ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
ผู้เขียน | อาชญา ข่าวสด |
เผยแพร่ |
เป็นเรื่องราวที่น่าสลดหดหู่อย่างยิ่ง
สำหรับกรณีหนุ่มน้อยอายุเพียง 15 ปี ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จากเงื้อมมือของติวเตอร์โรคจิต ที่อาศัยช่องทางการกวดวิชา อ้างว่าสามารถสั่งสอนให้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้
แต่สุดท้ายกลับใช้วิธีทารุณลูกศิษย์อย่างโหดเหี้ยม
ทั้งลงมือเอง รวมทั้งสั่งการให้กลุ่มลูกศิษย์ทำแทน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไม้เบสบอลทุบตี จุดไฟลนอัณฑะ
สร้างกฎแปลกประหลาด เป็นการชำระบาป พร้อมข่มขู่จนเด็กนักเรียนไม่กล้าบอกผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สุดท้ายก็เกิดความสูญเสียอย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นสถานกวดวิชาเถื่อน ที่คิดค่าเรียนแพงมหาโหด แต่ไม่ได้มีมาตรฐานอะไร
เป็นบทเรียนและอุทาหรณ์ของครอบครัว ที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ก่อนจะเชื่อใจให้ใครที่ไม่รู้จักดูแลบุตรหลานของตัวเอง
ผงะหนุ่ม 15 ถูกซ้อมดับ
เหตุสลดครั้งนี้ปรากฏเป็นข่าว เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน โดย จ.ส.อ.พิษณุ ทรัพย์สิน เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เวลา 21.00 น. ขณะที่ลูกชายคือนายฐปกร ทรัพย์สิน หรือน้องชายแดน อายุ 15 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในสถานกวดวิชาแห่งหนึ่ง เลขที่ 999/33 หมู่บ้านไอซ์แลนด์ 6 ต.ไทรวัด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
โดยจากการตรวจสอบพบบาดเจ็บ ศีรษะแตกเป็นแผลเย็บ 7 เข็ม แขนขวาหัก ด้านหลังมีรอยเขียวช้ำ อัณฑะมีร่องรอยไหม้เหมือนถูกไฟลน มีอาการช็อกหมดสติ อุจจาระและปัสสาวะเรี่ยราด
รักษาตัวอยู่ 5 วัน ในที่สุดก็เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน โดยแพทย์ระบุว่าได้รับความบอบช้ำอย่างหนักที่อวัยวะภายนอกและภายใน และมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียน พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับแพทย์และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และสอบสวนหาว่าในวันเกิดเหตุมีผู้ใดเกี่ยวข้องบ้าง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวติดตามไปยังโรงเรียนกวดวิชาดังกล่าว พบว่าใช้ชื่อ “โรงเรียนกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ” ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านไอซ์แลนด์ พบว่าเป็นบ้านเดี่ยวมีพื้นที่กว้างขวาง มีป้ายไวนิลขนาดใหญ่ติดอยู่ เขียนว่า “กวดวิชาบ้านพี่ณัฐ” แขวนไว้ที่รั้ว หน้าบ้านมีลานปูนซีเมนต์กว้างพอประมาณ มีอุปกรณ์การออกกำลังกายตั้งอยู่
สอบถาม รปภ.และคนในหมู่บ้าน ทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเปิดเป็นโรงเรียนกวดวิชา เพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร โดยมีเด็กเข้ามาอยู่กินนอน ช่วงเย็นจะมีคนนำนักเรียนออกวิ่งรอบหมู่บ้านเพื่อออกกำลังกาย
โดยที่นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ อายุ 27 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาดังกล่าว เปิดเผยว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องชายแดนแล้ว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการเล่นกันเองของกลุ่มนักเรียนในสถาบัน โดยเล่นกันในลักษณะรุมสกรัมเหมือนรักบี้ มีเด็กล้มทับกันเป็นชั้นๆ โดยน้องชายแดนอยู่ข้างล่างสุด
ต่อมาน้องชายแดนสะบัดหลุดออกมาได้ ก็วิ่งหนีขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน แล้วก็เกิดหมดสติไป ล้มลงหน้าบันได ศีรษะกระแทกกับบันไดจนหัวแตก แล้วนอนนิ่งไป จากนั้นเด็กนักเรียนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รีบมาแจ้งให้ตนทราบ จึงช่วยกันปฐมพยาบาล แล้วพาส่งโรงพยาบาล
ยืนยันเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งตนพร้อมให้การกับตำรวจ ไม่หลบหนีไปไหนแน่นอน
เป็นคำยืนยันจากติวเตอร์
หลักฐานมัด-จับติวเตอร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลายเป็นกระแสข่าวใหญ่ในสังคม ทุกภาคส่วนก็เข้ามาตรวจสอบ โดยศพของน้องชายแดนก็ถูกอายัดไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ นายอรรถพร สิงหวิชัย ผวจ.นครสวรรค์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งศึกษาธิการจังหวัด นำหมายค้นเข้าตรวจสอบสถาบันกวดวิชาบ้านพี่ณัฐ เพื่อตรวจสอบทั้งบันไดบ้าน ห้องพัก ห้องเรียน รวมทั้งสอบปากคำพยานแวดล้อม ทั้งเด็กที่ยังอยู่ในสถาบัน และนักเรียนที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือ พร้อมให้รายละเอียดถึงลักษณะนิสัยและการกระทำของนายณัฐพลที่เป็นเจ้าของสถานกวดวิชา
ขณะที่นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ระบุว่า จากการตรวจสอบของศึกษาธิการจังหวัดนครสวรรค์ พบว่าสถาบันดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนกับคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ถือเป็นสถาบันเถื่อน ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำกำลังพร้อมหมายจับเข้าจับกุมนายณัฐพล ช่วงกลางดึกของวันที่ 17 มิถุนายน หลังรับทราบว่ากำลังเตรียมตัวจะหลบหนี และยังจับกุม น.ส.พีรญา พละแสน อายุ 25 ปี ภรรยาของนายณัฐพล และ น.ส.นงลักษณ์ พละแสน อายุ 54 ปี แม่ยายของนายณัฐพลด้วย
พร้อมแจ้งข้อหาทั้ง 3 ว่าร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย
สำหรับสาเหตุที่นำกำลังเข้าจับกุม เนื่องจากพยานที่เป็นศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันหลายปาก ให้การตรงกันว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 และลูกศิษย์อีก 4 คน เป็นคนที่ใช้ไม้เบสบอลรุมทำร้ายน้องชายแดนจนบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว
และยังให้การอีกว่า หลังก่อเหตุได้สั่งให้ลูกศิษย์นำไม้เบสบอลที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งใต้สะพานแม่น้ำปิง หมู่ 1 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์
ในที่สุดก็เจอหลักฐาน โดยเด็กชายวัย 12 ปี ที่มาตกปลาใต้สะพานข้ามแม่น้ำดังกล่าวเป็นผู้พบ เนื่องจากเบ็ดที่หย่อนลงไปเกี่ยวถุงหุ้มไม้เบสบอลอะลูมิเนียม แต่ตอนที่ได้มา ไม่รู้ว่าเป็นของใครเลยนำกลับบ้าน เมื่อทราบข่าวก็นำมาให้เจ้าหน้าที่
ขณะที่การสอบสวนทุกอย่างคืบหน้าเป็นลำดับ เมื่อลูกสมุนทั้ง 4 คนต่างให้การถึงพฤติกรรมของนายณัฐพลไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่า นายณัฐพลมีท่าทีแปลกๆ ทำตัวเหมือนเป็นคนมีองค์ อ้างตัวเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า การทำร้ายน้องชายแดนไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้เคยทำร้ายน้องชายแดนจนหัวแตก แขนหัก แล้วนำไม้เบสบอลที่ก่อเหตุไปโยนทิ้งรอบแรก
ต่อมาก็รุมทำร้ายน้องชายแดนอีก คราวนี้บาดเจ็บหนักจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาล โดยนายณัฐพลเป็นคนตีน้องชายแดนกว่า 20 ครั้ง เพราะไปเถียงกับแม่ยายของนายณัฐพล พร้อมบังคับลูกสมุนให้จับน้องชายแดนขึงพืดพร้อมนำไฟแช็กลนอัณฑะด้วย
เป็นพฤติกรรมรุนแรงเกินกว่าที่คนเป็นครูจะกระทำ
แฉสุดโทษวันชำระบาป
ไม่เพียงแค่นั้น จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันพร้อมกันตัวนักเรียนที่ร่วมก่อเหตุไว้เป็นพยาน เรื่องราวพฤติกรรมที่สุดแสนเหี้ยมโหดก็ยิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น
โดยเด็กนักเรียนระบุว่า นายณัฐพลมักจะใช้อิทธิพลข่มขู่นักเรียนให้ยอมทำตาม ไม่เช่นนั้นจะทำร้ายร่างกาย และห้ามเอาเรื่องภายในสถาบันไปบอกใคร ทำให้นักเรียนหวาดกลัวอย่างหนัก โดยเด็กระบุอีกว่า เมื่อเข้าไปเรียนที่สถาบันแห่งนี้ ก็ไม่ต่างกับการถูกจองจำ เด็กจะถูกยึดโทรศัพท์มือถือ
ผู้ปกครองที่จะเข้ามาเยี่ยม ก็ต้องนัดวันล่วงหน้า แล้วถึงจะกำหนดวันพบ ซึ่งนายณัฐพลก็จะห้ามบอกความจริงกับผู้ปกครอง นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมคลั่งไสยศาสตร์ อ้างตัวเองเป็นร่างทรงเทพ จัดให้มีวันล้างบาป ให้เด็กนักเรียนแต่ละคนถือไม้เบสบอลมารวมกัน
หากเด็กในกลุ่มรายไหนทำความผิด หรือไม่ชอบใคร ก็จะให้เด็กใช้ไม้รุมทุบตีเด็กคนนั้น เพื่อชำระบาป ถ้าแค้นมากก็จะเจ็บมาก โดยน้องชายแดนเคยถูกทุบตีในวันล้างบาปแล้วหลายครั้ง โดยที่รุนแรงจนเสียชีวิต ก็เพราะไปขอโทรศัพท์จากแม่ยายนายณัฐพลเพื่อติดต่อกับทางบ้าน แต่แม่ยายนายณัฐพลไม่ให้ใช้ น้องชายแดนเลยหลุดสบถคำหยาบออกมา
ทำให้นายณัฐพลโมโห สั่งทำร้ายอย่างรุนแรง แถมยังลงมือด้วยการใช้ไม้เบสบอลฟาดกว่า 20 ครั้ง
นอกจากนี้ เมื่อไปตรวจสอบสมุดบันทึกของน้องชายแดนที่สถาบันกวดวิชา ก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบบันทึกของน้องชายแดนที่เขียนถึงพ่อแม่ พร้อมระบายความในใจว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่สถาบันกวดวิชาแห่งนี้เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
โดนซ้อม โดนทำร้ายจนอยากจะกลับบ้าน
น่าเสียดายที่จดหมายดังกล่าวถึงมือผู้ปกครองช้าเกินไป
ทั้งนี้ สำหรับนายณัฐพลนั้น สอบประวัติพบว่าเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนนายเรือ แต่เรียนไม่จบ มาเปิดสถานกวดวิชาแห่งนี้เมื่อปี 2560
ปีแรกๆ มีคนสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารได้หลายคน จนเกิดความน่าเชื่อถือ
สุดท้ายก็ต้องสูญเสียอย่างไม่อาจหวนคืน