คนมองหนัง | เมื่อ “ผู้กำกับฯ ไทย” ไปทำหนัง “สุนัข” ที่เมืองจีน

คนมองหนัง

คนดูหนังรุ่นใหม่ๆ อาจไม่คุ้นชื่อ “สมเกียรติ วิทุรานิช” สักเท่าไหร่นัก

ทั้งๆ ที่สมเกียรติถือเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ฝีมือดีมากคนหนึ่งของวงการหนังไทยร่วมสมัย

แม้เขาจะมีผลงานหนังยาวของตนเองเพียงแค่ 4 เรื่อง ภายในกรอบระยะเวลา 27 ปีก็ตาม! (โดยไปสอนหนังสือและผลิตสื่อบันเทิง/ภาพเคลื่อนไหวชนิดอื่นๆ ในช่วงเวลาที่เหลือ)

หนังเรื่องแรกของสมเกียรติ คือ “ฝากฝันไว้เดี๋ยว จะเลี้ยวมาเอา” จัดเป็นหนังวัยรุ่นน้ำดีใน พ.ศ.2535 กระทั่งคว้ารางวัลจากชมรมวิจารณ์บันเทิงไป 3 สาขา ได้แก่

นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (นฤเบศร์ จินปิ่นเพชร), กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม (นฤบดี เวชกรรม) และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (สมเกียรติ วิทุรานิช และ ธิศณา เดือนดาว)

เป็นรองเพียง “อนึ่งคิดถึงพอสังเขป” โดย “บัณฑิต ฤทธิ์ถกล” ผู้ล่วงลับ ซึ่งกวาดไป 4 รางวัล

ผ่านไปถึง 15 ปี (พ.ศ.2550) สมเกียรติจึงหวนคืนมารับงานกำกับหนังยาวลำดับที่สองในชีวิต คือ “มะหมา 4 ขาครับ” โดยมีเครดิตเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ร่วมกับ “พันธุ์ธัมม์ ทองสังข์”

“มะหมาฯ” โดดเด่นด้วยการเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ใช้ “สุนัข” จำนวนมากเป็นตัวดำเนินเรื่อง

หนังเรื่องนี้ทำรายได้อย่างน่าพอใจ (เกือบ 60 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่) และสามารถคว้ารางวัลเฉพาะด้าน “ปาล์มด็อก” ซึ่งเป็นรางวัลคู่ขนานที่จัดมอบโดยคณะนักวิจารณ์หนังนานาชาติ ระหว่างเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ค.ศ.2007

การประสบความสำเร็จของ “มะหมาฯ” ช่วยเปิดโอกาสให้สมเกียรติได้สร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ระดับ “มาสเตอร์พีซ” ของตนเอง ใน พ.ศ.2552 นั่นคือ “October Sonata รักที่รอคอย”

หนังเล่าเรื่องราวสายสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เติบโตในทศวรรษ 2510 ทั้งสองคนมีสื่อกลางความรัก-อุดมการณ์เป็นนวนิยาย “สงครามชีวิต” ของ “ศรีบูรพา” โดยมีบริบทของสถานการณ์เป็นความขัดแย้งทางการเมืองจาก 14 ตุลา 16 ถึง 6 ตุลา 19 การเข้าป่าของนักศึกษาปัญญาชน และยุคหลัง พคท.

ผู้กำกับฯ ไทยร่วมสมัยหลายคน อาจไม่กล้าเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ว่าหนังของตนมี “สารทางการเมือง” แฝงอยู่ ทว่าสมเกียรติไม่เคยกระมิดกระเมี้ยนถึงสิ่งที่เขาต้องการสื่อใน “October Sonata”

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นผลงานศิลปวัฒนธรรมที่พยายามมองย้อน-สำรวจร่องรอยความขัดแย้งของสังคมการเมืองไทย ภายหลังการรัฐประหารอันล้มเหลวเมื่อ พ.ศ.2549

ขณะเดียวกัน สารในหนังอาจสามารถถูกอ่านได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น หลังการรัฐประหาร พ.ศ.2557 และการเลือกตั้ง พ.ศ.2562

แม้หนังรักโรแมนติกเจือกลิ่นการเมืองของสมเกียรติจะทำเงินได้ไม่เยอะนัก แต่ก็กวาดรางวัลใหญ่ๆ ในประเทศไปมากมาย

เช่น 6 รางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิง (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ผู้แสดงสมทบชายยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม)

4 รางวัลสุพรรณหงส์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม)

และ 4 รางวัลสตาร์พิคส์ ไทย ฟิล์ม อวอร์ดส์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)

ตลอดหลายปีมานี้ บางคนคงคิดว่า “October Sonata รักที่รอคอย” อาจจะเป็น “หนังคลาสสิค” เรื่องเดียว และผลงานภาพยนตร์ลำดับสุดท้ายของ “สมเกียรติ วิทุรานิช”

แต่ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งทศวรรษหลังจาก “October Sonata” สมเกียรติจะกลับมากำกับหนังยาวอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขบางอย่างที่คล้ายเดิม แต่ในบริบทอันแตกต่างจากเดิมลิบลับ

เงื่อนไขที่คล้ายเดิม คือ สมเกียรติจะได้กำกับภาพยนตร์ซึ่งมี “สุนัขสี่ขา” เป็นตัวแสดงนำอีกหน

บริบทอันแตกต่างจากเดิม คือ ผลงานใหม่ล่าสุดของเขาจะเป็น “หนังจีนแผ่นดินใหญ่” ซึ่งได้รับทุนสร้างจากเอกชนจีน ถ่ายทำกันในประเทศจีน และใช้นักแสดงชาวจีนทั้งหมด

ดังนั้น นี่จึงเป็น “หนังจีน” ที่ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ “คนไทย” ไปผลิต-สร้างสรรค์ (นอกจากสมเกียรติในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์แล้ว ผู้กำกับภาพของหนังเรื่องนี้ ก็คือ “ธีระวัฒน์ รุจินธรรม” ตากล้องที่เคยถ่ายหนังไทย-เทศมามากมาย ซึ่งเคยร่วมงานกับสมเกียรติใน “October Sonata” และมีผลงานสร้างชื่อล่าสุด ในฐานะผู้กำกับมิวสิกวิดีโอเพลง “ประเทศกูมี”)

หนังจีนเรื่องแรกของ “สมเกียรติ วิทุรานิช” มีชื่อภาษาอังกฤษว่า “A Dog”s Tale”

จากตัวอย่างภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาในโลกออนไลน์ หนังเรื่องนี้อาจมีสองเส้นเรื่อง เส้นแรก คือ ชีวิตของ “สุนัขกู้ภัย” ที่ปฏิบัติงานในเหตุการณ์แผ่นดินไหว และเส้นที่สอง คือ ชะตากรรมความพลัดพราก-ระหกระเหินระหว่าง “สุนัข” กับผู้เป็นเจ้าของ

หากพิจารณาเฉพาะหนังตัวอย่าง “A Dog”s Tale” น่าจะเรียกน้ำตาจากบรรดา “คนรักหมา” ได้ไม่น้อย

ต้องจับตาดูว่าหลังเข้าโรงฉายที่จีนในเดือนกันยายน “หนังสุนัขจีนโดยผู้กำกับฯ ไทย” เรื่องนี้ จะได้เดินทางมาหาผู้ชมชาวไทยหรือไม่? เมื่อไหร่?