วิถีแห่งอำนาจ/ เอี้ยก่วย เสถียร จันทิมาธร / ภูตบูรพา ผยองประจิม (197)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

ภูตบูรพา ผยองประจิม (197)

เหตุผลของอึ้งย้งแม้จะน่าฟัง แต่จิวแป๊ะทงก็สั่นศีรษะพร้อมกับกล่าวคำว่า “ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง” ย้ำแล้วย้ำอีก 2 ครา

การถกแถลงแย้งขัดระหว่างจิวแป๊ะทงกับอึ้งย้งน่าสนใจ

“อาวเอี้ยงฮง คือพิษประจิม แต่ฝีมือและจิตใจของเด็กน้อยเอี้ยก่วยหาชั่วร้ายไม่ หากขนานนามว่า พิษร้ายน้อยออกจะปรักปรำไปบ้าง” นั่นคือเหตุผลของจิวแป๊ะทง

แล้วอึ้งย้งมีความเห็นประการใด

“เจ๋งกอกอไม่ได้เป็นขอทาน อย่าว่าแต่ตอนนี้อิดเอ็งไต้ซือก็มิใช่ตวนอ้วงเอี้ย ข้าพเจ้าเห็นว่าฉายาของบุคคลหลายท่านต้องแก้ไขสักครา

ฉายาภูตบูรพา (ตังเซี้ย) ของบิดาเป็นยี่ห้อเก่าแก่ ไม่ต้องแก้ไข

อิดเอ็งไต้ซือ ไม่เป็นฮ่องเต้ บวชเป็นหลวงจีนสมควรเรียกขานเป็นหลวงจีนทักษิณ (น่ำเจ็ง) สำหรับก่วยยี้ข้าพเจ้าคิดกำนัลฉายาเขาว่า ‘ผยอง’ (ค้วง) พวกท่านเห็นว่าเหมาะสมหรือไม่”

เท่ากับเป็นการทิ้งระเบิดมาจากอึ้งย้ง

เท่ากับเป็นการแสดงความเห็นในทางตรงกันข้ามกับจิวแป๊ะทง ขณะเดียวกันก็ยืนหยัดในหลักการของตน

 

ท่าทีแรกมาจากบิดาของอึ้งย้ง เจ้าของฉายา “ภูตบูรพา” ซึ่งด้านหนึ่งคือประมุขเกาะดอกท้อ อีกด้านหนึ่งเป็นเฮียตี๋กับเอี้ยก่วย

“ภูตบูรพา ผยองประจิม 1 ชรา 1 เยาว์วัย พวกเราพอดีคู่กัน”

แต่ก็ได้รับการแย้งอย่างฉับพลันดังมาจากเอี้ยก่วย “เด็กน้อยอายุเยาว์ ไหนเลยกล้าเผยอขึ้นเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกท่าน”

“เซียวเฮียตี๋ (น้องเยาว์วัย) เจ้าไม่ถูกต้องแล้ว” อึ้งเอี๊ยะซือไม่เห็นด้วย

“เจ้าเมื่อได้รับขนานนามว่า ‘ผยอง’ (ค้วง) ก็ผยองสักครา จะเป็นไร อีกประการ ด้วยความกระเดื่องดังของชื่อเสียง ความกล้าแข็งของฝีมือเจ้าทุกวันนี้หรือยังเอาชนะเฒ่าทารกไม่ได้”

นี่ย่อมเป็นความรู้เท่าทันของอึ้งเอี๊ยะซือ

มันตระหนักรู้ว่าอึ้งย้งจงใจไม่เอ่ยถึงจิวแป๊ะทงเพื่อกระตุ้นเฒ่าทารกให้คันที่หัวใจจนยากจะเกา ดังนั้น จึงบีบคั้น ขณะเดียวกันเอี้ยก่วยก็เข้าใจความคิดอ่านของ 2 พ่อลูกตระกูลอึ้ง จึงสบสายตากับเซียวเล้งนึ่งแย้มยิ้มออกมา

“คำ ‘ผยอง’ (ค้วง) นี้ตั้งได้ประเสริฐจริงๆ”

 

นี่ย่อมเป็นการหยั่งเข้ายังความในใจอันเร้นลับของจิวแป๊ะทง นี่ย่อมเป็นการทะลวงเข้าไปในปมแห่งความเร้นลับที่สะสมมา

กระนั้น จูจ้อลิ้วในเครือข่ายอิดเอ็งไต้ซือก็หาหนทางออก

“ผู้ห้าวหาญแห่งยุคพอเอ่ยถึงก๊วยเฮียล้วนเรียกเป็น ‘ผู้กล้าหาญแซ่ก๊วย’ (ก๊วยไต้เฮียบ) โดยไม่ระบุนาม หลายสิบปีมานี้เขาเฝ้ารักษาเมืองเซียงหยาง ปกป้องดินแดน คุ้มครองราษฎร วีรบุรุษผู้กล้าเช่นนี้ สุดที่จูแก ก้วยโกยในสมัยโบราณจะเทียบเทียมได้ เราเห็นว่า หากยกย่องเขาเป็น ‘ผู้กล้าอุดร’ (ปักเฮียบ) ทุกผู้คนต้องยอมรับนับถือแน่นอน”

อย่าได้แปลกใจหากว่าอิดเอ็งไต้ซือ บู๊ซำทงและพวกจะพากันปรบมือให้การสนับสนุนดังสนั่นหวั่นไหว

“ภูตบูรพา ผยองประจิม ผู้กล้าอุดร หลวงจีนทักษิณ ล้วนมีตัวตนแล้ว” เป็นเหมือนกับรำพึงจากอึ้งเอี๊ยะซือ

“บุคคลที่อยู่ตรงกลาง สมควรให้ผู้ใดรับตำแหน่งนี้”

 

เหมือนกับจะเป็นการรำพึงเชิงหารือจากภูตบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ แต่ขณะพูดสายตาก็เหลือบชำเลืองไปทางจิวแป๊ะทงแวบหนึ่ง

แล้วจึงกล่าว

“เอี้ยฮูหยิน เซียวเล้งนึ่ง เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของสำนักสุสานโบราณ ครั้งกระโน้นลิ้มเซียวเอ็งมีฝีมือสูงล้ำ เพลงกระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์เลิศพิสดาร แม้แต่เฮ้งเต็งเอี้ยงยังเกรงขามอยู่ 3 ส่วน หากแม้ผู้กล้าหญิงแซ่ลิ้ม (ลิ้มนึ่งเฮียบ) เข้าร่วมการชุมนุมวิจารณ์กระบี่ อย่าว่าแต่ตำแหน่งยอดคนทั้ง 5 ต้องจัดสรรใหม่ แม้แต่บัลลังก์ที่ 1 แห่งแผ่นดินของเฮ้งเต็งเอี้ยงก็ไม่แน่ว่าจะได้ครอบครอง

วิชาฝีมือของเอี้ยก่วยได้รับถ่ายทอดจากฮูหยินของเขา ผู้เป็นศิษย์ยังได้รับบรรจุอยู่ในยอดคนทั้ง 5 ชนชั้นซือแป๋ยิ่งมิต้องเอ่ยถึง ดังนั้น เอี้ยฮูหยินสามารถจัดอยู่ตำแหน่งกลาง”

“ประการนี้ข้าพเจ้าไม่กล้ารับเด็ดขาด” เป็นการปฏิเสธทันทีจากเซียวเล้งนึ่ง

“ไม่เช่นนั้นก็ยกให้แก่ย้งยี้” เป็นการดำเนินการต่อจากภูตบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ นี่ย่อมเป็นความนัยอันต่อเนื่องจากจุดเริ่มต้น

เป้าหมายยังอยู่ที่จิวแป๊ะทง ไม่แปรเปลี่ยน