นพมาส แววหงส์ : COLLATERAL BEAUTY “ความรัก กาลเวลา และความตาย”

นพมาส แววหงส์

ฉากเปิดเรื่อง เฮาเวิร์ด (วิลล์ สมิธ) ได้รับเชิญให้กล่าวคำปราศรัยให้กำลังใจแก่พนักงานในบริษัทโฆษณาที่ประสบความสำเร็จของเขา

เขาบอกว่า คนเราต้องถามตัวเองว่า อะไรเป็นแรงผลักดันเราให้ทำอะไรๆ อะไรคือตัวการเบื้องหลังคำว่า “ทำไม” ของเรา

มีนามธรรมสามอย่างที่เป็นตัว “ทำไม” ของเรา

นั่นคือ ความรัก กาลเวลา และความตาย

เราต้องการความรัก…เราไม่มีเวลาเพียงพอ…เรากลัวความตาย

สุนทรพจน์ที่เฮาเวิร์ดกล่าวนี้สวยงามและชนะใจคนฟัง

และแล้ว กาลเวลาก็ผันผ่าน ตัวหนังสือขึ้นจอว่า “สองปีต่อมา”

เราพบเฮาเวิร์ดที่โดนกระหน่ำย่อยยับตั้งตัวไม่ติดด้วยนามธรรมทั้งสามข้างต้น

เขาสูญเสียลูกสาววัยหกขวบให้แก่มะเร็งในรูปแบบที่หายาก แยกทางจากภรรยาที่รัก และมีชีวิตอยู่ในความมืดมน โกรธแค้นตั้งคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ต่อ “ความรัก กาลเวลาและความตาย” จนหมดกะจิตกะใจจะมีชีวิตที่ยังมีลมหายใจ ถอนตัวจากโลกรอบด้าน ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ทำอะไรอื่นนอกจากถีบจักรยานไปนั่งแช่ดูสุนัขวิ่งเล่นอยู่ในสวนสาธารณะและไปด้อมๆ อยู่กับกลุ่มบำบัดทางจิตสำหรับความทุกข์ของคนที่เสียลูกไป แต่ไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มจริงๆ จังๆ

เมื่อเขาเข้าที่ทำงาน ก็ไม่ทำอะไรนอกจากใช้เวลาหลายวันต่อโดมิโนขนาดใหญ่และสลับซับซ้อน เพียงเพื่อจะสะกิดล้มเพียงตัวเดียว โดยส่งผลกระทบต่อๆ ไปให้ผลงานสวยงามมหึมาล่มสลายลงในชั่วไม่กี่อึดใจ

ผลกระทบต่อเนื่องของโดมิโนนี้เป็นการสื่อสารด้วยสัญลักษณ์สำคัญในหนัง

t-collateral-beauty

ปัญหาของเพื่อนร่วมงานและบริษัทที่ต้องเผชิญอยู่คือการตัดสินใจทางการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งบริษัททำอะไรไม่ได้โดยปราศจากลายเซ็นของเฮาเวิร์ดผู้ถือหุ้นมากที่สุดในบริษัท และเฮาเวิร์ดไม่ยอมรับรู้และทำอะไรกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว

เพื่อนร่วมงานสามคน คือ วิต (เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน) แคลร์ (เคต วินสเล็ต) และไซมอน (ไมเคิล พีญญา)–ซึ่งต่างมีปัญหาในชีวิตส่วนตัวไปคนละอย่างสองอย่าง ต่างกรรมต่างวาระแล้วแต่กรณีของแต่ละบุคคล–จึงต้องลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อความอยู่รอดของบริษัท พนักงานและตนเอง

นั่นคือพยายามทำให้เฮาเวิร์ดกลับมาดำเนินชีวิตตามปรกติต่อไป หรือไม่ก็ทำให้ศาลสั่งว่าไร้สมรรถภาพทางจิต กิจการของบริษัทจะได้เดินหน้าต่อไปได้

ในการนี้ ต้องมีการว่าจ้างนักสืบติดตามดูพฤติกรรมของเฮาเวิร์ด และว่าจ้างนักแสดงเล่นบทบาทตามที่กำหนด

นักสืบตามสังเกตพฤติกรรมของเฮาเวิร์ดจนค้นพบว่าเฮาเวิร์ดเขียนจดหมายสามฉบับไปหยอดตู้ไปรษณีย์ แต่เมื่อเอาจดหมายขึ้นมาดู ก็เห็นว่าจดหมายจ่าหน้าซองถึง “ความรัก” “กาลเวลา” และ “ความตาย”

แบบที่เด็กฝรั่งเขียนจดหมายถึงซานตาคลอสในช่วงคริสต์มาสนั่นแหละ เพียงแต่นี่เป็นเด็กโค่งที่ยังคิดอะไรเพ้อเจ้อไม่มีสติ

นั่นคือเมื่อนักแสดงว่างงานสามคนก้าวเข้ามาในชีวิตของเฮาเวิร์ด โดยการว่าจ้างของเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้วิกฤตการณ์ทางการเงินของบริษัท และอาจจะเพื่อช่วยบำบัดจิตให้เพื่อนรักก็ได้กระมัง

คำตอบต่อจดหมายของเฮาเวิร์ดมาในรูปของบุคลาธิษฐานสามคน

บริจิตต์ (เฮเลน มิร์เรน) เป็น “ความตาย”

เอมี่ (เคียรา ไนต์ลีย์) เป็น “ความรัก”

และแรฟฟี่ (เจค็อบ แลติมอร์) เป็น “กาลเวลา”

15675912_1214516955283977_6295562174751093500_o

เล่าได้เพียงแค่นี้ละค่ะ ใครอยากรู้เรื่องที่เหลือก็คงต้องไปหาคำตอบเอาเอง

ถ้าถามว่าหนังน่าสนใจไหม ก็ต้องตอบว่าน่าสนใจมาก ตลกปนดราม่าเข้มข้น ดารดาษด้วยนักแสดงชั้นเยี่ยมระดับเกรดเอ โดยเฉพาะ เฮเลน มิร์เรน ซึ่งน่าจับตาเป็นพิเศษ

หนังพยายามเล่าแบบ “กั๊ก” คือค่อยๆ เผยไต๋ทีละเล็กทีละน้อย แล้วมาเฉลยในตอนท้าย เพื่อจะบอกว่า แม้แต่ความสูญเสียก็ยังให้ความหมายแก่ชีวิต ซึ่งเรียกว่าเป็น “ความงามข้างเคียง” ดังชื่อเรื่องว่า Collateral Beauty

เพื่อนรักทุกคนที่เกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตของเฮาเวิร์ดก็กำลังใช้ชีวิตที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง

วิต เพิ่งหย่าจากภรรยา และกำลังจะเสียสายสัมพันธ์อันดีกับลูกสาวคนเดียว

แคลร์สูญเสียโอกาสที่จะมีลูก เพื่อโอกาสในความก้าวหน้าของอาชีพการงาน

ไซมอน กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความตายและการจากพราก

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้เอง มีความสำเร็จ ความสุข ควบคู่ไปกับความทุกข์ ความสูญเสียและการพลัดพราก

แต่ก็ยังมี “ความงามข้างเคียง” อื่นๆ ให้รับรู้ และดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหมาย

สารของหนังก็น่าจะดีและอบอุ่นใจอยู่หรอกค่ะ เสียแต่เมื่อถึงที่สุดของเรื่องแล้ว มันดูแปร่งๆ ไม่ลงตัวอย่างไรพิกล

มนุษย์ตั้งคำถามให้จักรวาลตอบ แล้วจักรวาลก็เผอิญแคร์พอจะมาตอบคำถามให้เป็นการส่วนตัว!!

COLLATERAL BEAUTY
กำกับการแสดง

David Frankel

นำแสดง

Will Smith
Edward Norton
Kate Winslet
Michael Pena
Naomi Harris
Helen Mirren
Kiera Knightley
Jacob Latimore