Facebook เตรียมเปิดตัวเงินดิจิตอล ทุ่มเงินพันล้านเพื่อตลาดโซเชียล/รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ

รายงานพิเศษ/ โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

Facebook เตรียมเปิดตัวเงินดิจิตอล

ทุ่มเงินพันล้านเพื่อตลาดโซเชียล

 

นับจากกระแสเงินดิจิตอล บิตคอยน์ สกุลเงินใหม่ล่าสุดมาแรงในขณะนี้กำลังเป็นที่พูดถึงในแง่มุมต่างๆ ทั้งบวกและลบ เนื่องจากนิยมแพร่หลาย เริ่มได้รับการยอมรับในประเทศต่างๆ ตามกระแสทิศทางโลกยุคดิจิตอล

สกุลเงินดิจิตอล (คริปโตเคอเรนซี่) หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเหรียญหรือคอยน์นั้น คล้ายกับเงินหรือสกุลเงินทั่วไป ที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน นำมาชำระค่าสินค้าและบริการได้ แต่มีลักษณะพิเศษบางประการ และอะไรต่อมิอะไรต่างออกไป

อย่างเช่น ไม่สามารถจับต้องได้เป็นรูปธรรม เหมือนเหรียญ ธนบัตร สกุลเงินหลักทั่วๆ ไป

ปัจจุบันมีคอยน์กว่า 1,300 สกุลเงินที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นมาบนเทคโนโลยี Blockchain (Blockchain คือระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุม ที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงินและสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ อีกในอนาคต โดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงินหรือสำนักชำระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มีตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Blockchain และทำการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้นๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทำธุรกรรมให้สำเร็จต่อไป)

Blockchain นี้เองจะเป็นตัวกลางตรวจสอบและยืนยันว่าคอยน์เหล่านี้เป็นของจริง การซื้อขายแลกเปลี่ยนคอยน์ทำได้โดยตรงไม่ต้องผ่านตัวกลางอื่น เช่น ธนาคาร หรือร้านรับแลกเปลี่ยนเงิน

รวมทั้งไม่ต้องมีหน่วยงานควบคุมดูแล หรือมีธนาคารกลางตั้งทุนสำรองเมื่อคอยน์เหล่านี้เข้าสู่ระบบการเงินแต่อย่างใด

 

สกุลเงินแรกที่ถูกคิดค้นพัฒนาและเป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “Bitcoin” ด้วยความจำกัดของจำนวน Bitcoin ต้นทุนและความยากในการขุดคอยน์ใหม่ ทำให้ Bitcoin เป็นที่ต้องการของตลาดผ่านการซื้อขาย มูลค่าของบิตคอยน์จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน 1 บิตคอยน์ มีมูลค่ากว่า 18,699 ต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดคร่าวๆ เทียบกับค่าเงินบาทไทยปัจจุบันที่ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 1 บิตคอยน์ จะมีมูลค่ากว่า 607,717 บาทเลยทีเดียว

ขณะนี้ สหรัฐ แคนาดา ญี่ปุ่น และประเทศในยุโรป เป็นต้น ยอมรับการใช้บิตคอยน์ทั่วไปแล้ว สำหรับในไทย ความนิยมเรื่อง Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นเพิ่มขึ้น

จากกระแส Bitcoin เงินดิจิตอลครั้งที่ผ่านมา มาครั้งนี้อุตสาหกรรมการเงินต้องเจอยักษ์ใหญ่แห่งวงการโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook เตรียมสร้างระบบเพย์เมนต์และสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองขึ้นมาแล้ว

ระบบเพย์เมนต์ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นโปรเจ็กต์ที่มีโค้ดเนมว่า Libra ซึ่งเป็นการพัฒนาเงินดิจิตอลบนบล็อกเชนที่ผู้ใช้ Facebook สามารถโอนเงินกับผู้ใช้งานรายอื่นๆ ได้ หรือจะใช้เงินนั้นชำระค่าสินค้าบริการต่างๆ บน Facebook

จากข่าวลืออันยาวนานเกี่ยวกับ Facebook กำลังพัฒนาสกุลเงินดิจิตอล ถึงเวลาที่ภาคธุรกิจการเงินต้องจับตาการออกสกุลเงินครั้งนี้ ที่ผ่านมา Facebook มีสัญญาณชัดเจนในการกระโดดเข้ามาเล่นในกลุ่มธุรกิจการเงิน

เริ่มจากการดึงตัว David Marcus อดีตประธานบริษัท PayPal เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Blockchain ในปี 2014 และพนักงานอีกกว่า 40 คนที่เข้ามาทำงานในแผนก Blockchain โดยเฉพาะ

จากการที่ Facebook กำลังดำเนินการทำเรื่องเงินดิจิตอลอยู่นั้น ตอนนี้อาจจะอยู่ในขั้นระหว่างการเตรียมเปิดตัวแล้ว โดยจากแหล่งข่าวของ The Information กล่าวว่าเงินดิจิตอลของ Facebook ดังกล่าวคาดว่าจะเปิดตัวออกมาในเดือนมิถุนายนนี้

โดยมีข่าวลือว่าบริษัทโซเชียลมีแผนการที่จะผลักดันอย่างหนัก เช่น อาจจะมีโบนัสให้กับร้านค้าที่ใช้งาน หรือพนักงานในโครงการอาจมีตัวเลือกในการรับค่าจ้างเป็นเงินดิจิตอลแทนได้ เป็นต้น

 

ทางด้าน Wall Street Journal รายงานว่า มีสถาบันการเงินบางแห่งร่วมลงขันเงินมาแบ๊กอัพให้กับระบบเพย์เมนต์นี้แล้ว ได้แก่ Visa, Mastercard และ First Data โดยเม็ดเงินลงทุนรวมแล้วคาดว่าจะมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จนทำให้มีการเรียกเงินสกุลดังกล่าวว่า stablecoin ขึ้นมาอีกชื่อหนึ่ง

เนื่องจากเม็ดเงินที่ใส่ลงมาเพื่อประกันมูลค่าของเงินดิจิตอลไม่ให้เกิดความผันผวนเหมือนเช่นที่ Bitcoin เคยเจอมาก่อนหน้าเป็นมูลค่าที่สูงมาก

นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า Facebook ได้มีการติดต่อไปยังแพลตฟอร์ม e-Commerce หรือเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้ช่วยรับเงินดิจิตอลนี้แล้วด้วย

นั้นก็หมายความว่า เราอาจจะรู้สึกกังวลใจต่อ Facebook ในการที่เราจะฝากเรื่องการเงินไว้ก็คงไม่แปลก ถึงแม้ว่าตัว Blockchain นั้นตามหลักการจะต้อง “ไกลจากคำว่าการรวมไว้ตรงศูนย์กลาง” เหมือนอย่างเช่นใน bitcoin ที่อาจมีมากถึง 100 โหนดในโครงข่ายการชำระเงิน แต่บริษัทอาจเลือกใช้วิธีให้บริษัทภายนอกมาช่วยรันระบบแทนก็เป็นได้

ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมใบอนุญาต (10 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อพาร์ตเนอร์) และต้องมีเงินสนับสนุนมาสำรองไว้ด้วยเพื่อให้เกิดความเสถียรภาพของเงินดิจิตอล

 

ถึงอย่างไร Facebook ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในข่าวลือดังกล่าว

แต่ถ้าโปรเจ็กต์นี้เป็นจริง และมีเงินสกุลดอลลาร์สนับสนุนอยู่เบื้องหลังนับพันล้านเหรียญ ก็อาจเป็นไปได้ที่เงินที่เร็วๆ นี้ เราจะมีเงินดิจิตอลให้ได้ใช้กันบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

โดยรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่น ผู้ใช้งานอาจได้เงินมาจากการชมโฆษณา และนำเงินนั้นไปใช้ซื้อสินค้าที่สนใจบนแพลตฟอร์ม โดยจ่ายด้วยเงินดิจิตอลที่ได้รับมา

ส่วนผู้ค้าเมื่อได้เงินดิจิตอลกลับไป ก็นำเงินไปซื้อโฆษณากับ Facebook ใหม่ วนไปเป็นวงจรเช่นนี้

ซึ่งหากทำได้ก็อาจช่วยลบคำครหาที่ว่า Facebook ทำนาบนหลังผู้ใช้งานของตัวเองได้อีกทางหนึ่ง สิ่งนี้จะเป็นระบบชำระเงิน “ไร้พรมแดน” ที่อาจช่วยลดความผันผวนให้กับบางสกุลเงินก็เป็นไปได้

ทั้งนี้ จำนวนผู้ใช้งานรายเดือน (MAU) ของ Facebook เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

และการประกาศผลประกอบการล่าสุดก็ย้ำว่าผู้ใช้ Facebook เพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี

บริการหลักของ Facebook ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันคือแพลตฟอร์มที่ชื่อ Facebook ซึ่งเป็น Social Network ที่มีผู้ใช้บริการ 2,000 ล้านบัญชี

นับว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีสมาชิกมากที่สุดในโลก ผู้ใช้งานส่วนมากอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา

ซึ่งในการใช้โซเชียลมีเดียของ Facebook เป็นช่องทางหลักในการโฆษณาค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้าทางออนไลน์ มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าปัจจุบัน ลูกค้าใหม่ และผู้คนที่สนใจธุรกิจหรือองค์กร

ให้ตรงกับความต้องการและเป้าหมายทางธุรกิจ ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างยิ่ง

 

ที่มา

https://www.engadget.com/2019/06/05/facebook-cryptocurrency-june-launch-rumor/