เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์ /จัดเก้าอี้

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

จัดเก้าอี้

 

ตอนที่เขียนต้นฉบับเครื่องเคียงฯ ฉบับนี้ จากปากคำของท่านนายกฯ ตู่ บอกว่าการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีนั้นเรียบร้อยแล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศออกมาเป็นทางการก็ยังเชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

แม้ผลยังไม่ออก แต่ก็มีโผตามสำนักข่าวต่างๆ แพลมออกมาเป็นระยะ เท่าที่ได้สดับรับฟังเป็นยังไงบ้างครับกับหน้าตาที่ออกมาของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ในขณะเดียวกันก็มีโพลหลายสำนักได้สอบถามความคิดเห็นประชาชนถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลในแง่มุมต่างๆ

แต่สุดท้าย ไม่ว่าโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีจะออกมาเช่นไร สุดท้ายก็ต้องวัดกันที่ผลงาน ทั้งผลงานของรัฐมนตรีเองในการกำกับดูแล แปลงนโยบายให้ออกมาเป็นรูปธรรม และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน

และทั้งตัวท่านนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องโชว์การบริหารงานอย่างโปร่งใส ฉับไว มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญตัวท่านเองต้องกำกับดูแลไม่ให้เกิดการคอร์รัปชั่นขึ้นมาได้ ไม่ว่าท่านรัฐมนตรีนั้นจะมาจากพรรคการเมืองใด

เอาละ แม้ท่านจะจัดการแบ่งกระทรวง จัดรัฐมนตรีประจำตำแหน่งต่างๆ ไปแล้ว แต่เครื่องเคียงข้างจอฉบับนี้ขอลุกขึ้นมามีเอี่ยวในคณะ ครม. ของท่านสักหน่อยนะครับ

 

อันดับแรก ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อกระทรวงบางกระทรวงให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงกันหน่อย ได้แก่

“กระทรวงคมนาโครม”

เพราะเป็นกระทรวงที่มีคนวิ่งเต้นเพื่อจะนั่งกันมากที่สุด จนถ้าเป็นรถวิ่งเข้าใส่เก้าอี้ตัวนี้คงจะเกิดการชนกันโครมครามแน่ๆ

ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ ขอเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “กระทรวงผลักไสธิการ”

ด้วยกระทรวงนี้ช่างต่างจากกระทรวงแรกที่พูดถึงแบบหน้ามือหลังมือ กระทรวงนั้นมีแต่คนแย่งชิง แต่กระทรวงศึกษาฯ กลับเป็นกระทรวงรองบ่อนที่ไม่ค่อยมีใครอยากนั่ง หรือไม่ก็ใช้เป็น “ตัวแถม” เวลาต่อรองผลประโยชน์กัน ประเภทแกเอาไปสิ ฉันไม่เอา…

ทั้งที่เป็นกระทรวงที่มีความสำคัญต่อการสร้างชาติ สร้างอนาคตอย่างมาก แต่ไม่มีคนเห็นความสำคัญเท่าที่ควร เพราะว่าคง “ทำมาหากิน” ลำบาก

มาสวดให้กระทรวงผลักไสธิการกันครับ

 

ต่อมา ขอแนะนำ “กระทรวงการถอนทุนอันโอชา” ที่จะมาแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพราะจะกี่ยุคกี่สมัย กระทรวงนี้เป็นแหล่งบ่อเงินบ่อทองที่ใครๆ ก็อยากจะครอบครอง จึงเชื่อได้ว่าใครได้เป็นเจ้ากระทรวงจะมีโอกาสถอนทุน จากที่ลงทุนทางการเมืองไปมาก และมีโอกาสถอนทุนได้มากจนรสชาติโอชาเลยเชียว

นอกจากนั้น ยังต้องขอเปลี่ยนชื่อกระทรวงพลังงาน เป็น “กระทรวงพลังเงิน” ด้วย

ด้วยเหตุผลอันใดน่ะหรือ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกระทรวงเกรดเอบวก ที่สามารถสร้างพลังจาก “เงิน” ได้ อย่าให้พูดมาก เจ็บคอ

ส่วนกระทรวงแรงงานนั้นน่าจะเปลี่ยนชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง คือ “กระทรวงแรงงานต่างด้าว”

เพราะทุกวันนี้หาแรงงานไทยที่ทำงานในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคพาณิชย์และภาคบริการได้ยากขึ้นทุกที กลุ่มแรงงานทั้งหลายได้ถูกครอบครองด้วยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านทิ้งสิ้น

ไปเดินซื้อของในตลาด หาลูกจ้างคนไทยแทบไม่มี ที่ทำอาหาร ตักอาหารตามศูนย์อาหารต่างๆ ก็แรงงานต่างชาติแทบทั้งนั้น

 

อีกกระทรวงเป็นกระทรวงใหม่ ตั้งขึ้นมาเพื่อท่านนายกฯ โดยเฉพาะ มีชื่อว่า

“กระทรวงการพัฒนาอารมณ์และความมั่นคงของประยุทธ์”

ต้องบอกก่อนว่า ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แต่อย่างใด

กระทรวง พม.นั่นมีหน้าที่ดูแลและพัฒนาประชาชนคนไทยไป

แต่กระทรวงใหม่ที่ว่านี้ ดูแลท่านนายกฯ เป็นการเฉพาะ เพราะเราได้เห็นว่าตลอด 5 ปีที่เป็นนายกฯ คสช.มา ท่านมักหงุดหงิด อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะเกรี้ยวกราดก็ยิงดะไม่มีปี่มีขลุ่ย

ยิ่งรัฐบาลนี้ เชื่อว่าท่านต้องถูกลองดีทางอารมณ์จากพรรคฝ่ายค้านแบบจัดเต็มแน่นอน หากโดนมากๆ เข้าเกิดน็อตหลุดละแย่เลย หากท่านควบคุมอารมณ์ได้แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง และความมั่นคงก็จะมาสู่ตัวท่าน

ฉะนั้น จึงขอตั้งเพิ่มสักกระทรวงนะครับ อย่าว่ากันเลย ทั่นนายกฯ