รายงานพิเศษ / นับถอยหลัง คสช. จัดทัพความมั่นคง เมื่อ ‘สร.1’ ยึดสนามไชย 1 ส่องทีมกลาโหม ‘บิ๊กตู่’ จับตานิว ‘บิ๊กแดง’

รายงานพิเศษ

 

นับถอยหลัง คสช.

จัดทัพความมั่นคง

เมื่อ ‘สร.1’ ยึดสนามไชย 1

ส่องทีมกลาโหม ‘บิ๊กตู่’

จับตานิว ‘บิ๊กแดง’

แม้จะเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง และช่วงการเปลี่ยนประเทศ สถานการณ์ทางการเมือง จึงยังไม่อาจเรียกได้ว่าปกติ และอาจมีปัจจัยแทรกซ้อนได้ตลอด

บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีมาตรา 44 ไม่มีสถานภาพหัวหน้า คสช. จึงยังไม่อาจวางใจ จนต้องควบ รมว.กลาโหม เอง

แม้จะทำให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ ต้องยอมสละเก้าอี้ รมว.กลาโหม ที่เจ้าตัวบอกว่า “พอแล้ว เพราะนั่งมา 8 ปี” ตั้งแต่ยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และยุค คสช. ด้วยปัญหาสุขภาพก็ตาม

แต่ก็ถือเป็นการกระชับอำนาจในมือของ พล.อ.ประยุทธ์เอง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่ปกติ

 

จึงถูกจับตามองว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีแนวทางในการเป็น รมว.กลาโหมที่เข้มข้นขึ้นเพียงใด และวางตัวขุนความมั่นคงเช่นไร และจะให้ใครมาคุมกระทรวงกลาโหมแทนตนเอง ทั้งการเป็นหัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม และเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม เพราะบรรดาเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 12 คนเด่นๆ ก็ไปเป็น ส.ว.กันหมดแล้ว

แม้แต่บิ๊กแขก พล.อ.สกล ชื่นตระกูล และบิ๊กป้อม พล.อ.จิระศักดิ์ ชมประสพ ที่ปรึกษานายกฯ ที่ช่วยงานที่ทำเนียบมายาวนาน 5 ปี ก็ไปเป็น ส.ว.แล้ว

จึงคาดกันว่า เสธ.มิตต์ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ และเสธ.เก๋ พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการหน้าห้องนายกฯ ที่บนตึกไทยคู่ฟ้า จะยังคงเป็นกำลังหลักของ พล.อ.ประยุทธ์

โดยเฉพาะ พล.ต.นิมิตต์ ที่มีตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหมอยู่แล้ว

ที่สำคัญ มีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ช่วยทำงานต่อ ที่อาจจะเป็น รมช.กลาโหมต่อ หรือเป็น ผช.รมว.กลาโหม เพื่อประหยัดเก้าอี้ เพื่อช่วยดูแลกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.ประยุทธ์ ที่คงจะมานั่งทำงานที่กลาโหมเดือนละไม่กี่ครั้ง ที่ปกติจะมีแค่การประชุมสภากลาโหม ส่วนการรับแขกทางทหาร ก็คงจะไปต้อนรับที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่

พล.อ.ชัยชาญจะทำหน้าที่อยู่โยงกลาโหมแทน เหมือนเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประวิตรเป็น รมว.กลาโหมนั่นเอง

รวมทั้งจะทำหน้าที่ไปชี้แจงในสภาแทน พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อมีกระทู้สด เช่นที่เพิ่งชี้แจงแทน พล.อ.ประวิตรในช่วงปลายรัฐบาล คสช.มาแล้วนั่นเอง

ไม่แค่นั้น ยังมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม น้องรักของบิ๊กป้อม ที่ก็สนิทสนมคุ้นเคยกับ พล.อ.ประยุทธ์มานานอยู่แล้ว ดูแลกลาโหมอีกแรงหนึ่ง

 

การมาเป็น รมว.กลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่มีอะไรน่าห่วง อีกทั้งกองทัพก็ยังคงเป็นปึกแผ่น ไม่มีความแตกแยกรุนแรง อาจมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้างในบางกลุ่ม บางพวก

และคาดกันว่า ในการจัดโผโยกย้ายทหารปลายปี ที่กำลังจัดกันอยู่แล้วนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะมีการวางตัวนายทหารที่จะมาช่วยงานในโผนี้เลย

ทั้งนี้ โผโยกย้ายทหารปลายปี โผนี้จะเป็นโผแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม

แม้ใครๆ จะเชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ ที่ยอมคายเก้าอี้ รมว.กลาโหมให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่งควบก็ตาม แต่ก็ยังคงเป็นเสมือนหนึ่ง รมว.กลาโหมเงาอยู่ดี

ที่ต้องรอดูว่า แม้จะไม่ได้เป็น รมว.กลาโหมแล้ว จะยังคงมีประเพณี ผบ.เหล่าทัพตบเท้าเข้าทานข้าวเช้าที่บ้าน ร.1 รอ. มูลนิธิป่ารอยต่อฯ กับ พล.อ.ประวิตร ทุกวันศุกร์ เช่นที่เคยปฏิบัติมาตลอด 5 ปีหรือไม่

แต่ในฐานะที่ พล.อ.ประวิตรยังจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงต่อไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ ผบ.เหล่าทัพจะยังคงไปพบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการกับพี่ใหญ่

เพราะในทางปฏิบัติ พล.อ.ประยุทธ์เองก็ยังคงต้องไปพบหารือแบบส่วนตัว หรือทานข้าว จิบกาแฟกับ พล.อ.ประวิตร ที่บ้าน ร.1 รอ. เช่นเดิม

เพราะจะว่าไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ในหมวก รมว.กลาโหม ก็ถือว่าเป็นลูกน้องของ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง แต่ในหมวกของการเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ถือว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังเป็น ผอ.รมน. อีกด้วย โดยที่ กอ.รมน.ได้รับการผ่องถ่ายงานต่างๆ ของ คสช.มาดูแลไม่น้อย รวมถึง พ.ร.บ.ความมั่นคงทางทะเล หรือ ศรชล.ของ ทร.

แต่ความเป็นพี่น้องไม่มีวันเสื่อมคลายและเปลี่ยนแปลง พล.อ.ประยุทธ์จะยังคงให้เกียรติ “พี่ป้อม” อยู่เสมอ

แถมทั้ง พล.อ.ชัยชาญ และ พล.อ.ณัฐ ที่จะเป็นกำลังหลักของกลาโหม ก็คือน้องรักที่ พล.อ.ประวิตรใช้งานมาตลอด

ผบ.เหล่าทัพได้จัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลครั้งใหญ่ หรือโผทหารปลายปีกันแล้ว โดยมีกำหนดหารือกันโผแรก 1 สิงหาคมนี้

ที่คาดว่าจะมีหลายตำแหน่งที่รอการตัดสินใจชี้ขาดของ พล.อ.ประวิตร และโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถ่างขาควบทั้งนายกฯ และ รมว.กลาโหม

โดยเฉพาะการวางตัว ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ที่จะขึ้นมาพร้อมกันในปลายปี 2563 เพราะทั้งบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะเกษียณราชการ

หลังจากที่ พล.อ.อภิรัชต์ เตรียมดันบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ที่เป็นทั้งเพื่อนและน้องเตรียมทหาร 21 ให้ข้ามไปเป็นเสนาธิการทหาร ที่ บก.ทัพไทย เพื่อเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป

ด้วยเพราะ พล.อ.เฉลิมพลเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และผ่านการฝึกหลักสูตรต่างๆ มาแล้ว เพื่อที่จะไปปรับ บก.ทัพไทย ให้เป็นแบบเดียวกันกับ ทบ. และเป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.อภิรัชต์

แต่ พล.อ.พรพิพัฒน์ก็ต้องการให้ “คนใน” บก.ทัพไทย ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เช่นที่เคยผ่านมา 5 คน จากบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร มาบิ๊กตี๋ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร บิ๊กเต้ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ และมาถึง พล.อ.พรพิพัฒน์

อีกทั้งมีการวางตัว ทั้งเสธ.เบิร์ด พล.ท.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสธ.ทหาร เพื่อน ตท.20 ของบิ๊กแดงเอง ให้ชิงเก้าอี้เสธ.ทหาร และจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด นอกเหนือจากรอง เสธ.ชู พล.อ.ชูชาติ บัวขาว รองเสธ.ทหาร (ตท.20) ที่ ทบ.ก็เพิ่งส่งมา บก.ทัพไทยเมื่อปีที่แล้ว

และมีนายทหารอินเตอร์อย่างบิ๊กโป๊ป พล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ผบ.ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย น้องรักของบิ๊กป้อมและบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.สปท. และบิ๊กกวาง พล.ท.สัณทัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.หน่วยทหารพัฒนา ที่เป็นแคนดิเดตสู่เก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ที่ล้วนเป็น ตท.21

อีกทั้ง พล.อ.พรพิพัฒน์และบิ๊กๆ ทหารหลายคนใน บก.ทัพไทย ก็ไปผ่านการฝึกหลักสูตรราชองรักษ์ และหลักสูตรจิตอาสากันมาแล้ว ก็สามารถปรับ บก.ทัพไทย ให้มีแบบแผนระเบียบวินัยเหมือนกัน

แม้จะมีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้เคยหารือกับ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะดัน พล.อ.เฉลิมพลขึ้นพลเอก เมื่อการโยกย้ายเมษายนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม

แต่เมื่อถึงเวลา ก็ต้องรอดูว่า พล.อ.พรพิพัฒน์จะเจรจาต่อรองเพื่อนายทหารใน บก.ทัพไทยได้หรือไม่ เพราะ พล.อ.เฉลิมพลมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 ก็ให้ย่ำเท้ารอไปก่อน

พร้อมๆ กับการเป็น รมว.กลาโหมของ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ยิ่งถูกจับตามองมากขึ้น ในฐานะน้องรักที่ใกล้ชิดมาตลอด และถือเป็นกำลังหลักในกองทัพ ในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

เพราะปกติด้วยสถานภาพ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 และสายสัมพันธ์ก็ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์มีเพาเวอร์มากขึ้นกว่าที่เป็น ผบ.ทบ.เก้าอี้เดียว

ไม่ใช่แค่ใน ทบ. และ บก.ทัพไทยเท่านั้น พล.อ.อภิรัชต์จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเพื่อน ตท.20 ให้ขึ้นมาจ่อคิวรอเป็น ผบ.ทร.คนใหม่

ทั้งบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสธ.ทร. ที่มีความชอบธรรม ที่เติบโตมาตามเส้นทางเหล็ก ขณะที่ชื่อของ พล.ร.ท.สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ก็มาแรง ในฐานะที่บิ๊กลือสนับสนุน แถมถูกโฉลก ถูกชะตา

หรือแม้แต่บิ๊กช่อ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. (ตท.19) ที่ก็มาแรง ด้วยโปรไฟล์เส้นทางฉลาม สไตล์ทหารเรือ

แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความแข็งไม่ยอมงอของ พล.ร.อ.ลือชัย ในการดัน พล.ร.ท.สิทธิพรขึ้นมาเป็นพลเรือเอก ใน 5 ฉลามทัพเรือ เพื่อรอจ่อเป็นแม่ทัพเรือคนต่อไป

ที่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องเตรียมหย่าศึกภายในเหล่าทัพ จากการจัดทำโผทหารกันเลยทีเดียว

 

การที่ พล.อ.ประยุทธ์มาควบ รมว.กลาโหม ก็ถูกมองว่า เพื่อคุมกองทัพด้วยตนเอง ปิดประตูการปฏิวัติรัฐประหารในอนาคต และสร้างความแข็งแกร่งให้เก้าอี้นายกฯ ของตนเอง

จนทำให้กองทัพถูกจับตามองว่า จะเป็นกลางทางการเมืองได้หรือไม่ หรือก็จะเป็นเครื่องมือของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ไม่แตกต่างจากเมื่อครั้งเป็น คสช.

แต่ที่น่าจับตามองคือ การที่ พล.อ.อภิรัชต์ที่กำลังจะหมดหน้าที่เลขาธิการ คสช. คงเหลือแต่เก้าอี้ ผบ.ทบ. และสมาชิกวุฒิสภานั้น ประกาศว่า จากนี้ไป ทหารจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง

พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า จากนี้ไป จะไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่พูดเรื่องการเมือง

“ทหารต้องไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง” บิ๊กแดงย้ำ

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า การประกาศเช่นนี้ เป็นเพราะมี “สัญญาณ” ใดหรือไม่ หรือว่าเป็นเพราะ คสช.สิ้นสลายลง

ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาหลายเดือนของการเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์แสดงความคิดเห็นทางการเมืองแบบขึ้นพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อยู่เสมอ

อีกทั้งบุคลิกลักษณะของ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ดูจะยากเย็นลง หากเจอประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรง เพราะขนาดบางทีไม่ต้องพูด แค่แนะนำเพลงก็เป็นเรื่องแล้ว

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า กองทัพจะยังคงเป็นกลไกของรัฐบาล แถมทั้งสายใยพี่น้องเตรียมทหารและ จปร.ของ ผบ.เหล่าทัพ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงเหนียวแน่น

“ทหารไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง เรามีหน้าที่ที่จะทำมากมาย โดยเฉพาะการพัฒนากองทัพบก และการเตรียมจัดทำแผนแม่บท ปรับปรุง พัฒนา ทบ. ปี 2562-2567”

โดยในปีนี้และปีหน้าจะเป็นปีแห่งการพัฒนากำลังพล และการฝึกศึกษาทางทหาร

 

ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพบกสหรัฐอเมริกา ทำให้ ทบ.ไทยได้โควต้าพิเศษในการส่งนายทหารไปฝึกศึกษาตั้งแต่ปี 2559 เมื่อครั้งที่ พล.อ.อภิรัชต์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็น ผบ.ทบ. ที่นายทหารทั้งระดับ ผบ.พล. ผู้การกรม ผู้พัน จนถึงผู้หมวด แม้แต่ตัวบิ๊กแดงเองก็ไปฝึกอบรมมาแล้ว 2 หลักสูตร

โดยเฉพาะการฝึกผู้นำหน่วยทหารขนาดเล็ก กับ พล.ร.25 สหรัฐ ที่ Hawaii รหัส Lightning Forge 2019 ครั้งแรก ที่ส่งทหารทั้งกองร้อยไปฝึก และจะมีอีกหลายการฝึกตามมา

“ผมไม่ได้เป็นพวกอเมริกันจ๋า หรือว่าอะไรๆ ก็ต้องอเมริกัน แต่เพราะกองทัพบกไทยเราจัดตั้งและใช้รูปแบบ รวมทั้งหลักนิยมทางทหารแบบสหรัฐอเมริกามาตลอด แม้แต่ รร.นายร้อย จปร. ก็ยึดต้นแบบจาก รร.นายร้อยทหารบกสหรัฐ West Point” พล.อ.อภิรัชต์ระบุ

นั่นเป็นความตั้งใจของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่จะหันมาทุ่มเวลาในการพัฒนา ทบ.ในทุกด้าน และแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่จะร้อนแรง โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ พี่เลิฟ ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ทางการเมือง ขบวนการล้มรัฐบาล พร้อมปฏิบัติการทุกขณะจิต

   อีกไม่นานรู้กัน…