วงค์ ตาวัน | ก๊อดฟาเธอร์และการเมือง

วงค์ ตาวัน

ความที่ “กำนันเป๊าะ” หรือนายสมชาย คุณปลื้ม หลบหนีคดีไปยาวนาน ชื่อเสียงและบทบาทเงียบหายไปจากยุทธจักรผู้กว้างขวางนับสิบปี ครั้นต่อมาตำรวจติดตามจับกุมตัวมารับโทษตามคำพิพากษาของศาลได้ก็อยู่ในสภาพที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัย เรื่องราวของอดีตเจ้าพ่อคนดังจึงจางหายไปเรื่อยๆ

จนล่าสุดมาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัย 82 ปี จึงกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ถือเป็นการปิดตำนานของอดีตเดอะก๊อดฟาเธอร์แห่งชลบุรีอย่างแท้จริง

“ทิ้งเอาไว้เพียงเรื่องราวในอดีตอันเต็มไปด้วยเสียงปืนและชีวิตของวงการเจ้าพ่อนักเลงในภาคตะวันออก”

ถ้าหากไปค้นย้อนเรื่องราวของยุทธจักรชลบุรีและโดยรวมของภาคตะวันออก จะพบคดีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการหักโค่นกันในวงการนักเลง มือปืน และเจ้าพ่อมากมาย

นักข่าวอาชญากรรมในยุคสมัยก่อน แทบทุกคนต้องมีโอกาสได้เดินทางไปกินนอนที่เมืองชายทะเลตะวันออก เพราะมีแต่คดีเจ้าพ่อมาเฟียเข่นฆ่ากันถี่ยิบ แต่ละเหตุการณ์ก็เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่เดือดพล่านเร้าใจทั้งสิ้น

ตั้งแต่ยุทธจักรเจ้าพ่อชลบุรีสิ้น “เสี่ยจิว” ผู้ยิ่งใหญ่ ที่เชื่อว่าโดนสังหารโดยทีมมือปืนในเครื่องแบบ จากนั้นเจ้าพ่อรุ่นใหม่ๆ ก็ก้าวขึ้นมาแทนที่

จังหวะนั้นชื่อของกำนันเป๊าะก็เริ่มมากบารมีขึ้นเรื่อยๆ

“เหตุการณ์หักโค่นกันในหมู่เจ้าพ่อผู้กว้างขวางมีหลายคดีที่โด่งดังมากๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์สังหาร “เสี่ยฮวด บ้านบึง” ในวันเช็งเม้งเมื่อปี 2532 ถือเป็นข่าวอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่มหาประลัย!”

เพราะคนร้ายรุมยิงเหยื่อในขบวนรถกลางถนนอย่างดุเดือดเลือดพล่าน มีการพบปลอกกระสุนตกเกลื่อนที่เกิดเหตุกว่าร้อยนัด

ต่อมาตำรวจส่วนกลางนำทีมโดยมือปราบคนดังยุคนั้น “ชลอ เกิดเทศ” ลงไปคลี่คลายคดีเอง และสามารถจับกุมทีมสังหารได้เป็นโขยง

มีทั้งตำรวจยศ ร.ต.อ. 2 ราย มีทหารยศสิบโทที่รู้กันดีว่าเป็นมือปืนฉกาจฉกรรจ์ และมือปืนรับจ้างซุ้มสิงห์ป่าซุงอีกเป็นคณะ รวมเป็นทีมฆ่ามีทั้งคนมีสีและพลเรือนเป็นคณะใหญ่

“หลังจากตำรวจจับทีมฆ่าได้ แม้จะไม่สามารถสาวไปถึงผู้บงการตัวจริง แต่แค่เห็นหน้าคนร้ายก็อธิบายได้หมดว่าเป็นคนสนิทของเจ้าพ่อรายไหน และชัดเจนว่าชนวนเหตุมาจากความขัดแย้งในการประมูลโครงการศรีราชาคอมเพล็กซ์มูลค่านับพันล้าน”

ต่อมามีคดีใหญ่อีกราย เป็นการฆ่ากันไปฆ่ากันมาหลายหน เชื่อมโยงถึงความขัดแย้งในองค์กรลักลอบค้าเหล้าและบุหรี่เถื่อนที่มีผลประโยชน์มหาศาล

“เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ติดตามข่าวสารทั่วสังคมไทยได้รู้จักกับองค์กรสินค้าเถื่อนแห่งภาคตะวันออกเรียกกันว่า “กงสีใหญ่””

กลายเป็นชนวนความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างซุ้มอ่างศิลากับซุ้มบ้านใหญ่

เริ่มจากฝ่ายหนึ่งไปโดนอุ้มจากอาบอบนวดดังกลางเมืองชลบุรีเอาไปฆ่าทิ้ง ต่อมาหลานคนตายไปยิงนายตำรวจระดับ พ.ต.ท. กลางบางแสน เพราะรู้ดีว่าเกี่ยวพันกับการอุ้ม

“ลามไปถึงเจ้าพ่อของอ่างศิลา “กำนันยูร สิทธิโชติ” เริ่มถูกคำสั่งจากอีกซุ้มให้ตามล่าชีวิต ทำให้ต้องเริ่มเก็บตัว ไม่ออกจากถ้ำไปไหนมาไหนตามปกติ”

ข่าวว่าฝ่ายที่ตามฆ่า เคยไปจ้างนักฆ่ามีสีมาซุ่มยิงระยะไกลด้วย แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะกำนันยูรไม่เผยตัวให้เป็นเป้า แต่สุดท้ายก็พลาดจนได้เมื่อกำนันยูรไปร่วมงานแต่งงานของญาติคนสนิท เลยโดนมือปืนเข้ามาจ่อยิงตายกลางวงโต๊ะจีน เป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2546

คดีนี้แหละที่ทำให้กำนันเป๊าะตกเป็นผู้ต้องหาฐานเป็นผู้จ้างวานฆ่า ทำให้ชีวิตต้องเริ่มพลิกผันตั้งแต่นั้น!?!

ดดียิงกำนันยูร คนดังอ่างศิลา มีตำรวจจากสอบสวนกลางมาทำคดี นำโดย พล.ต.ต.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ต่อมาเกษียณที่ พล.ต.อ. เป็นรอง ผบ.ตร. มือปราบชื่อดัง โดยสืบสาวพยานหลักฐาน นำไปสู่การจับกุมผู้เกี่ยวข้องและโยงถึงกำนันเป๊าะในที่สุด

ในปี 2547 ศาลพิพากษาจำคุกกำนันเป๊าะ 25 ปี โดยเชื่อว่าเป็นคนสั่งการเก็บกำนันยูร

ต่อมาในปี 2548 ยังโดนซ้ำอีกในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินสาธารณะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี ศาลตัดสินจำคุก 5 ปี 4 เดือน

“ช่วงที่ยื่นอุทธรณ์และฎีกาทั้งสองคดี ในราวปี 2549 กำนันเป๊าะก็หายตัวไป ไม่ไปฟังคำตัดสินที่ศาล!”

หลบหนีอยู่นาน เรื่องราวของกำนันคนดังจึงเงียบหายไปนับแต่นั้น

จนกระทั่งต้นปี 2556 ด้วยการติดตามสะกดรอยของตำรวจกองปราบฯ ที่ได้ร่องรอยจากงานฉลองวันเกิด จากนั้นก็สังเกตและติดตามรถที่แล่นออกจากบ้าน แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน กทม. จึงเข้าชาร์จจับจนพบว่ากำนันเป๊าะอยู่ในรถจริงๆ

แต่ขณะนั้นสภาพของกำนันเป๊าะก็ป่วยหนักหลายโรค เป็นอดีตเจ้าพ่อที่หมดเขี้ยวเล็บแล้ว หลังจากจำคุกอยู่ 4 ปี ได้รับการพักโทษเมื่อเดือนธันวาคม 2560 เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็ง จนสุดท้ายก็จากไปอย่างสงบ

“กระนั้นก็ตาม ชีวิตย่อมมี 2 ด้าน”

อีกด้านของกำนันเป๊าะในฐานะอดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี ก็มีมุมที่ลูกหลานคนรักใคร่สามารถเอามาพูดได้ว่า เป็นนักพัฒนาทำให้เมืองท่องเที่ยวแห่งนี มีความสมบูรณ์พร้อม ไฟฟ้าสว่าง ถนนหนทางดีเยี่ยม

รวมไปถึงการเลี้ยงดูลูกหลาน ก็จะเน้นการส่งไปเล่าเรียนดีๆ ในต่างประเทศ จบออกมาเป็นคนรุ่นใหม่ทันสมัยเป็นนักธุรกิจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเส้นทางในอดีตของกำนันเป๊าะแม้แต่น้อย

“ขณะเดียวกันด้วยบารมีอันกว้างขวางของกำนันเป๊าะ ทำให้มีส่วนเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มอำนาจทางการเมืองหลายยุค”

รวมทั้งยุคล่าสุดนี้ด้วยเช่นกัน

ส่งผลให้ทีม ส.ส.ในชลบุรีได้เข้าไปมีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาลชุดที่กำลังจะคลอดนี้ด้วย!

รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่กำลังจะเห็นหน้าตาอย่างเป็นทางการในปลายเดือนมิถุนายนนี้ คงมีหลายแง่มุมให้พูดถึง แต่ส่วนหนึ่งที่โดนวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยก็คือ การที่มีนักการเมืองหลายรายที่เข้ามาร่วม มีประวัติความเป็นมาบู๊ดุเดือด โชกโชนในแวดวงนักเลงมาเฟีย ทั้งจากภาคเหนือ ภาคกลาง และในเมืองหลวง

แน่นอนว่า ภาวะที่ผลการเลือกตั้ง ทำให้ขั้วการเมือง 2 ฝ่ายก้ำกึ่งกันมาก การช่วงชิงรวมพรรคเพื่อตั้งรัฐบาล ทำให้ไม่สามารถเลือกเฟ้นอะไรได้มากนัก

“ทำให้มีผู้ที่มีประวัติลือลั่นหลายรายได้เข้าเป็นนักการเมืองซีกรัฐบาล บางรายถึงชั้นมีเก้าอี้ แต่สุดท้ายก็จำต้องเปลี่ยนตัวให้เครือญาติคนใกล้ชิดนั่งแทน”

ไม่เช่นนั้นคงได้โดนฝ่ายค้านไปชำแหละในสภาได้

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นั่งเป็นตัวจักรสำคัญของทีมงานฝ่ายค้าน ในฐานะอดีตสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 กองปราบฯ และอดีตผู้กำกับการ 2 กองปราบฯ ที่กุมคดีสำคัญทั่วราชอาณาจักร รวมทั้งในฐานะอดีตอธิบดีดีเอสไอ”

“รู้ทันกันดีแน่ๆ”

อีกทั้งประเด็นนี้ก็คงเป็นจุดอ่อนสำคัญอีกจุดของรัฐบาลนี้ เพราะจะต้องมีเรื่องราวที่กระทบกระทั่งตามมาได้เรื่อยๆ

ที่สำคัญ ย้อนไปยุคม็อบนกหวีดล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แล้วใช้ข้ออ้างปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง วาดภาพปฏิรูปการเมืองไทยอย่างสวยหรู ทำให้ได้รัฐบาล คสช.ปกครองแบบไม่มีประชาธิปไตยมา 5 ปี ตอนนี้นายกฯ จากรัฐบาลนั้นกำลังจะมาเป็นนายกฯอีกในรัฐบาลใหม่

“แล้วจะอธิบายเรื่องปฏิรูปการเมืองให้ดีงามก้าวหน้ากันอย่างไร!?”

รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ เต็มไปด้วยความยากลำบาก ยังต้องมีปัญหาอะไรต่อมิอะไรให้ต้องปกป้องแก้ภาพกันอีกมากมาย!