ถามว่าอะไรคือเจตนาที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันกรณีการถือครอง หุ้นสื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากกกต.ไปยังศาลรัฐธรรม  นูญ กระทั่งนำไปสู่การยุติบทบาทในฐานะส.ส.

คำตอบไม่มีอะไรสลับซับซ้อน นั่นก็คือ ไม่ต้องการให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แสดงบทบาทผ่านเวทีรัฐสภา

ถามต่อไปว่าแล้วสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่

คำตอบก็คือ ในทางรูปแบบสำเร็จ นั่นก็คือ นายธนาธร จึงรุ่ง เรืองกิจ ไม่สามารถอยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ แม้ในวันที่ 5 มิถุนายนซึ่งเขาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

แต่ในทางเป็นจริงบทบาทของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและพรรคอนาคตใหม่ก็ยังโดดเด่นเป็นสง่า

ลักษณะ”กัมมันตะ”สำแดงผ่าน”กิจกรรม”อย่างคึกคัก

 

กล่าวสำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แทนที่เมื่อถูกยุติแล้วเขาจะยุติ นั่นก็คือ นอนอยู่กับบ้านรอคอยชะตากรรม

ตรงกันข้าม เขากลับเคลื่อนไหวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่จะเดินทางไปยังภูเก็ต พังงา สตูล หากแต่ยังตาม มาด้วยการเดินทางไปยังระยอง จันทบุรี ตราด เพื่อรวบรวมข้อมูล อันเกี่ยวกับประมง

ยิ่งกว่านั้น พรรคอนาคตใหม่ยังจัดกิจกรรมในแบบ Future is Now ด้วยความคึกคัก ไม่ว่าในภาคเหนือ ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้

ทีมงานโฆษกพรรค แม้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช จะประสบมรสุมสกัดกั้นรุนแรงแข็งกร้าวไม่แพ้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่การทำงานของทีมงานก็ยังเดินหน้า

เดินหน้าในเรื่อง สภาวอร์ส สไตรคแบ็ค เรื่อง 41 ส.ส.ถือครองหุ้นในลักษณะเดียวกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในห้วง 7 วันก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะแสดงท่าทีออกมา

สรุปได้ว่า พรรคอนาคตใหม่เคลือนไหวยิ่งกว่า 24 ชั่วโมง

 

บทบาทที่มีอย่างต่อเนื่องของพรรคอนาคตใหม่นับแต่หลังวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นมา สะท้อนให้เห็นลักษณะที่สะสมลักษณะและความเป็นสถาบันอย่างเด่นชัดขึ้น

เป้าหมายยังเป็นการมุ่งมั่น”ปักธงความคิด”

สัมผัสได้จากการไม่เคยหยุดนิ่งแม้แต่วันเดียวในการเคลื่อนไหว

สัมผัสได้จากบทบาท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ