อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ภาพถ่ายของหญิงสาว

เมืองในหมอก (12)

ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาหรืออาจจะหลายๆ เดือนด้วยซ้ำไป นายหมอกสีเทาคำนวณระยะเวลาที่แน่นอนไม่ได้ การคิดถึงใครบางคนอยู่เสมอทำให้กาลเวลาบิดเบี้ยวไป

อาจเป็นเพียงไม่กี่เดือน แต่นายหมอกสีเทารู้สึกว่าดังได้ห่างเหินหญิงสาวผู้นั้นเป็นเวลานาน

อาจเป็นเวลานานหลายเดือน แต่การครุ่นคิดถึงเธออยู่เสมอทำให้หลายครั้งเวลาเหล่านั้นสะดุดหยุดนิ่งลง

แต่ไม่ว่าจะนานเพียงใด หรือสั้นเพียงใด ณ ขณะนั้น ณ เวลานั้น หญิงสาวผู้นั้นได้เดินเข้ามาในอาณาจักรของเขาแล้ว

นายหมอกสีเทาลุกจากที่นั่ง หนังสือในมือของเขาตกหล่นลงพื้น มันคือหนังสือรักของผู้ยากไร้ เขียนขึ้นโดยนักเขียนชาวรัสเซียคนหนึ่ง

เรื่องราวความรักของชายหนุ่มผู้ต่ำต้อยกับหญิงสาวที่เขาหมายปอง

นายหมอกสีเทาจำได้ว่าเขาเคยอ่านนวนิยายเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เพราะเหตุใดเขาจึงหยิบหนังสือเล่มนี้ลงมาจากชั้นอีก

เขาคิดถึงเหตุผลนั้นไม่ออก นายหมอกสีเทาเก็บหนังสือเล่มนั้นจากพื้น นำมันกลับไปวางบนชั้น เขายิ้มให้หญิงสาวผู้นั้น หญิงสาวผู้นั้นยิ้มตอบเขา

เป็นการพบกันครั้งแรกแบบเปิดเผยของคนทั้งสอง

 

หญิงสาวผู้นั้นเดินจากขอบหนึ่งของชั้นหนังสือก่อนจะเดินย้อนกลับมาหลังจากนั้นเธอก็เดินย้อนกลับไปอีกครั้ง เธอสำรวจหนังสือบนชั้นทีละเล่มอย่างช้าๆ หยิบจับบางเล่มออกจากชั้น ลูบคลำปกและสันของมันอย่างทะนุถนอม

เพียงแค่พบเห็นการกระทำนี้ก็ทำให้รับรู้ได้แล้วว่าเธอเป็นคนที่รักหนังสือมากเพียงใด นายหมอกสีเทาเดินกลับไปยังที่นั่งของเขาและลอบมองเธออย่างเงียบๆ

เพราะเหตุใดหญิงสาวผู้นั้นจึงมายังร้านของเขาในวันที่อากาศเลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีภาพใดให้มองเห็นนอกจากฝุ่นควัน

นายหมอกสีเทาคิดถึงวันแรกที่เขาได้พบเธอ จากสวนสัตว์สู่ร้านกาแฟ มีหลายสิ่งหลังจากนั้นที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไป

เขาลาออกจากงาน เขาแทบไม่ได้ไปที่โรงภาพยนตร์อีกเลย

ความสุขประการเดียวของเขาในยามนี้คือการอ่าน เขาอ่านและอ่าน จมอยู่กับความคิดคำนึงในตัวอักษร ดำดิ่งไปกับมัน ลับหายไปกับมัน

เขาลืมร้านกาแฟ ลืมสถานที่อื่นในเมืองไป นอกจากที่พักของเขาและร้านหนังสือของเขาแล้ว

เขาไม่ได้เดินทางไปที่ใดอีกเลย วัตถุดิบในการปรุงอาหารถูกส่งมาที่ร้านหนังสือ หนังสือจากทุกที่ทั่วโลกถูกส่งมาที่ร้านหนังสือ นายหมอกสีเทากลายเป็นคนที่ปิดตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง นายหมอกสีเทาปิดตัวเองอย่างสิ้นเชิงหลังจากการพบกับเธอ หญิงสาวผู้นั้น

แต่ดูเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เธอยังคงความแจ่มใสบนใบหน้า แววตาของเธอยังแฝงอาการครุ่นคิด

รอยยิ้มของเธอยามถูกใจยังสดใส (ซึ่งนายหมอกสีเทาเห็นเธอยิ้มเป็นระยะในขณะที่พลิกหน้าหนังสือไปมา)

นอกจากวันเวลาที่เดินไปข้างหน้าแล้ว นายหมอกสีเทารู้สึกเหมือนดังว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย

 

นายหมอกสีเทาหยิบสมุดบันทึกของเขาออกจากลิ้นชักบริเวณที่ทำงานของเขา ใช้ปากกาสีดำคู่ใจของเขาวาดภาพของเธอลงในนั้น เขาไม่เคยวาดภาพมาก่อน ไม่เคยเรียนการเขียนและวาดภาพด้วยซ้ำไป แต่ภาพของหญิงสาวผู้นั้นที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกข้างในที่จะบันทึกภาพของเธอไว้ได้

หากการจากกันนับจากนี้จะเนิ่นนานอีกครั้ง เขาควรมีสิ่งแทนตัวเธอ การถ่ายภาพเธอเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่การวาดภาพเธอกลับเป็นสิ่งที่จำเป็น เขาจะต้องมีบางอย่างจากตัวของเธอเป็นที่ระลึกและบางอย่างนั้นควรถูกก่อร่างด้วยน้ำมือของเขาเอง

ภาพวาดของหญิงสาวผู้นั้นปรากฏขึ้นอย่างช้าบนพื้นกระดาษสีขาว นายหมอกสีเทาลากเส้น กำหนดตำแหน่ง ลงรูปดวงตา ใบหู เส้นผมของหญิงสาวผู้นั้น เขาวาดภาพของเธอภาพที่หนึ่ง

ภาพที่สอง เปลี่ยนมุม เปลี่ยนท่าทาง เขาวาดภาพเธอยามยิ้ม ยามสงบนิ่ง ยามเพ่งมอง ยามถือหนังสือไปยังเก้าอี้และนั่งลงอ่านมัน

นายหมอกสีเทาเพลิดเพลินกับกิจกรรมนี้อย่างยิ่ง และหลังจากวาดภาพเธอไปจำนวนมากจนจดจำรูปร่างหน้าตาของเธอได้อย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะเลิกมองเธอและวาดภาพเธอจากความคิดคำนึงแทน

เมื่อแสงแดดเป็นสิ่งที่ไม่มีในวันนั้น เมื่อแสงแดดเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในวันนั้น การเปลี่ยนผ่านของเวลาในช่วงวันจึงไม่ปรากฏขึ้น

นายหมอกสีเทาไม่แน่ใจว่าเขานั่งจมกับการวาดภาพหญิงสาวผู้นั้นเนิ่นนานสักเพียงใด หากแต่เมื่อเขาเงยหน้าจากกระดาษ วางมือจากปากกา

เขาก็พบหญิงสาวผู้นั้นยืนจ้องมองเขาอยู่ด้วยความใส่ใจ

 

“นั่นคือภาพวาดของฉัน?” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ย นายหมอกสีเทามองดูรอยยิ้มของหญิงสาวผู้นั้น ย้อนกลับมองภาพวาดของตน กลับไปมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอและกลับมามองภาพวาดของเธอจากฝีมือของตน นายหมอกสีเทาแน่ใจได้จากรอยยิ้มว่าหญิงสาวผู้นั้นไม่ได้โกรธเคืองเขาที่วาดภาพของเธอ สิ่งเดียวที่เธอมีในยามนี้คือความประหลาดใจเท่านั้นเอง

นายหมอกสีเทาไม่ได้ประหลาดใจแต่เขากลับเกิดความสุขใจแทน แน่นอนที่เขาตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่แอบกินขนมในห้องเรียนและถูกพบโดยครู เขายิ้มตอบหญิงสาวผู้นั้น พยายามกลบเกลื่อนอารมณ์ขวยเขินและอย่างยิ่งความสุขใจของเขา

ทำไมเขาจึงสุขใจ?

นายหมอกสีเทารู้สึกถึงสิ่งนี้ได้จากการได้พบกับเธออีกครั้ง

หลังจากนั้นเขาได้รอยยิ้มจากเธอและนับจากนี้เขากำลังจะได้รับบทสนทนาจากเธอ การได้รับสิ่งต่างๆ เหล่านี้จากเธออันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายย่อมทำให้เขาเกิดความสุขใจ นายหมอกสีเทายิ้มให้เธอ “ใช่ นี่คือรูปภาพของคุณ”

หญิงสาวผู้นั้นยื่นฝ่ามือของเธอมาข้างหน้า นายหมอกสีเทาวางภาพวาดทั้งหมดของเธอที่เขาเป็นผู้วาดลงบนฝ่ามือนั้น

หญิงสาวพลิกภาพวาดเหล่านั้นดูทีละภาพ เธอแสดงทีท่าพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะเอ่ยว่า

“คุณเปิดร้านหนังสือแห่งนี้มานานเพียงใดแล้ว?”

 

นายหมอกสีเทาตกอยู่ในอาการครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่ง บทสนทนานับจากนี้มีความสำคัญมาก คำตอบที่ถูกต้องคือ เขาเปิดร้านหนังสือแห่งนี้หลังจากได้พบกับเธอ และเธอคือแรงบันดาลใจทั้งหมดของร้านหนังสือแห่งนี้

แต่เขาสามารถตอบคำตอบนี้ออกมาได้กระนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้เลย เขาย่อมไม่อาจตอบความในใจดังกล่าวออกมาได้ในตอนนี้ การสารภาพรักนั้นนอกจากต้องการความกล้าแล้วมันยังต้องการช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย

“ผมเปิดร้านหนังสือแห่งนี้หลังการอ่านนวนิยายเรื่อง 1984” เมื่อคำตอบนั้นหลุดออกจากปาก นายหมอกสีเทาก็รู้สึกโล่งใจ เขาอาจให้คำตอบที่ไม่ตรงความจริงนักแต่อย่างน้อยมันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของความจริงดังกล่าว

หลังจากได้เห็นนวนิยาย 1984 ที่ร้านกาแฟแห่งนั้น หลังจากได้เห็นนวนิยาย 1984 บนโต๊ะสนทนาของเธอ นายหมอกสีเทาก็เปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาไปจากเดิม

ในนวนิยายมีพี่ใหญ่ที่เฝ้ามองทุกคนอยู่อย่างลับๆ ในชีวิตจริงมีเมฆหมอกสีเทาที่ครอบคลุมและคุกคามผู้คนอย่างโจ่งแจ้ง

เขามองเห็นตนเองไม่ต่างจากตัวละครเอกในนวนิยายเรื่องดังกล่าว เขาจะลุกขึ้นต่อสู้กับเมฆหมอกสีเทาไม่ต่างจากตัวละครเอกในนวนิยายเรื่องนั้นที่ต่อสู้กับพี่ใหญ่อันน่าสะพรึงกลัว

นายหมอกสีเทาให้เหตุผลช่วงท้ายของความคิดต่อหญิงสาวผู้นั้น เขาย่อมไม่ได้ปรารถนาที่จะถูกยกย่องจากเธอในฐานะของวีรบรุษ

แต่เมื่อการลุกขึ้นต่อสู้กับหมอกควันคือเจตนารมณ์ของเขา เขาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงการไม่กล่าวถึงมันได้

เขาเล่าให้หญิงสาวผู้นั้นฟังถึงสิ่งที่เขาทำมาก่อนหน้านี้ คนงานโรงงานเก็บขยะ คนงานโรงงานผลิตหน้ากากป้องกันมลพิษ อาชีพที่ไม่ข้องเกี่ยวกับหนังสือ

แต่หนังสือกลับเป็นตัวอย่างอันชัดเจนที่ทำให้เขาตระหนักได้ว่าในฐานะมนุษย์ตัวเล็กๆ เขาจะทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกหรือสังคมที่เขามีส่วนร่วมได้บ้าง

ไม่น่าเชื่อว่าแม้ว่านายหมอกสีเทาจะไม่ได้สนทนากับใครอย่างจริงจังเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว

แต่บทสนทนาที่เขามีกับหญิงสาวผู้นั้นกลับเป็นธรรมชาติและลื่นไหลอย่างยิ่ง

เขาเล่าถึงสิ่งที่เขาอยากทำต่อไป การฉายภาพยนตร์ถึงพิษภัยของมลภาวะ การกระตุ้นให้คนอ่านหนังสือและออกมาร้านหนังสือโดยไม่ยอมจำนนต่ออากาศที่เลวร้าย การชักชวนให้คนปลูกต้นไม้ให้มากขึ้นเพื่อดูดซับมลพิษ

เขาเล่าถึงสิ่งที่เขาเชื่อว่าแม้เขาจะจากโลกนี้ไปเขาก็คงทำมันได้ไม่ครบถ้วน ความฝัน จินตนาการ อุดมคติ เป้าหมาย สารพัดเรื่องราว ไหลบ่าผ่านทางถ้อยคำของเขาสู่เธอ สู่หญิงสาวผู้นั้น

ในที่สุด หลังจากทุกสิ่งที่อยู่ในความคิดของเขาถูกถ่ายทอดออกจนหมดสิ้น นายหมอกสีเทาก็นิ่งเงียบ

หญิงสาวผู้นั้นคืนภาพวาดของเธอให้กับเขา ก่อนจะเอ่ยคำว่า

“พรุ่งนี้เราไปปลูกต้นไม้กัน พรุ่งนี้คุณกับฉัน เราออกไปต่อต้านหมอกควันด้วยกัน”