กรองกระแส / การเกิด การเมือง การเมืองใต้ระบอบ คสช. เก่า ปะทะ ใหม่

กรองกระแส

 

การเกิด การเมือง

การเมืองใต้ระบอบ คสช.

เก่า ปะทะ ใหม่

 

นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 นับแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เริ่มจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 จากการลงมติในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 คือผลึกสูงสุดอันสามารถเรียกได้ว่า “ระบอบ คสช.”

ระบอบ คสช.อันมีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นเครื่องมือ

ระบอบ คสช.อันผ่านการทดลองโดยการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบอบ คสช.อันผ่านการทดลองโดยการเคลื่อนไหวของ กปปส.

ใครเป็นใครในระบอบ คสช.มิได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว

ไม่ว่าใครคนนั้นจะปฏิบัติการในเชิงปูทางและสร้างเงื่อนไข ไม่ว่าใครคนนั้นจะปฏิบัติการในเชิงลงมือกระทำผ่านกระบวนการรัฐประหาร

ที่ปรากฏผ่าน ครม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือ ตัวจริงเสียงจริง

ลองย้อนกลับไปศึกษาอย่างถ่องแท้ก็จะประจักษ์ว่านี่คือผลึกในทางความคิด นี่คือการรวมศูนย์ทางการเมือง อันผ่านกระบวนการจัดตั้งอย่างเป็นระบบผ่านสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบ คสช.” โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทน

ที่ 7 พรรคฝ่ายค้านเสนอยุทธศาสตร์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.จึงเป็นการสรุปที่รวบรัดคมชัดและตรงเป้าอย่างที่สุดเช่นกัน

 

การเมือง คือการต่อสู้

กำจัด ขจัด คู่ต่อสู้

 

สภาพการณ์นับแต่ก่อนและภายหลังการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างเด่นชัดของ คสช.ที่จะสืบทอดและรักษาอำนาจของตนอย่างเหนียวแน่นและมั่นคง

ไม่เพียงแต่ใช้รัฐธรรมนูญกำหนดกรอบและกติกา

หากแต่เมื่อผ่านการเลือกตั้งมาแล้วยังไม่สามารถได้ชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จก็ใช้อภินิหารทางกฎหมายที่มีอยู่ในมือเล่นกายกรรม

1 ลดทอนกำลังของฝ่ายตรงกันข้าม 1 จำกัดกรอบของฝ่ายตรงข้าม

ตัวอย่างที่เด่นชัดมากที่สุดคือ การพลิกพลิ้วสูตรคำนวณระบบบัญชีรายชื่อ ตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดคือ การไล่ล่าเล่นงานพรรคอนาคตใหม่ ไม่เพียงแต่โดยกระบวนการฟ้องร้อง ใช้องค์กรอิสระให้เป็นประโยชน์ กระทั่งที่สุดไม่ยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภา

การรุกเช่นนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันการดำรงอยู่ของ “ระบอบ คสช.” อย่างเป็น “ระบบ” หากแต่ยังเป็นการเตือนทางการเมืองให้ตระหนักว่า การต่อสู้ทางการเมืองเป็นเรื่องจริงจัง มิได้เป็นการเชิญแขกมากินเลี้ยงอย่างแน่นอน มิได้เป็นการแต่งความเรียงอย่างแน่นอน มิได้เป็นการเย็บปักถักร้อยอย่างแน่นอน

หากแต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายซึ่งยึดครองอำนาจต้องการกำจัดและขจัดอีกฝ่ายให้พ้นไปจากวงจรทั้งในทางความคิดและในทางการเมือง

 

พลวัต การเมือง

ใต้กฎแห่งอนิจจัง

 

ไม่ว่าอำนาจ ไม่ว่าการเมืองเป็นเรื่องของพลวัต อยู่ภายใต้กฎแห่งอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

มองเผินๆ เหมือนระบอบ คสช.มีความแข็งแกร่งและมั่นคง

ด้านหนึ่ง ด้วยการวางกฎกำหนดกติกาและการเล่นกายกรรมทางนิติศาสตร์ทำให้ระบอบ คสช.สามารถยึดกุมและสืบทอดอำนาจ ดำรงอยู่ในสถานะของรัฐบาล

ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่งด้วยกระบวนการต่อสู้และไม่ยอมจำนนได้ทำให้ฝ่ายที่ต่อต้าน คสช.สามารถเบียดแทรกเข้าไปภายในกระสวนแห่งการเลือกตั้ง มีพื้นที่แสดงบทบาททางการเมืองได้อย่างเป็นฝ่ายรุก เป็นฝ่ายกระทำมิได้ตั้งรับอย่างเดียว

ระบอบ คสช.ดำรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่ DESIGN มาเพื่อตนเองอย่างเป็นจริง แต่อำนาจนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงโดยที่องค์กร คสช.อย่างที่เป็นมาจากกระบวนการรัฐประหารก็แปรเปลี่ยนมาเป็นระบอบ คสช.และไม่อาจมีมาตรา 44 เป็นอำนาจพิเศษอีก

รัฐบาลอันเป็นตัวแทนแห่งระบอบ คสช.จึงดำรงอยู่ภายใต้สภาพการณ์ใหม่ในทางการเมืองที่มีสภาผู้แทนราษฎรอันมาจากการเลือกตั้งเป็นพลังถ่วงดุล

พลังจากรากฐานของประชาชนเช่นนี้จะทรงความหมายหากรู้จักใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

การเมืองยุคใหม่

รากฐาน คือ ประชาชน

 

สภาพการณ์ทางสังคมในปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นการปะทะระหว่างพลังอำนาจแห่งระบอบ คสช.กับพลังอำนาจแห่งระบอบประชาธิปไตย หากแต่ยังเป็นการเผชิญประสบระหว่างการเมืองแบบใหม่กับการเมืองแบบเก่า

การเมืองแบบเก่าเห็นได้จากที่รวมกันอยู่ภายใต้ร่มธงของระบอบ คสช. การเมืองแบบเก่าเห็นได้จากที่รวมกันอยู่ภายใต้ร่มธงแห่งการลุกขึ้นมาต่อต้านระบอบ คสช.

ภายในแต่ละจังหวะก้าวของการต่อสู้สถานการณ์จะค่อยๆ กลั่นกรองไม่เพียงแต่จะจำแนกแยกแยะให้เห็นขบวนแถวอันเด่นชัดระหว่างการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่ หากแม้กระทั่งภายในการเมืองใหม่ก็จะมีการคั้นกลั่นกรองและแยกให้เห็นมากยิ่งขึ้น

ผ่านกระบวนการทางความคิด ผ่านกระบวนการทางการเมือง ผ่านกระบวนการทางการจัดตั้ง

     การต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มข้นจะทำให้สังคมมองเห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในจุดอันเป็นความต่างอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นว่าเก่าเป็นอย่างไร ว่าใหม่นั้นใหม่อย่างแท้จริงหรือไม่