หนุ่มเมืองจันท์ | “แซม” ผู้ไม่แพ้

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

วันก่อน ผมไล่อ่านเรื่องราวในเฟซบุ๊กของเพื่อนๆ ตามปกติ

มาสะดุดกับข้อความหนึ่งของ “แซม” ณัฐพล เสมสุวรรณ

“ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 27 ผมจะต้องเข้ารับการวางยาสลบเพื่อผ่าตัดครับ^^

คุณหมอสงสัยว่า “มะเร็ง” ที่สงบไป 10 กว่าปี

อาจจะฟื้นคืนกลับมาที่บริเวณโคนลิ้น

ปกติผมพูดไม่ชัดจากผลข้างเคียงของโรคสตีเว่นจอนห์นสันอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งพูดไม่ชัดเข้าไปใหญ่ ทานอาหารแทบไม่ได้เลย ทำให้น้ำหนักตัวที่มีอยู่น้อยนิด ยิ่งกลับเหลือน้อยลงไปอีก

จากคนที่วิ่ง 10k ได้เป็นขนม

กลายเป็นคนที่แทบหมดแรงจากการวิ่งอีกครั้ง”

“แซม” บอกว่าช่วงนี้เขากำลังอินกับเพลง “แสงสุดท้าย”

เพราะให้ “ความหวัง” ในวันที่เขาหมดกำลังใจ

“ในค่ำคืนที่ฟ้าท้าทายใจคนอยู่ตรงนี้…ฉันยังคงก้าวไป

ยังคงมีรักแท้เป็น “แสง” นำไปในคืนที่หลงทาง

กับที่ที่ความฝันนั้นพร้อมเป็นเพื่อนตาย เส้นทางนี้ฉันยังมี “จุดหมาย”

ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร จะไปจนถึง…

…แสงสุดท้าย”

“แซม” บอกว่า “ผมมีความสุขมากกก กับชีวิตในช่วง 3 ปีหลังที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และสร้างความหมายได้อย่างดีที่สุดในชีวิตผม

ดีใจที่ได้มีโอกาสออกมาวิ่ง

ดีใจที่ได้มีโอกาสทำอะไรดีๆ ให้กับสังคม

ดีใจที่ได้รู้จัก…และได้รับความรักจากทุกๆ คน

ขอขอบคุณในทุกกำลังใจดีๆ

ที่ “เตือน” ให้ใจดวงนี้

… “ไม่ยอมแพ้””

“แซม” คือน้องที่ผมเขียนถึงหลายครั้ง

เขาอีเมลหาผมหลังจากอ่านหนังสือ “ความสุข ณ จุดที่ยืนอยู่” เมื่อหลายปีก่อน

เขาป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและหมดกำลังใจจะสู้ต่อ

หยิบหนังสือเล่มนี้ของผมขึ้นมาอ่านด้วยเหตุผลที่เป็นกำลังใจกับผู้เขียนมาก

“มันเป็นเล่มที่บางที่สุดครับ”

ตอนนั้น เขายังไม่รู้ว่านอกจากจะ “บาง”

ยัง “ย่อหน้า” เยอะด้วย

“แซม” อ่านเรื่อง “อิฐ 2 ก้อน” ในหนังสือของผมแล้วเกิดฮึดขึ้นมามีกำลังใจที่จะสู้เพื่อมีชีวิตต่อไป

ผลจากการตัดสินใจสู้ครั้งนั้น

“แซม” ชนะครับ

แต่เมื่อออกมาใช้ชีวิตจริง

เขากลับต้องเผชิญกับสายตาหวาดระแวงของคนที่มองรูปร่างของเขาที่ซูบผอม ผิวไหม้

บางคนเห็นแล้วเดินหนี

เขานึกว่า “สงคราม” ในชีวิตของเขาจะจบลงแล้ว

เขาชนะสงครามที่ต่อสู้กับ “ความตาย” มาแล้ว

แต่ทำไมยังต้องต่อสู้กับสายตาของคนอื่นๆ ด้วย

ผมชอบวิธีคิดของเขาเรื่องนี้

“แซม” บอกว่า เมื่อไม่สามารถเปลี่ยน “ความคิด” ของคนอื่นได้ แต่เราสามารถเปลี่ยน “ความคิด” ของตัวเองได้

มองเขาแบบเข้าใจ

“แซม” บอกว่า ถ้าผมเป็นคนทั่วไป มองเห็นคนรูปร่างแบบนี้ เขาก็คงคิดแบบเดียวกัน

ทันทีที่ “วิธีคิด” เปลี่ยน

“แซม” ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

และวันหนึ่ง เขาได้เห็น “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งเพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในโครงการ “ก้าวคนละก้าว”

“แซม” ตัดสินใจวิ่งอีกครั้ง

คนที่ป่วยเป็นมะเร็งมานาน

แค่เดินยังเหนื่อย

แต่เขาเลือกที่จะวิ่ง

และไม่ใช่แค่วิ่งธรรมดา

เขาวิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ

เป้าหมายของ “แซม” คือ วิ่งมาราธอน

วันที่เขาวิ่งระยะทาง 10 กิโลเมตรได้สำเร็จ

“แซม” เขียนเรื่องราวนี้ในเฟซบุ๊กของเขา

ผมอ่านแล้วประทับใจมาก

เชิญ “แซม” มาสัมภาษณ์ในเฟซบุ๊กไลฟ์ของผมเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังท้อแท้

และชวนไปร่วมบรรยายตามที่ต่างๆ บ้างเป็นครั้งคราว

เรื่องราวของ “แซม” กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมาย

มีสื่อและรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์เขาเยอะมาก

คำขวัญของ “แซม” คือ “แค่มะเร็งจะเซ็งทำไม”

เขาได้รับเชิญไปวิ่งในงานต่างๆ หลายงาน

ในโครงการก้าวที่วิ่งระดมทุนที่หนองคาย-ขอนแก่น

“แซม” ก็ไปวิ่งกับเขาด้วย

“ตูน” ให้ “แซม” สวมสายสะพายนำวิ่งช่วงหนึ่ง

เขามีความสุขมากที่ได้วิ่งคู่กับ “ฮีโร่” ของเขา

ประมาณ 10 กิโลเมตร

ระยะขนาดนี้ “แซม” วิ่งได้สบายๆ

แต่วันนั้น เขาเหนื่อยมาก

นอกเหนือจากการนอนน้อย

ก่อนหน้านั้นเขาเริ่มมีอาการผิดปกติบางอย่างทำให้ทานอาหารได้น้อยลง

“แซม” มีแผลที่โคนลิ้น

เขาไปหาหมอ

และก็เป็นไปตามที่เขาเขียนในเฟซบุ๊ก

สงครามชีวิตของเขายังไม่จบ

พระเจ้าคงคิดว่า “นักสู้” อย่างเขา จะให้จบแบบนี้คงง่ายไป

ต้องเพิ่มบททดสอบอีก 1 บท

หมอต้องตัดชิ้นเนื้อที่โคนลิ้นออกมาตรวจ

แต่มีปัญหาเรื่องการวางยาสลบเพราะ “แซม” มีอาการขากรรไกรล็อกจากการติดเตียง อ้าปากไม่ได้มาก

และเลือดของเขาออกมา

หากสอดท่อเข้าไปก็มีโอกาสเสี่ยงกับการขาดออกซิเจน

เลือดอาจหลุดไหลเข้าไปในปอด

มีทางเลือกอีกทางหนึ่ง คือ ใส่สายเข้าไปทางจมูก สอดเข้าไปถึงปอด

แต่วิธีนี้ต้องทำตอนผู้ป่วยรู้ตัว

ไม่ต้องบอกว่าจะเจ็บแค่ไหน

ครับ “แซม” เลือกหนทางนี้

“หลังจากรัดแขน ผูกขาผมเข้ากับเตียงผ่าตัด คุณหมอก็เริ่มทำการสอดสายเข้าไปในจมูก ด้วยร่างกายที่ผ่านการทำเคมีบำบัดมาอย่างโชกโชน ทำให้เยื่อบุของผมบอบบางมากกว่าคนปกติ

แล้วเลือดก็ไหลท่วมออกมา

คุณหมอบอกคุณแม่ว่าผมเป็นคนอดทนได้อย่างยอดเยี่ยมในสภาพร่างกายที่เป็นอยู่ แต่ถึงอย่างไรกระบวนการรักษาก็เจ็บปวดและทรมาน

ทรมานจนคิดว่าความทรงจำในส่วนนี้ จะทำร้ายความรู้สึกของผม จึงจำเป็นต้องฉีดยาลบเลือนความทรงจำ

…แล้วผมก็หลับไป

…จากนั้นผมก็ตื่นขึ้นมา

…จากนั้นผมก็สู้ต่อไป”

“แซม” จบบันทึกถึงเหตุการณ์วันนั้นในเฟซบุ๊กของเขาด้วยประโยคนี้

เขาย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชที่เคยรักษาจนหายจากมะเร็งในครั้งแรก

อีก 2 สัปดาห์จะเริ่มการรักษา

ระหว่างที่รอ เขาไปบรรยายให้กำลังใจผู้ป่วยที่โรงพยาบาลศิริราช

“แซม” เป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

ครั้งนี้ผมก็เชื่อว่าเขาจะชนะเหมือนเดิม

และคงไม่มีคำอวยพรใดจะมอบให้ “นักสู้” อย่าง “แซม”

มีแต่ “รอยยิ้ม” และ “ความเชื่อมั่น”

“แซม” ต้องไม่แพ้

เพราะเขาไม่เคยยอมแพ้

จําได้ว่าตอนที่สัมภาษณ์ “แซม” ทางเฟซบุ๊กไลฟ์

เขาชวนกึ่งท้าทายให้ผมไปวิ่งกับเขา

ผมหัวเราะ

วันนี้อยากบอกกับ “แซม” ว่า ผมตัดสินใจรับคำท้าของเขาแล้ว

รีบออกจากโรงพยาบาลเร็วๆ

แล้วไปวิ่งกัน

สัญญา…

ถ้าวันนั้น “เกาต์” ไม่ขึ้นนะ