The Return of“ป๋าเปรม”ลมใต้ปีก“บิ๊กตู่”สู่ปีสุดท้ายของคสช.? ส่องทีม“บิ๊กเจี๊ยบ”กับกลยุทธ์หลอมละลายขั้ว

การปรากฏกายของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น ในสถานภาพที่เปลี่ยนแปลงไป

เพราะพ้นหน้าที่การเป็นประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ 9

และพ้นหน้าที่ของการเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้ว

และทำหน้าที่ประธานองคมนตรี ในรัชกาลที่ 10

เพราะตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2559 ที่ พล.อ.เปรม มาร่วมงาน สานใจไทย สู่ใจใต้ ที่สโมสร ทบ. วิภาวดี แล้ว พล.อ.เปรม ก็ไม่ได้ออกงาน ออกสื่ออีกเลย จนรับหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยประชาชนจะเห็น พล.อ.เปรม ไปร่วมพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง ในโอกาสสำคัญเท่านั้น ท่ามกลางข่าวลือต่างๆ นานา

แต่มาวันนี้ พล.อ.เปรม มาในสถานภาพที่แตกต่างไปจากอดีต

ด้วยการที่ พล.อ.เปรม เคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แม้จะแค่กว่า 1 เดือนเศษเท่านั้นก็ตาม แต่สถานภาพก็คือ เคยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ที่ทำหน้าที่แทนพระมหากษัตริย์

แม้แต่การรักษาความปลอดภัย ก็ต้องห้ามไม่ให้ จนท. ไม่ว่า ทหาร ตำรวจ พกอาวุธ เข้าบ้านสี่เสาฯ โดยเด็ดขาด

การกลับมาคราวนี้ อำนาจและบารมีของ พล.อ.เปรม จะยิ่งแผ่กระจายออกมาในวันนี้ ไม่ใช่แค่เพียงประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เท่านั้น แต่ยังคงเป็นป๋าเปรม ผู้มีความเป็นอมตะ แห่งอำนาจและบารมี ที่ผู้นำประเทศ ผู้นำทหาร ไม่ว่ามีอำนาจแค่ไหน ก็ต้องมายืนสยบอยู่ตรงหน้า

พรปีใหม่ที่ พล.อ.เปรม มอบให้ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และ ครม. คสช. รวมทั้ง ผบ.เหล่าทัพ จึงมีความหมายยิ่ง

7

“ยิ่งนายกฯ เหนื่อยมากเท่าไหร่ ความสำเร็จก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนำความสุขกลับคืนมาให้ชาติบ้านเมืองและประชาชน” พล.อ.เปรม กล่าว

รวมทั้งการให้กำลังใจทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้ง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ป๋าเรียกว่า “คุณป้อม” และรองนายกฯ ทุกคน เพราะยิ่งเหนื่อยมากๆ ความสำเร็จก็จะยิ่งได้แก่ประชาชน

“เหนื่อยมากแค่ไหน แต่ต้องไม่ท้อแท้… เมื่อเหนื่อย ให้เอาพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ มาดู ว่าพระองค์ทรงเหนื่อยมา 70 ปี เกินกว่าเราเยอะแยะ…ขอให้ช่วยกันทำงาน ช่วยกันทำให้ความเหนื่อยของเราสิ้นสุดให้เร็วที่สุด เท่าที่จะเร็วได้” ป๋าเปรม ระบุ

3

การปรากฏกายครั้งนี้ พล.อ.เปรม ยังคงแข็งแรง นิ่ง ไม่มีอาการสั่น แม้จะย่าง 97 แล้วก็ตาม ไม่แค่นั้น ดูสดใส ยิ้มแย้ม มากขึ้น

รวมทั้งแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ ครม. ด้วยการระบุว่า “เราเป็นเพื่อนกันมาหลายสิบปีแล้ว”

ไม่แค่นั้น พล.อ.เปรม ยังดูสนใจแนวทางการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล เพราะได้เชิญนายกฯ เข้าไปคุยส่วนตัวในบ้าน ราว 15 นาที ที่ล้วนเป็นเรื่องแนวทางในปี 2560 ที่ป๋าเปรมอยากรู้ทั้งสิ้น

“ป๋าท่านอยากรู้ว่า ในปี 2560 นี้ เราจะทำอะไรบ้าง” นายกฯ เผย

ท่ามกลางกระแสข่าวที่สะพัดในหมู่นักการเมืองว่า แม้ตอนนี้ร่างรัฐธรรมนูญจะยังไม่ออกมา แต่ทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็ป ที่จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 เพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่แนวทางประชาธิปไตย และเพื่อความสง่างาม เมื่อประเทศมีพิธีสำคัญ

แม้ พล.อ.เปรม จะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหนื่อยมา 2-3 ปีแล้ว จะต้องเหนื่อยต่อไปอีกก็ตาม แต่ก็ย้ำว่า ต้องรีบทำให้ความเหนื่อยนั้นสิ้นสุดโดยเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้

โดยที่ฝ่ายนักการเมือง ก็เตรียมพร้อมสำหรับการหาเสียงและการลงเลือกตั้งแล้ว

6

จากข้อมูลของ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. รบพิเศษ และเลขาธิการ คสช. ชี้ว่า การเมืองในปี 2560 ไม่น่าจะมีอะไร เพราะนักการเมืองก็อยากที่จะเลือกตั้ง และมีบทเรียนมาแล้ว ว่าหากทำแบบเดิมอีก จะเกิดปัญหาอะไรตามมา

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทางฝ่ายทหาร ก็มองว่า “ไม่น่าจะมีอะไรที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น และเราจะกลับสู่ประชาธิปไตย”

แต่กระนั้น กระแสข่าวลือต่างๆ ในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ และการเลื่อนเลือกตั้ง ก็ยังคงมีอยู่ ที่จะทำให้รัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่อาจพ้นภาระหน้าที่ และอาจต้องยืดโรดแม็ปออกไป

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะยืนยันหลายครั้งแล้วว่า คสช. ไม่คิดที่จะเลื่อนโรดแม็ป แต่ก็ทิ้งท้ายไว้ว่า อยู่ที่สถานการณ์

ที่สำคัญ พล.อ.เฉลิมชัย ออกมาการันตีเลยด้วยว่า “ไม่ว่าผลการเลือกตั้งออกมาแบบไหน จะพรรคเดิม หรือพรรคไหน เป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาล ฝ่ายทหารก็จะยอมรับ ไม่มีการคว่ำเลือกตั้ง ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร”

“มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำ เพราะยังไงเราก็ต้องกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย” บิ๊กเจี๊ยบ ระบุ

อีกทั้งก็เป็นที่รู้กันดีว่า ประเทศไทยเราก็มีพระราชพิธีสำคัญ หลายพระราชพิธี รออยู่ในปี 2560 และปี 2561

พ.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ และ ร.อ.กิตติคุณ สุขสุทธิ
พ.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ และ ร.อ.กิตติคุณ สุขสุทธิ

พล.อ.เฉลิมชัย ในฐานะ ผบ.ทบ. ที่มาจากรบพิเศษ ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารลูกป๋า ในสายบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะเหตุที่เป็นน้องรักของ บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. ที่โตมาจากรบพิเศษ

จึงทำให้ พล.อ.เฉลิมชัย ที่มีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทบ. ยาวจนครบ 2 ปี ในปี 2561 เป็นที่จับตามอง ในฐานะผู้คุมกำลังรบ ขุมกำลังปฏิวัติ

ไม่แค่นั้น ทำให้นายทหารรอบกาย พล.อ.เฉลิมชัย ก็ถูกจับตามองไปด้วย…

หากส่องไปที่ทีมงาน บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย ที่แม้จะเป็นรบพิเศษ แต่ทว่าก็มีนายทหารหลากหลายสายมาช่วยงาน

นำโดย เสธ.ปู พ.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ แกนนำเตรียมทหาร 26 เป็นนายทหารฝ่าย เสธ. คนสำคัญ ที่ได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งด้านสายงานยุทธการของ ทบ. เลยทีเดียว

แถมมีประสบการณ์เป็นนายทหารฝ่าย เสธ. ให้ ผบ.ทบ. มาตั้งแต่ยุค บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา 2 ปี และเมื่อ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. อยู่ถึง 4 ปี เคยเป็น ผบ.ค่ายฝึกไทรโยค อีกด้วย

ที่สำคัญคือ เป็นนายทหารในสายวงศ์เทวัญ ที่โตมาจาก ร.1 รอ. แถมเป็น ร.1 พัน 4 รอ. ที่ได้ชื่อว่าเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ด้วย

และเป็นพี่น้องสุดเลิฟกับ เสธ.เก๋ พ.อ.ณัฐวุฒิภา สุวณิชยพงษ์ แกนนำ ตท.31 นายทหารฝ่าย เสธ. ลูกรักนายกฯ บิ๊กตู่ อีกด้วย

เสธ.ธร พ.อ.กำธร เกิดท่าไม้ และ พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล
เสธ.ธร พ.อ.กำธร เกิดท่าไม้ และ พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล

นอกจากนั้น ยังเสริมทีมด้วยนายทหารที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษ จบจากต่างประเทศมาช่วยงานอย่าง เสธ.ป้อ พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล แกนนำ ตท.33 ที่เพิ่งกลับจากการเป็นรองผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา

และมีเวสต์ป้อยเตอร์ อย่าง เสธ.ธร พ.อ.กำธร เกิดท่าไม้ แกนนำ ตท.31 ที่จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐอเมริกา West Point มาเสริมทีมด้วย

โดยเมื่อครั้งที่ พล.อ.เฉลิมชัย เดินทางไปเยือนกัมพูชา ซึ่งถือเป็นประเทศแรกที่ไปเยือน เมื่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ. นั้น พล.อ.เฉลิมชัย ได้พบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับ พล.ท.ฮุน มาเน็ต ลูกชาย สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย

พ.อ.กำธร ถือเป็น 1 ใน 25 นายทหารบกไทย ที่จบจากโรงเรียนเวสต์ป้อยต์ โดยรุ่นเก๋าๆ ที่เป็นที่รู้จัก เช่น พล.อ.วิจิตร สุขมาก อดีต รมว.กลาโหม บิ๊กเสือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ อดีตองคมนตรี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส.

ส่วนเวสต์ป้อยเตอร์ รุ่นใหม่ๆ เช่น พ.อ.นที วงศ์อิศเรศ ที่เป็นฝ่าย เสธ. บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่ได้ชื่อว่าเป็น ผบ.สส.อินเตอร์ฯ ที่จบจาก รร.เสธ.ลีเวนเวิร์ธ สหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกัน

พ.อ.กำธร ยังเป็นนักฟุตบอล ที่ก็มาร่วมทีมฟาดแข้งกับ พล.อ.เฉลิมชัย อยู่เนืองๆ อีกด้วย

นอกจากนั้น ยังมี ผู้พันเอิร์ธ พ.อ.อินทนนท์ รัตนกาฬ นายทหารดาวรุ่งของรบพิเศษ มาช่วยงานแบบไม่ประจำอีกด้วย ในฐานะที่เป็น ผบ.กองพันปฏิบัติการพิเศษ ที่คุม “หน่วยเฉพาะกิจ 90” (ฉก.90) เพราะทีมทหารรบพิเศษที่เป็นทีม รปภ. ให้ ผบ.ทบ. นั้น ก็มาจากกองพันจู่โจม และ ฉก.90 ที่ได้ชื่อว่าเป็น สุดยอดของทหารรบพิเศษ

พ.อ.อินทนนท์ นั้นเคยเป็นนายทหารคนสนิท ติดตาม บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีต ผบ.ทบ. และอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็น 1 ใน 25 ผบ.หน่วย ที่ผ่านการเทสต์ร่างกาย ได้ 100% ตามนโยบาย Smart Man ของ พล.อ.เฉลิมชัย

โดยมี ผู้กองปูน ร.อ.กิตติคุณ สุขสุทธิ แกนนำ ตท.47 เป็นนายทหารคนสนิท ที่ก็เป็นนายทหารคนเก่งของรบพิเศษ ที่ก็ผ่านพื้นที่การรบที่ชายแดนใต้มาแล้ว

แต่ที่สำคัญมีเพื่อนรักในสายรบพิเศษ ตท.16 มาช่วยงาน ทั้ง บิ๊กหน่อย พล.อ.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ที่ปรึกษาพิเศษ และอดีต ผบ.นสศ. ที่มาอยู่หน้าห้อง ผบ.ทบ. และ บิ๊กจุ๋ม พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ ผอ.ททบ.5 ที่เวลาไปไหนไปด้วยกัน โดยเฉพาะลงชายแดนใต้

 

“ในยุคผมนี่ ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็น รบพิเศษ วงศ์เทวัญ บูรพาพยัคฆ์ ไม่มี ทุกคนเป็นกำลังพลของกันหมด”

ที่สำคัญ ผมยึดระบบคุณธรรม ในการโยกย้าย ไม่ใช่ว่าผมจะเอาแต่ลูกน้อง เอาแต่รบพิเศษขึ้นมา ก็ไม่ได้ ผมให้อำนาจ ผบ.หน่วย และแม่ทัพ เป็นคนพิจารณาคนที่เหมาะสม ไม่มีการล้วงลูกหรือแทรกแซง ถือว่าเป็นการให้เกียรติ และเป็นระบบคุณธรรม” พล.อ.เฉลิมชัย ระบุ

เพราะวันนี้ แม้ บิ๊กเจี๊ยบ จะเป็น ผบ.ทบ. ที่มาจากหน่วยรบพิเศษ สายเบเร่ต์แดง แต่ทว่า วันนี้เขาก็เป็น ผบ.ทบ. ของกำลังพลทุกคน

อันเป็นกลยุทธ์หนึ่ง ในการหลอมละลายการแบ่งขั้วในกองทัพ

ที่นายกฯ บิ๊กตู่ เองก็ต้องการ จึงได้เลือก พล.อ.เฉลิมชัย มาเป็น ผบ.ทบ. และ บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แทนที่จะเป็นนายทหารในสายบูรพาพยัคฆ์ นั่นเอง