เชิงบันไดทำเนียบ : ‘ผู้กองมนัส’มาเหนือเมฆ ! นั่งใน ‘ครม.ตู่2/1’ วัดฝีมือ ‘3พลเอก – 1ร้อยเอก’

‘ครม.ตู่2/1’ คลอดเรียบร้อย ชื่อแทบไม่พลิกโผ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯควบรมว.กลาโหม โดยมี ‘บิ๊กช้าง’พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ตท.16 นั่ง รมช.กลาโหม อีกสมัย ทำหน้าที่ช่วยงาน ‘บิ๊กตู่’ เพราะที่ผ่านมาก็ช่วยงาน ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่สุดท้ายนั่งแค่ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไปหลายงาน ประเดิมด้วยการไปตอบกระทู้ถามที่รัฐสภาแทนหลายครั้ง ส่วน ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่ง รมว.มหาดไทย ตามเดิม

เท่ากับว่าอำนาจ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ยังเบ่งบาน คุมทั้ง ‘กองทัพ’ และ ‘มหาดไทย’ ที่เป็นกระทรวงขนาดใหญ่ภารกิจที่กว้างขวางและมีเครือข่ายทั่วประเทศ แม้ ‘บิ๊กป้อม’ จะเหลือแค่เก้าอี้เดียว แต่ก็ถูกมองว่าจะเป็น ‘รมว.กลาโหมเงา’ เพราะในเวลานี้ผู้มีบารมีมากพอที่คุมกองทัพก็มีเพียง ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ เท่านั้น แม้จะไม่มี ‘อำนาจเต็มใบ’ ด้วยมีข้อจำกัดในการใช้อำนาจหรือการตัดสินใจ หลังกองทัพมีการปรับโครงสร้างและดุลอำนาจใหม่ ที่หลายอย่างอยู่เหนือการควบคุม
.
อีกรายชื่อ ‘อดีตทหาร’ ที่ร่วม ครม.ชุดใหม่ คือ ‘ผู้กองมนัส’ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ รมช.เกษตรฯ ที่ถูกเพ่งเล็งและขุดอดีตขึ้นมา หวังสกัดดาวรุ่ง ให้ขัดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ทำให้ ‘ผู้กองมนัส’ โลว์โปร์ไฟล์ตัวเองไปช่วงสั้นๆ งดให้สัมภาษณ์สื่อ หลังมีผู้ใหญ่ในพรรคขอไว้ เพราะปกติแล้ว ‘ผู้กองมนัส’ จะเป็นบุคคลที่เข้าถึงสื่อทุกสาย และให้สัมภาษณ์สื่อเสมอ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงไปประชุมสภาตามปกติ แต่มาถึง 9ก.ค. ที่มีการประชุม ส.ส. ที่พรรคพลังประชารัฐ ‘ผู้กองมนัส’ มาพร้อมทรงผมใหม่ ถือเป็นสิ่งที่ ‘คอนเฟิร์ม’ ว่าไม่หลุดเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอน ก่อนทุกอย่างจะชัดเจน 10ก.ค.62
.
ไม่เกิน 1 วัน หลังจากได้เป็น ว่าที่ รมช.เกษตรฯ ‘ผู้กองมนัส’ ก็รีบออกมาชี้แจงถึงเรื่องราวคดีความในอดีต โดยย้ำว่าเป็นเรื่องโอละพ่อ ย้ำถึงกฎหมายล้างมลทิน และเรื่องการถูกถอดยศ ‘ร้อยโท’ ในอดีต พร้อมโชว์หนังสือการได้เลื่อนยศ 1 มิ.ย.2541 โดยกระทรวงกลาโหม ที่ได้เลื่อนยศเป็น ‘ร้อยเอก’ ด้วย เพื่อย้ำว่าตนใช้ ‘ร้อยเอก’ โดยถูกกฎหมาย แม้ยังมีคำถามเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่หลังชื่อ ร.อ.ธรรมนัส ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็ถือว่า ‘ผู้กองธรรมนัส’ ได้ใช้ยศ ‘ร้อยเอก’ นำหน้าชื่ออย่างเป็นทางการนับจากนี้ไปด้วย

อีกสิ่งสำคัญคือการที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้ชี้ถึงขบวนการสกัดตนในการเป็นรัฐมนตรี โดยย้ำว่าตนเองเปรียบเป็น ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของรัฐบาลชุดนี้ เพราะที่ผ่านมาก็ต้องยกเครดิตให้ ‘ผู้กองมนัส’ ในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะได้ทำภารกิจลับ ในการไปประสานกลุ่มต่างๆ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่าเป็นความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว ด้วยประสบการณ์การอยู่ในสนามการเมืองมายาวนานกว่า 20 ปี ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส มีคอนเนกชั่นกว้างขวาง รู้จักนักการเมืองจำนวนมาก ทำให้รู้ว่าต้องไปคุยกับใครและมีวิธีการคุยอย่างไร เป็นศิลปะเฉพาะตัวให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเก้าอี้ ‘รัฐมนตรี’ จึงเป็นสิ่งที่รับประกันผลงาน และเป็นความไว้วางใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีให้กับ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งในเวลานี้ตนก็รู้ว่าใครที่คิดล้มรัฐบาล
.
“ผมเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีบทบาทในการขับเคลื่อนและประสานงาน ซึ่งหากล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ได้ประสานงานไว้นั้น ถือเป็นความลับที่ผมรู้เพียงคนเดียว เขารู้ว่าผมเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้มผม ผมรู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง และเรื่องนี้ต้องปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการต่อไป คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนในพรรคพลังประชารัฐ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
.
“ผมรู้ตัวหมดแล้วแต่ขอปิดเป็นความลับ เพราะกำลังดำเนินคดีอยู่ และยืนยันว่าเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายเพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาล” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

ทั้งนี้ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส ถูกจับตาว่าเป็นนายทหารผู้กว้างขวาง โดย ‘ผู้กองมนัส’ จบ ตท.25-จ.ป.ร.36 รุ่นเดียวกับ ‘เสธ.หิ’พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ อดีต ผบ.ร้อยสารวัตรทหาร ประจำ บก.กองทัพไทย อีกทั้ง ‘ผู้กองมนัส’ ยังเป็นคนใกล้ชิด ‘เสธ.ไอซ์’พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต นายทหารผู้กว้างขวาง ที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ ร.อ.ธรรมนัส ถึงกับตัดพ้อ ถึงกระแสปรามาสว่า กระทรวงเกษตรฯ ยุคใหม่เป็นกระทรวงมาเฟีย ว่าไม่ใช่เอะอะก็กล่าวหากันว่ามาเพีย-นักเลง และถูกมองว่าการมานั่ง รมช.เกษตรฯ เพื่อรับภารกิจคุยกับม็อบเกษตรกรในอนาคต
.
“คนเรานั้น อยากถามว่า สามารถทำอดีตให้เป็นปัจจุบันได้หรือไม่ แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คือ ในอนาคตผมจะทำอะไรให้แผ่นดินบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็กล่าวหากันว่า มาเฟีย นักเลง คนใจนักเลงอย่างผม ลองให้ได้ทำงานดูก่อน หากทำไม่ได้เรื่อง แล้วจะพิจารณาตัวเอง ที่ผ่านมาพูดมาโดยตลอดว่า ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังจากประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ก็ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด แต่คนพะเยาให้ความไว้วางใจผม และผมในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรค พปชร. ก็ได้รับปากประชาชนไว้มากมาย เมื่อนายให้มาเป็นรัฐมนตรี ก็ต้องทำให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
.
ด้วยความเป็น ‘คนใจนักเลง’ ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส นิยามตัวเอง จึงทำให้การตอบคำถามนั้นตรงไปตรงมา เด็ดขาดในเนื้อหา ไม่อ้อมค้อม หลังจาก ร.อ.ธรรมนัส นิ่งเงียบมาระยะสั้นๆ ทั้งหมดนี้ตอกย้ำว่า ‘ผู้กองมนัส’ ได้รับไฟเขียวให้มาทำภารกิจ ‘เพื่อแผ่นดิน’ ในครั้งนี้ เป็น ‘ขุนพลข้างกาย’ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะได้เห็นฝีมือนับจาก วัดพลัง ‘3 พลเอก – 1 ร้อยเอก’ ต่อจากนี้ด้วย
00000