การปรากฏตัวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายปิยบุตร แสง กนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผ่านการขับเคลื่อนพรรคอนาคตใหม่ ได้ส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง

ไม่เพียงแต่มีการโปรโมทกลุ่ม New Dem ขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์

หากแต่ยังมีกลุ่ม New Blood ที่พรรคชาติไทยพัฒนา

ยิ่งกว่านั้น ทั้งพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติ ไทย หรือแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย ก็มีความพยายามชูคนรุ่นใหม่ให้มีบทบาทมากยิ่งขึ้น

เหมือนกับได้เกิดเลือดใหม่ ประชาธิปัตย์ใหม่ เพื่อไทยใหม่ ก่อสีสันใหม่ในทางการเมืองอย่างคึกคัก

ถามว่า ณ วันนี้ภาพของ”คนรุ่นใหม่”เป็นอย่างไร

 

ชะตากรรมที่เห็นอย่างเด่นชัดมากที่สุด คือชะตากรรมของประดา New Blood แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา

พลันที่เงาร่าง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ปรากฏ

พร้อมกับการลดบทบาทของ นายวราวุธ ศิลปอาชา บรรดา

New Blood ก็ค่อยทยอยจากไป

เช่นเดียวกับชะตากรรมของ New Dem

เมื่อประสบความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชี่วะ ประกาศลาออกตามคำมั่น และ นายจุรินทร์ ลักษณวิ ศิษฎ์ เข้ามาแทนที่

พร้อมกับมติพรรคเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

New Dem ก็อยู่ในสภาวะรวนเร

รวนเรเหมือนกับสภาพการดำรงอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือแม้กระทั่งภายในพรรคเพื่อไทยก็ตาม

นั่นคือ ฤดูกาลอันแสนสั้นของ”คนรุ่นใหม่”ในพรรคการเมือง

 

บรรยากาศในสภาผู้แทนราษฎรนับแต่เดือนมิถุนายนเรื่อยมาจนถึงเดือนกรกฎาคม หากมองในด้านปัจเจกบทบาทของคนรุ่นใหม่คึกคักอย่างยิ่งในเชิงปัจเจก

แต่มองผ่านการขับเคลื่อนของพรรคการเมือง มีก็แต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่ยังโดดเด่น

ดำรงอยู่ในสถานะพรรคของคนรุ่นใหม่อย่างเป็นจริง