ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 5-11 กรฎาคม 2562

ขอแสดงความนับถือ

 

มีปฏิกิริยาแสดงผ่าน “มติชนสุดสัปดาห์”

กรณีจ่านิว หรือสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกรุมทำร้ายอาการสาหัส

ทั้งในรูปแบบองค์กร

และในรูปแบบปัจเจก

 

รูปแบบองค์กรก่อน

แอมเนสตี้ออกแถลงการณ์

เรียกร้องทางการไทยเร่งหาคนผิดมาลงโทษหลังจ่านิว-เอกชัย-ฟอร์ดถูกทำร้าย

กรณีที่เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 เวลา 10.30 น.

นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว นักกิจกรรมทางการเมืองกลุ่ม Start up people

ถูกคนร้าย 4 คนรุมทำร้ายโดยใช้ไม้เบสบอลตีที่ศีรษะจนบาดเจ็บสาหัส

เหตุการณ์นี้ถือเป็นการรุมทำร้ายร่างกายเป็นครั้งที่ 2 แล้ว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2562

เขาถูกคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้ไม้เป็นอาวุธเข้าทำร้ายร่างกายจนมีบาดแผลบริเวณศีรษะและบริเวณริมฝีปาก หลังไปจัดกิจกรรมทางการเมือง

ทางการไทยต้องเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีนี้โดยทันที

อย่างเป็นธรรมและรอบด้าน

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักกิจกรรมทางการเมืองถูกทำร้ายร่างกาย

เมื่อไม่นานมานี้ เอกชัย หงส์กังวาน ถูกลอบทำร้ายอีกอย่างน้อย 5 ครั้งในปี 2562

เช่นเดียวกับอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ (ฟอร์ด) ที่ถูกทำร้ายอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้

ในแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้

ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงกับนักกิจกรรมคนอื่นๆ ตามมาด้วย

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องทางการไทยสืบสวนสอบสวนคดีนี้โดยทันที

และนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและมีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม

หากทางการไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

ย่อมเป็นการส่งสัญญาณถึงวัฒธรรมการลอยนวลพ้นผิดในประเทศไทย

ปิยนุช โคตรสาร

ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

ประเทศไทย

 

ในส่วนปัจเจก

พลิกไปที่หน้า 90 คอลัมน์ “รักคนอ่าน”

ทราย เจริญปุระ เปิดแผลในใจ ให้เราสัมผัสอีกครั้ง

จริงอยู่ เธอไม่ได้ถูกตีศีรษะตรงๆ เช่นจ่านิว

แต่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงทางรถยนต์

นอกจากต้องสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่

และสู้เพื่อไม่ให้ร่างกายพิการแล้ว

ยังต้องมาสะเทือนทางจิตใจซ้ำเข้าไปอีก

เป็นการกระทำ “ซ้ำ” จากคนที่ไม่เคยรู้จัก

เพียงแต่ “เห็นต่าง” ทางการเมืองเท่านั้น

เธอกลายเป็นเหยื่อให้ถูกขย้ำ

ถูกแช่งให้พิการ หรือตายไปเสียจากคนที่ไม่รู้จัก!

 

“…โดยส่วนตัวแล้ว, ฉันว่าต่อให้เข้มแข็งเพียงใด บาดแผลที่หัวใจคงต้องมี

ในสติบุบๆ เบลอๆ ของฉัน

ช่วงนั้นมีการชุมนุมถี่จนฉันจำไม่ได้แล้วว่ามีตรงจุดไหน ชุมนุมโดยกลุ่มไหน เพื่อเรียกร้องอะไรกันบ้าง

ฉันตื่นขึ้นจากการผ่าตัดด้วยเสียงนกหวีด

เดินแข็งๆ ไปกายภาพเพราะรถถูกกั้นไม่ให้เข้าโรงพยาบาล

ผจญกับสายตาและเสียงด่า

จากคนและขบวนรถขับสวนทางขึ้นมาบนทางด่วน มือถือธงโบกสะบัด

ถามว่าฉันเป็นอย่างไรบ้าง

ก็ไม่เป็นอะไรนัก บาดแผลภายนอกไม่ได้มีมากขึ้น

แต่รอยในหัวใจถูกกรีดซ้ำไปเรื่อยๆ จากเหตุการณ์รุนแรงในแต่ละวัน…”

 

สิ่งที่ทรายประสบ

จ่านิว หรือสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ก็ประสบ

ทั้งที่ทุกคนพูดเหมือนท่องจำ

เราเห็นต่างกันได้-แต่ไม่ควรทำร้ายกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเปิดโลกโซเชียล

เรากลับเห็นการทำร้ายซ้ำ ทั้งทางคำพูดและการแสดงออก

สร้างบาดแผลในใจ ที่ไม่อาจลบหายไปจากชีวิตได้

ไม่ว่าจะเป็นใคร

หรือฝ่ายไหนก็ตาม