ และไม่มีการรายงานตัวชั้นศาล ซึ่งตำรวจติดตามตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ทราบว่าหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ใด จนพบว่าเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้

จากนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะพิสูจน์ทั้ง ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

อย่างไรก็ตามถือเป็นอุทาหรณ์ในการดำรงชีวิตอย่างมีสติของทุกฝ่าย

ไม่ให้เกิดเหตุสลดเช่นนี้อีก