รายงานพิเศษ / 3 ป.ไม่ปล่อยกลาโหม ยึดบ้านนรสิงห์-ก.ปืนใหญ่ จับตากองทัพ-กอ.รมน. อาวุธลับ ‘บิ๊กตู่’ ฟ้าลิขิตชีวิต ‘บิ๊กป้อม’ และมิชชั่น ว.5 ‘บิ๊กแดง’

รายงานพิเศษ

 

3 ป.ไม่ปล่อยกลาโหม

ยึดบ้านนรสิงห์-ก.ปืนใหญ่

จับตากองทัพ-กอ.รมน. อาวุธลับ ‘บิ๊กตู่’

ฟ้าลิขิตชีวิต ‘บิ๊กป้อม’

และมิชชั่น ว.5 ‘บิ๊กแดง’

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม หากบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ จำเป็นต้องลุก

ด้วยเพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอดีต ผบ.ทบ. และกำลังจะเป็นอดีตหัวหน้า คสช. หัวหน้าปฏิวัติ ที่ควบนายกรัฐมนตรีเองมาถึง 5 ปี

พล.อ.ประยุทธ์เคยกล่าวว่า ตนเองเป็นหัวหน้า คสช. ที่มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาควบหัวหน้า คสช. เพราะหัวหน้า คสช. ใหญ่กว่านายกฯ

ทว่า ที่ผ่านมา หัวหน้า คสช.จะทำหน้าที่กองหนุน ที่คอยเสริมช่วยงานนายกฯ และรัฐบาล ว่า จะใช้อำนาจหัวหน้า คสช. และมาตรา 44 ในการปลดล็อกแก้ปัญหาอะไรบ้าง

ด้วยเพราะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีเป็นคนคนเดียวกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายกฯ กับหัวหน้า คสช. อีกทั้ง คสช.ก็มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล ก็จึงไม่ได้เกิดความขัดแย้งระหว่าง คสช.กับรัฐบาลเช่นกัน

พล.อ.ประยุทธ์ได้นำเอาการรัฐประหารทั้ง 23 กุมภาพันธ์ 2534 และ 19 กันยายน 2549 มาเป็นบทเรียน โดยการทำให้รัฐบาลกับคณะปฏิวัติเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน

แต่เมื่อใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นำ ครม.เข้าถวายสัตย์ เมื่อนั้น หัวหน้า คสช.และมาตรา 44 พร้อม คสช. ก็จะสิ้นสลายไปโดยอัตโนมัติ

 

“มีคนวิจารณ์ว่า ผมจะอยู่ได้ไหม ถ้าไม่มีมาตรา 44 ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ถ้าอยู่ด้วยความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เคารพกฎหมาย ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

การที่ตำแหน่งหัวหน้า คสช. และ ม.44 สูญสลายไป ย่อมส่งผลกระทบต่ออำนาจในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ในรัฐบาลใหม่ ที่ไม่ใช่รัฐบาลทหาร แต่เป็นรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรค ที่ล้วนเป็นนักการเมือง แถมยังมีฝ่ายค้านด้วย

การที่ พล.อ.ประยุทธ์จะควบเก้าอี้ รมว.กลาโหมด้วยตนเอง ก็กำลังถูกจับตามองว่า เพื่อเป็นการเสริมความแกร่งให้เก้าอี้นายกฯ ด้วยหรือไม่

แม้ที่ผ่านมา 5 ปีในรัฐบาล คสช. จะมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ นั่งรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ดูแลกองทัพให้ก็ตาม แต่ก็ไม่เหมือนกับการควบ รมว.กลาโหมด้วยตนเอง

ถึงแม้ว่ากองทัพทั้งกองทัพจะเทียบเท่าการมีมาตรา 44 ในมือเช่นที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม แต่กองทัพก็ถูกมองว่า จะเป็นฐานค้ำเก้าอี้นายกฯ และรัฐบาลประยุทธ์ให้แข็งแกร่งขึ้น

“ผมกำลังตัดสินใจอยู่ ถ้าควบแล้วมันเสียหายตรงไหน หรือควบแล้วผมจะได้อะไรขึ้นมา ผมไม่ได้มีความอยากที่จะควบ” พล.อ.ประยุทธ์ออกตัว ถึงการควบ รมว.กลาโหม ในกรณีที่ พล.อ.ประวิตรต้องทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงตำแหน่งเดียว

หรือแม้แต่หาก พล.อ.ประวิตรจะได้พักผ่อน ไม่รับตำแหน่ง แล้วไปช่วยงานอยู่เบื้องหลัง หลังออกตัวเรื่องสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงมาอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งปล่อยให้อนาคตของตนเองเป็นไปตาม “โชคชะตาฟ้าลิขิต” ด้วยการระบุว่า ถ้าคำสั่งโปรดเกล้าฯ ออกมามีชื่อผม ผมก็ทำต่อ แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่ได้ทำ”

ที่ถูกจับตามองว่าเป็นการออกตัวไว้ก่อน หากในที่สุดแล้ว ชื่อ พล.อ.ประวิตรหลุดโผไปเลย เพราะด้วยอายุและสุขภาพ ที่ควรจะถึงเวลาพักผ่อน

มีแผนสำรองว่า หากในท้ายที่สุด พล.อ.ประวิตรจำต้องไปพักผ่อน ไปช่วยอยู่เบื้องหลังแล้วนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะควบ รมว.กลาโหมแทนเอง และให้ พล.อ.อนุพงษ์เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ควบ รมว.มหาดไทย

“ไม่จำเป็นต้องไปคุมกองทัพเขาหรอก เขามีระเบียบวินัย มีระบบ เขาคุมกันเองได้” พล.อ.ประยุทธ์ย้ำ

อีกทั้งมีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็นกำลังหลักใน ผบ.เหล่าทัพ และมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ น้องรักของ พล.อ.ประวิตร เป็นปลัดกลาโหม ที่จะช่วยดูแลงานในกระทรวงกลาโหมให้ด้วย

ไม่แค่นั้น กองทัพก็ไม่ได้มีปัญหาความแตกแยก แย่งชิงอำนาจใดๆ เพราะตลอดเวลากว่า 10 ปีที่พี่น้อง 3 ป.คุมอำนาจในกองทัพผลัดมือกันมาอย่างต่อเนื่องนั้น ได้วางทายาทอำนาจไว้หมดแล้ว

หากแต่ในยุคนี้ กองทัพมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง สายการบังคับบัญชา ระเบียบวินัยต่างๆ ที่ทำให้คนที่จะเป็น รมว.กลาโหม จะมีภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น และเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะการปรับกองทัพให้เป็นทหารรักษาพระองค์ มีหลักปฏิบัติ ระเบียบวินัย แบบทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เพื่อความสง่างาม และเป็นรูปแบบเดียวกันทุกเหล่าทัพ

ดังนั้น เหตุผลสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องควบ รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประวิตร นั้นมีหลายเรื่อง แต่ที่สำคัญคือ ไม่สามารถปล่อยมือให้คนอื่นมาเป็น รมว.กลาโหมแทนได้

แม้แต่บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล สายตรงบิ๊กป้อมก็ตาม ที่น่าจะได้เป็นแค่ รมช.กลาโหม หรือ ผช.รมว.กลาโหม เพราะจะให้มั่นใจเท่าในพี่น้อง 3 ป.คุมกันเอง

แม้จะมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ก็พยายามมองหาบิ๊กทหารคนอื่นๆ มาเป็น รมว.กลาโหม แต่ก็ไม่อาจไว้วางใจที่จะยกกองทัพให้ดูแล

ดังนั้น หาก พล.อ.ประวิตรต้องเหลือตำแหน่งเดียว พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องควบ รมว.กลาโหม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่สำคัญ เพราะกองทัพมีทั้งกำลังพล เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งมีพลังอำนาจที่จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้

 

ย้อนกลับไปยุคที่ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นนายกรัฐมนตรีกว่า 8 ปี ก็มีบรรดานายทหารลูกป๋าและกองทัพคอยช่วยในทุกๆ เรื่อง

กองทัพถูกมองมาตลอดทุกยุคสมัย ว่า จะเป็นกองหนุนของรัฐบาล ถ้านายกฯ และรัฐบาลใดมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทหาร ก็จะปิดประตูเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารไปได้

ยิ่งในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยแล้ว กองทัพก็เพิ่งเป็น คสช. ผบ.เหล่าทัพก็เป็น คสช. ก่อนที่จะกลับมาสู่สภาวะปกติ ความเป็นหนึ่งเดียวของ พล.อ.ประยุทธ์กับกองทัพ และ ผบ.เหล่าทัพมีสูง ด้วยเพราะเป็นนายทหารที่ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้งมาทั้งสิ้น

โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ. ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะ ผบ.ทบ.ที่คุมกำลังรบที่ใหญ่ที่สุด และมีสถานะพิเศษในการเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ด้วย ที่มักจะมี “ปฏิบัติการ ว.5” ให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่เนืองๆ

รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาล การเลือก รมต.ในครั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ก็มีส่วนช่วยไม่น้อย และได้รับรู้รับทราบปัญหาต่างๆ จนทำให้ต้องนึกถึงเพลง “กิเลสมนุษย์” เลยทีเดียว

จนคาดการณ์กันว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ควบ รมว.กลาโหมแล้ว พล.อ.อภิรัชต์จะยิ่งมีบทบาทมากขึ้น ในฐานะสายตรงนายกฯ และการทำงานที่คล่องตัว แว้บไปที่นั่นที่นี่ และมากคอนเน็กชั่น

แม้สำหรับประเทศไทย จะไม่มีใครรับประกันได้ว่า จะไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นอีกก็ตาม แต่การรัฐประหารในยุคปัจจุบันนี้เกิดขึ้นได้ยากขึ้น เพราะโครงสร้างหน่วยกำลังใน ทบ.เปลี่ยนไป หน่วยกำลังที่เคยเป็นกำลังหลักในการรัฐประหารในอดีต ถูกโอนย้ายไปเป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ทั้งหมด

อีกทั้งโดยความสัมพันธ์ของ ผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ จึงทำให้การรัฐประหารจึงยากที่จะเกิดขึ้นอีก หากเป็นรัฐประหารเพื่อล้มอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์

ยกเว้นแต่หากจะมีรัฐประหารได้ ก็เพื่อดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย เพราะเกิดการจลาจลครั้งใหญ่อีกเท่านั้น

หลัง คสช.สิ้นสลาย แม้จะไม่มีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) แบบในยุค คสช.แล้ว แต่ยังมี กอ.รมน. ที่มีทั้งกำลังพล และกฎหมายความมั่นคง พ.ร.บ.ความมั่นคง ปี 2551 และโครงสร้างหน่วยของ กอ.รมน. ที่จะทำหน้าที่แทน กกล.รส. ที่ยุบไปพร้อม คสช.

กองทัพ ทั้งในเชิงของโครงสร้าง หน้าที่ กลไก ก็จะยังเป็นฐานค้ำรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป

ส่วนในเชิงบุคคล และสายสัมพันธ์ ผบ.เหล่าทัพก็ล้วนเป็นคนของ 3 ป.อยู่แล้ว โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ ก็ได้แสดงออกถึงจุดยืนในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด

จนจับตามองกันต่อไปว่า ในยามที่ พล.อ.ประยุทธ์ในรัฐบาลผสม และมีพรรคฝ่ายค้านเช่นนี้ กองทัพจะทำหน้าที่ดูแลปกป้อง ช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์อย่างไร

ถึงแม้ คสช.จะไม่อยู่แล้ว หลัง ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ฯ แต่ต้องยอมรับว่า บรรยากาศ ตัวบุคคล และองคาพยพของ คสช. ยังคงอยู่

พล.อ.ประยุทธ์คือสัญลักษณ์ของ คสช.คนหนึ่ง แม้จะเปลี่ยนสถานะมาเป็นนักการเมืองแล้วก็ตาม

แถมยังมี พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ ที่จะทำหน้าที่รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงต่อ โดยมีบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา นั่งเป็น รมว.มหาดไทยต่อ

ที่ถือว่า 3 พี่น้อง “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ก็คือแผงอำนาจเดิมในยุค คสช. เป็นคีย์แมนหลักที่ยังคงคุมกลไกต่างๆ และเรียกได้ว่า เป็นแผงอำนาจที่ทรงพลังที่ต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 จนรัฐประหาร 2557 จนปัจจุบัน

ต่อให้ท้ายที่สุด ถ้ามี “ใบสั่งพิเศษ” ให้ พล.อ.ประวิตรวัย 73 ปีไปพักผ่อน เพราะปัญหาสุขภาพ แต่ พล.อ.ประวิตรก็จะยังคงเป็นที่ปรึกษานายกฯ และช่วยงานอยู่เบื้องหลังเช่นเดิม

“ถ้าโปรดเกล้าฯ ออกมามีชื่อผม ผมก็จะทำงานต่อ แต่ถ้าไม่มีชื่อผม ผมก็ไม่ทำ ก็กลับบ้าน” พล.อ.ประวิตรออกตัว

 

แม้ไม่มีมาตรา 44 ในมือ แต่ พล.อ.ประยุทธ์จะควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม คุมกองทัพด้วยตนเอง แม้จะเชื่อกันว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นเสมือน “รมว.กลาโหมเงา” อยู่เบื้องหลัง ที่ช่วยดูแลกองทัพ และการจัดโผโยกย้ายทหารต่อก็ตาม

แต่การเป็น รมว.กลาโหม ทำให้ภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ดูแกร่งขึ้นมาไม่น้อย ด้วยเป็นที่รู้กันดีว่า กองทัพในยุคนี้ก็ยังคงต้องเป็น “กองหนุน” เป็นฐานค้ำเก้าอี้นายกฯ และรัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ

เพราะ ผบ.เหล่าทัพในชุดนี้ก็เป็นสมาชิก คสช.เดิมทั้งสิ้น เพียงแต่สถานภาพของการเป็น คสช.สิ้นสลายไปพร้อม คสช.

แต่ทุกคนก็ล้วนเป็นคนที่รัฐบาล คสช.ภายใต้แผงอำนาจ 3 ป.แต่งตั้งไว้ทั้งสิ้น

พล.อ.ประวิตรยังคงเป็นพี่ใหญ่ที่มีสายสัมพันธ์กับหลายกลุ่ม และมีบารมี ก็จะยังช่วยในการเจรจาแก้ปัญหาต่างๆ ในหมู่นักการเมือง พรรคพลังประชารัฐเอง และพรรคร่วมรัฐบาลได้ เพราะ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้มีบทบาทสำคัญทั้งในการตั้งพรรคพลังประชารัฐ และการดึงอดีต ส.ส.จากพรรคอื่นมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ และการเลือกตั้ง จนมาถึงการจัดตั้งรัฐบาล

และมีนายทหารอีกหลายคนที่ทำหน้าที่เป็นมือประสานกับทางการเมือง ที่เป็นนายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ หรือแม้แต่ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเครื่องมือสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ในอนาคต ในฐานะที่เป็นนายทหารผู้กว้างขวาง และมีฐานะมั่นคง ทั้งเพื่อสกัดกั้นระบอบทักษิณ พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่

ทั้งยังเพื่อเป้าหมายในการพัฒนาประเทศให้เป็นไปอย่างที่ พล.อ.ประวิตรวาดฝันไว้ด้วย ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และทำงานให้ประชาชน เพื่อรักษาระดับคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

  โดยที่กองทัพจะเป็นอาวุธลับสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ในที่สุด