รายงานพิเศษ / จับจังหวะย่างก้าวของ ‘บิ๊กแดง’ รุกทางการเมืองชัดๆ เน้นๆ ทำศึกชิงคนรุ่นใหม่ ฟิสเจอร์ริสต้า ลายพราง กับแม่ทัพหญิงโซเชียล

รายงานพิเศษ

 

จับจังหวะย่างก้าวของ ‘บิ๊กแดง’

รุกทางการเมืองชัดๆ เน้นๆ

ทำศึกชิงคนรุ่นใหม่

ฟิสเจอร์ริสต้า ลายพราง

กับแม่ทัพหญิงโซเชียล

การกลับมาอีกครั้งของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. หลังจากเงียบหายมานานกว่า 2 เดือน

ด้วยการส่งสัญญาณเตือนไปยัง “ผู้ที่ไม่นึกถึงแผ่นดิน และบุญคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ไม่สมควรจะอยู่เมืองไทย”

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ พฤติกรรมและแนวคิดของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ที่ พล.อ.อภิรัชต์จับตาดูความเคลื่อนไหวมาตลอด

แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ พล.อ.อภิรัชต์ เพราะมีจุดยืนชัดเจนเช่นนี้มายาวนาน ที่จะออกมาตอกย้ำปมนี้

หลังจากที่ครั้งก่อน ได้นอนคิดร่างคำแถลง และตั้งโพเดียมแถลงอัดพวกซ้ายจัด เตือนอย่าดัดจริต คิดเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาแล้ว

แต่มาครั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์กระโจนเข้าสู่สนามรบทางการเมือง หลังจากงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ผ่านพ้นไปอย่างเรียบร้อย

และหลังจากที่ไปฝึกหลักสูตรนายทหารราชองครักษ์ (นรอ.) รุ่นที่ 1 พร้อม ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และ ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ 3 เหล่าทัพ รวม 50 นาย มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์

ที่สำคัญคือ พล.อ.อภิรัชต์เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งปลายทางและภารกิจไม่เป็นที่เปิดเผย แต่เป็นที่รู้กันภายใน

ในระหว่างนั้น พล.อ.อภิรัชต์ก็มีอุ่นเครื่องทางการเมืองด้วยการแนะนำให้ฟังเพลง “กิเลสมนุษย์” เพลงสุดเก่าของ “ธานินทร์ อินทรเทพ” เพราะกำลังเข้าสถานการณ์ที่นักการเมืองแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรี และเล่นเกมต่อรองเก้าอี้กันจนวุ่นวาย

จากที่เคยแนะนำนักการเมืองให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน มาแล้ว ในช่วงที่นักการเมืองหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการโจมตีทหาร จนเกิดปฏิกิริยาจากหลายฝ่าย หลายกลุ่ม

แล้วเมื่อการจัดโผคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัย 2 เริ่มนิ่ง และรอขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ พล.อ.อภิรัชต์ก็เลือกจังหวะก้าวเดินออกมาส่งสัญญาณ

 

ทั้งการไปปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ก็ตาม แต่ก็ทำให้กระแสข่าวลือต่างๆ ตามมามากมาย

ทั้งการหายตัวไปเงียบๆ ที่ทำให้ผู้คนถามหาว่า บิ๊กแดงไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้ไปไหน แต่ด้วยการสวมหมวกหลายใบ โดยเฉพาะ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จึงทำให้มีภารกิจพิเศษอยู่เนืองๆ

แต่การกลับมาครั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์มาพร้อมกับการทำสงครามแบบใหม่

ในเมื่อให้ความสำคัญของคนรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่จะเอนเอียงไปทางพรรคอนาคตใหม่ จึงทำให้เล็งเป้าหมายไปที่บรรดานักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) หรือนักศึกษารักษาดินแดน (ร.ด.) ที่ต้องมาฝึกกับหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ปีละกว่า 3 แสนคน

เพื่อหวังที่จะดึงเด็กๆ เหล่านี้ออกจากการเป็นสาวกของพรรคอนาคตใหม่ และหันมาเป็นแนวร่วมของฝ่ายทหาร

แม้จะรู้ดีว่า เด็กส่วนใหญ่ที่มาเรียน ร.ด. เพราะจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่มาเพราะรักทหารก็ตาม

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็ยังหวังใจว่า จะมีเด็กๆ ที่รักทหาร อยากมาเรียน ร.ด. เพื่อหวังจะเป็นทหารในอนาคต รวมทั้งการสร้างความแข็งแรง และระเบียบวินัยให้ตนเอง

ที่สำคัญคือ การให้ นศท.ทุกคน สมัครเป็น “จิตอาสาพระราชทาน 904 วปร.” เพื่อทำงานจิตอาสา งานสาธารณประโยชน์ ในการช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็นการเชื่อมโยง นศท.กับสถาบันพระมหากษัตริย์ในอีกทางหนึ่งด้วย

จนนำมาซึ่งการปรับปรุงหลักสูตรใหม่ ที่ให้บรรดา นศท.เป็นศูนย์กลาง และทำตามใจพวกเขา ด้วยการให้ไว้ผมรองทรง ทรงนักเรียนของแต่ละโรงเรียน โดยไม่ต้องตัดผมทรง “เกรียนข้างขาว” แบบทหาร เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า พวกเขาไม่ใช่ทหาร ไม่ใช่นักเรียนทหาร

 

ที่สำคัญ พล.อ.อภิรัชต์ถึงขั้นปิดห้องคุยกับตัวแทน นศท. 19 โรงเรียน นานเกือบ 2 ชั่วโมง โดยเรียกตัวเองว่า “ลุง” และเรียก นศท.ว่า “หลานๆ” เพื่อกระชับความห่างเหิน

พร้อมเปิดให้พวกเขาได้แสดงความคิดเห็น และถามได้ทุกคำถาม แม้แต่ทำไมต้องเกณฑ์ทหาร ทำไมไม่ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

รวมทั้งการขอให้ “ลุงแดง” คลายกฎที่ นศท.จะต้องขัดหัวเข็มขัดและรองเท้าให้มันวาววับ ไม่เช่นนั้นจะถูกหักคะแนนหรือทำโทษ เพราะทำให้เสียเวลาที่จะไปทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือพักผ่อน อีกทั้งชุดฝึก ร.ด. ก็เป็นแบบปล่อยชาย ไม่เห็นหัวเข็มขัดอยู่แล้ว และมีการเปลี่ยนหัวเข็มขัด ร.ด.ใหม่ อีกด้วย

เรียกได้ว่า ลุงแดงใจดี ยอมผ่อนคลาย ผ่อนผันให้น้องๆ นศท.ในหลายเรื่อง

จนทำให้เด็กๆ ไม่เกร็งและกล้าพูด รวมทั้งกล้าที่จะขอกอด และขอจับมือ พล.อ.อภิรัชต์ เมื่อเจอตัวจริง

โดย พล.อ.อภิรัชต์ตั้งใจที่จะไปพบปะพูดคุยกับน้องๆ นักเรียนทหาร ทหารใหม่ เป็นระยะๆ

พร้อมใช้โอกาสนี้ในการถามความคิดเห็นเรื่องทหาร และความรู้สึกเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ จนได้คำตอบอันเป็นที่มาของการที่ พล.อ.อภิรัชต์ให้สัมภาษณ์นั่นเอง

แม้ว่าในความเป็นจริงๆ แล้ว อาจเชื่อได้ว่า น้องๆ นศท.คงจะไม่กล้าพูดความจริงทั้งหมด เพราะมีทั้งครูฝึกและนายทหารอยู่ แม้ว่า พล.อ.อภิรัชต์จะเปิดช่องให้ครูฝึกออกไปนอกห้องก็ตาม แต่เด็กๆ ก็บอกว่าไม่เป็นไร พร้อมที่จะพูด

“เด็กสมัยนี้กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงออกมากขึ้น เด็กไม่มีจริตจะก้าน” บิ๊กแดงชมหลานๆ หลังการพูดคุย

นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า กองทัพต้องปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับเด็กๆ ยุคใหม่ ที่มีการปรับปรุงใหม่ ทั้งหลักสูตร และวิธีการเรียน การสอน การฝึก

เริ่มตั้งแต่ หลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร หลักสูตรการฝึกทหารใหม่ หลักสูตรโรงเรียนนายสิบทหารบก โรงเรียนนายร้อย จปร. ที่จะเริ่มในปีการศึกษา 2563 นี้

“กองทัพต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับยุคใหม่ ทหารเกณฑ์ยุคนี้ต้องเป็นทหารต้นแบบ เราเปิดหน่วยตั้งแต่วันแรก ให้พ่อแม่มาส่งมาดูลูกจะกินอยู่ยังไง ทหารเกณฑ์ต้องไม่ถูกทำร้าย ต้องเคารพสิทธิความเป็นมนุษย์ ทหารเกณฑ์ไม่ต้องนั่งพื้น ต้องมีเก้าอี้ให้นั่ง” บิ๊กแดงระบุ

ทั้งนี้ ก็เพื่อหวังที่จะได้ใจของพ่อแม่และครอบครัวพลทหาร เพราะหากพอใจ ประทับใจ ก็จะกลายเป็นแนวร่วมของกองทัพและรักทหาร

และต้องไม่ลืมว่า พลทหาร อายุ 21 ปี ก็ถือเป็นคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในเป้าหมายของกองทัพ ที่ปีหนึ่งๆ เกณฑ์ทหารกว่า 1 แสนคน ที่จะได้ใจครอบครัวของพลทหาร ที่ตามประสาทหารคือ คูณ 3

ทั้งนี้ การเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมานั้น พบว่า หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่ทหาร และค่ายทหาร คะแนนเสียงของพรรคอนาคตใหม่สูสีกับพรรคพลังประชารัฐ อันอาจสะท้อนว่า สั่งทหารให้เลือกใครไม่ได้ ส่วนพลทหารเป็นคนรุ่นใหม่ ก็อาจเลือกพรรคอนาคตใหม่ตามกระแสนิยม

 

นอกจากการพุ่งตรงมาที่คนรุ่นใหม่ เยาวชน ทั้งนักศึกษาวิชาทหาร พลทหาร และครอบครัวพลทหารแล้ว

กองทัพบกในยุค พล.อ.อภิรัชต์ ที่ระบุว่า โซเชียลมีอานุภาพร้ายแรงกว่าอาวุธใดๆ ที่กองทัพมี ก็จึงให้ความสำคัญกับการใช้โซเชียลสร้างภาพลักษณ์กองทัพบก และการสร้างมวลชนคนรักทหาร

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ยังรู้สึกว่า การทำสงครามโซเชียลของ ทบ.ยังไม่ประสบความสำเร็จ

จนทำให้คำว่า I.O. : Information Operations ปฏิบัติการข่าวสาร ในทางทหาร burnt ไปหมด เพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้ว บางครั้งยังถูกจับได้ว่า เป็น I.O.

และกลายเป็นคำที่ฝ่ายการเมืองนำมาใช้ในการโจมตีทหาร

“มันต้องคิดนอกกรอบบ้าง” พล.อ.อภิรัชต์ปรารภถึงทีมโซเชียล และนักรบไซเบอร์ของกองทัพ

แต่ก็เข้าใจดีว่า ทหารถูกสอน ถูกฝึกมาแบบไหน อย่างไร

แต่ก็เป็นที่สังเกตกันว่า นอกจากที่ ทบ.จะมีเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ จำนวนมาก ทั้งของ ทบ.ส่วนกลาง และของแต่ละหน่วยแล้ว

การออกมาสร้างความสั่นสะเทิอนในทางการเมืองของ พล.อ.อภิรัชต์นั้น จะมีจังหวะในการออกมา จนถูกมองว่า มีการวางแผน หรือมีสัญญาณ

รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ตามเพจของ ทบ.นั้น นอกจากจะเป็นการวางแผนของกรมยุทธการทหารบก ที่ทำงานด้าน I.O. แล้ว

ยังมีข่าวสะพัดว่า ดร.อ้อ กฤษติกา คงสมพงษ์ นายกสมาคมแม่บ้าน ทบ. ภริยาคนเก่งของ พล.อ.อภิรัชต์เองก็มีส่วนในการให้ไอเดียแก่ทีมงานส่วนตัวของ พล.อ.อภิรัชต์อีกด้วย

อีกทั้ง ดร.กฤษติกานั้นทำงานในวงการบันเทิง และด้านสื่อมาก่อนด้วย และมีความสามารถด้านภาษา และผ่านงานต่างประเทศมาเยอะ

และยังถือว่า ดร.กฤษติกา ก็เป็นคนที่ใช้โซเชียล และอยู่ในโซเชียล

จนครั้งหนึ่ง พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ผมไม่เล่นเฟซบุ๊ก ไม่เล่นโซเชียล แต่มีแอ็กเคาต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไว้เพื่อตามดูภริยาที่อยู่ในโซเชียล รวมไปถึงลูกสาว ที่ก็ใช้โซเชียลด้วย

ไม่แค่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ก็มีส่วนในการคิด วางแผน และให้ไอเดียในการปฏิบัติการข่าวสารของ ทบ.ด้วยตนเอง รวมทั้งการศึกษาจากกองทัพสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

กล่าวกันว่า บางครั้ง พล.อ.อภิรัชต์ก็เลือกภาพ เลือกคำพูดด้วยตนเอง

เพื่อสะท้อนให้ตรงกับความรู้สึกนึกคิด และมิชชั่นที่ต้องการ

ไม่แค่นั้น ฝ่ายทหารยังคงติดตาม แกะรอย ถอดบทเรียน การทำศึกโซเชียลของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีมวลชนและกองทัพโซเชียลในมือ ทั้งแบบที่จัดตั้ง และแบบที่มาด้วยความรู้สึกนึกคิด

พร้อมกับการปรับองคาพยพของทีมไซเบอร์กองทัพ ที่ไม่ใช่แค่ ทบ. แต่ทว่า จะทำงานสอดประสานกันเองทั้งหมดทุกเหล่าทัพ ที่ต่างก็มีศูนย์ไซเบอร์ และทีมนักรบไซเบอร์ของตนเอง

เพราะดูเหมือนว่า ศึกนี้เพิ่งเริ่มต้น และจะยิ่งรุนแรงในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

โลกไซเบอร์ จึงกลายเป็นสนามรบใหม่ในทางการเมือง ที่จะเข้มข้นและรุนแรงขึ้น

   โดยที่กองทัพก็ต้องพยายามหาทางมีชัยชนะให้ได้… หรืออย่างน้อยก็ไม่พ่ายแพ้