ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต/เบนซ์ ‘C 300 e’ – ‘E 220 d’ เครื่อง ‘ไฮบริด’ ปะทะ ‘ดีเซล’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

เบนซ์ ‘C 300 e’ – ‘E 220 d’

เครื่อง ‘ไฮบริด’ ปะทะ ‘ดีเซล’

 

ในช่วง 1 เดือนเศษๆ ที่ผ่านมา “ยานยนต์สุดสัปดาห์” ให้พื้นที่กับค่าย “ดาวสามแฉก” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ค่อนข้างเยอะ

เรื่องของเรื่องเพราะค่ายนี้เล่นเปิดตัวรถใหม่กันแบบยิงสลุต

ทั้งรุ่นนำเข้า รุ่นประกอบในประเทศ หรือรุ่นตัวแรงในตระกูล “เอเอ็มจี”

ล่าสุดห่างกันแค่สัปดาห์เดียว ส่งรถใหม่เข้ามาถึง 2 ตระกูล 5 รุ่นย่อย

ฉบับนี้จึงต้องให้พื้นที่อีกคำรบ เพราะเห็นรูปร่างหน้าตาและราคาที่ตั้งมาแล้ว มองเมินไม่ได้จริงๆ

โดยนำมาเสนอเพียง 3 รุ่นย่อยคือ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ “C 300 e” ปลั๊กอินไฮบริด แบบ “AMG Dynamic” และ “C 300 e Avantgarde”

ส่วนอีกรุ่นใหญ่ขึ้นมาหน่อย เมอร์เซเดส-เบนซ์ “E 220 d Sport” เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งในตระกูลอี-คลาส มีรุ่นไฮบริดมาด้วย คือ “E 350 e” แต่ขอไม่เอ่ยถึงในฐานที่เข้าใจ เพราะรูปทรงต่างๆ ใกล้เคียงกับ “E 220 d Sport”

ทั้งหมดเป็นรุ่นประกอบในประเทศ สามารถตั้งราคามายั่วน้ำลายเหลือเกิน

 

ขอเริ่มที่ “E 220 d Sport” ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity สง่างามด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ LED High Performance ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED fibre-optic

ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว สี tremolite grey

ห้องโดยสารเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO เบาะคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนัง nappa ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า และปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ

ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส (Touch Control button) แผงหน้าปัดแบบ Analogue ระบบ Audio 20 GPS พร้อมจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

เครื่องยนต์ทรงพลังดีเซลแถวเรียง 4 สูบ พร้อมเทอร์โบ และอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 1,950 ซีซี กำลังสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที

 

ระบบความปลอดภัยป้องกันก่อนเกิดเหตุ เช่น โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP (Electronic Stability Program) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist ระบบรักษาความเร็ว ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)

เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist)

กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ รวมถึงระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT

ยังมาพร้อมกับบริการ “Mercedes me connect” ฟีเจอร์ใหม่อันโดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริการช่วยเหลือคุณจากสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือในขณะที่คุณได้รับอุบัติเหตุ รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์จะทำการติดต่อไปยัง Emergency Customer Contact Center ศูนย์บริการฉุกเฉิน ที่จะช่วยประสานงานด้านความปลอดภัย

ระบบวิเคราะห์สภาพรถยนต์ Telediagnostics ด้วยบริการ Remote Retrieval of Vehicle Status ที่จะคอยรายงานสถานะของรถยนต์ไปยัง Mercedes me และด้วยบริการ Telediagnostics ที่จะคอยส่งข้อมูลและสถานะของรถยนต์ไปยังศูนย์บริการที่คุณเลือกเมื่อตรวจพบความเสียหายเพื่อให้คุณได้รับการซ่อมบำรุงที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุด

ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ

Remote Door Lock/Unlock ที่ช่วยให้คุณสามารถล็อกรถได้จากทุกที่ทั่วโลก ฯลฯ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ E 220 d Sport รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 3,330,000 บาท

 

ต่อด้วย “C 300 e” รถในกลุ่ม “EQ Power” ปลั๊กอินไฮบริด

“C 300 e AMG Dynamic” และ “C 300 e Avantgarde” แตกต่างกันที่อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก-ภายใน “C 300 e AMG Dynamic” ให้มาครบเครื่องและดูสปอร์ตมากกว่า

C 300 e AMG Dynamic กระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงินพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม

ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว โดยมีกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling

มีหลังคาพาโนรามิกซันรูฟที่เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

ภายในออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต และมีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว พวงมาลัยพร้อมกับระบบมัลติฟังก์ชั่น ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะหุ้มหนังแบบสปอร์ต และมาพร้อมกับ Memory Seat Package

นำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจากรถยนต์ The S-Class โดยมีระบบ All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic Sporty และ Progressive

ส่วน C 300 e Avantgarde ใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว

มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control เบาะหุ้มด้วยหนัง ARTICO

 

ทั้ง 2 รุ่น มีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-START ในขณะที่รุ่น C 300 e AMG Dynamic จะมีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย

ความบันเทิงแบบเดียวกัน หน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยระบบ Touch pad ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี

C 300 e AMG Dynamic พิเศษขึ้นมาอีกหน่อยด้วยระบบแผนที่นำทางที่ติดตั้งเฉพาะ

ขุมพลังแบบเดียวกัน เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 1,991 ซีซี พละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร ที่ 1,200-1,400 รอบต่อนาที

มอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า ทำให้ได้กำลังสูงสุด 320 แรงม้าที่ 4,500-5,500 รอบต่อนาที แรงบิดถึง 700 นิวตัน-เมตร

แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 111% สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็ม 100% ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาที หากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด

ส่งพลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC)

เทคโนโลยีความปลอดภัย คล้ายคลึงกับระบบที่ใช้ในรถยนต์ “The S-Class” อาทิ โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist

ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) ระบบเตือนแรงดันลมยาง เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ

C 300 e Avantgarde ราคา 2,699,000 บาท

และ C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท