วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร /คลื่นลูกใหม่ คลื่นลูกเดิม (195)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

คลื่นลูกใหม่ คลื่นลูกเดิม (195)

 

การชุมนุมที่ฮั้วซัวครั้งใหม่มิได้เป็นการชุมนุมประลองพลังฝีมือเพื่อชิงตำแหน่งที่ 1 แห่งยุทธจักร ตรงกันข้าม กลับเป็นการชุมนุมอย่างปรองดอง สมานฉันท์

เป็นการชุมนุมเพื่อไว้อาลัยและรำลึกความหลัง

เอี้ยก่วยบ่งชี้ตำแหน่งที่ฝังสังขารอั้งชิดกงกับอาวเอี้ยงฮง ก่อนหน้านี้ระหว่างอยู่เชิงเขาก็ซื้อหาผักและเนื้อไว้ล่วงหน้า

ดังนั้น ก่อไฟตั้งเตา ปรุงอาหารโปรดของอั้งชิดกง ทำการเซ่นไหว้บูชา

หลุมฝังศพอาวเอี้ยงฮงอยู่เรียงเคียงข้าง แม้ก๊วยเจ๋งกับอาวเอี้ยงฮงมีความแค้นลึกล้ำหวนนึกที่มันทำร้ายจูชง ฮั่งป้อกู่ 5 ผู้กล้าหาญด้วยอำมหิต มาตรแม้นล่วงเลยมาหลายสิบปีก็ยังเคียดแค้นไม่คลาย ตรงกันข้าม เอี้ยก่วยรำลึกถึงบุญคุณเก่าก่อนชักชวนเซียวเล้งนึ่งคุกเข่ากราบกราน

จิวแป๊ะทงเดินเข้ามาประสานมือคารวะ

“เฒ่าพิษร้ายเอยเฒ่าพิษร้าย ท่านตอนมีชีวิตก่อเวรสร้างกรรม หลังจากตายโครงกระดูกสังขารยังได้อยู่คู่กับขอทานเฒ่า มีแต่เด็กน้อยและเด็กหญิง 2 คนโขกศีรษะคำนับ ท่านในปรภพมีญาณรับรู้คงสำนึกเสียใจที่ตอนมีชีวิตโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไปกระมัง”

ถือได้ว่าคำไว้อาลัยอันมาจากปากของจิวแป๊ะทง ผู้ได้ชื่อว่า “เฒ่าทารก” แปลกใหม่ ทุกผู้คนรับฟังจนรู้สึกน่าหัวร่อ

 

ทั้งหมดนำถ้วยชาม ตะเกียบมา ขณะจะดื่มกินหน้าหลุม ทันใดที่หลังเขาก็ปรากฏลมหอบหนึ่งโชยพัดผ่าน ได้ยินเสียงปะทะด้วยอาวุธ เสียงตวาดว่าดังมา

เด่นชัดว่ามีคนสัประยุทธ์ต่อยตีกัน

จิวแป๊ะทงปราดไปยังต้นเสียง คนอื่นๆ ย่อมติดตามไป พอเลี้ยวโค้งของหุบเขา 2 หนก็เห็นบนลานหินแถบหนึ่งชุมนุมด้วยบุรุษ สตรี บรรพชิต ฆราวาส 30-40 คน ในมือทุกคนล้วนถืออาวุธ พวกเขาต่างส่งเสียงร่ำร้องวุ่นวาย

เห็นจิวแป๊ะทง ก๊วยเจ๋งและพวกมาถึงเข้าใจว่าเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป หาได้แยแสสนใจไม่ ชายร่างสูงใหญ่ปานเจดีย์เหล็กผู้หนึ่งกล่าวขึ้นด้วยเสียงดังกังวานว่า

“ทั้งหมดอย่าเพิ่งทุ่มเถียง ต่อยตีวุ่นวายไปไม่ได้ข้อยุติ ตำแหน่ง ‘ฝีมือที่ 1 แห่งแผ่นดิน’ นี้มิใช่ร่ำร้องตะโกนก้องแล้วได้ครอบครอง วันนี้นักสู้ผู้ห้าวหาญทุกสารทิศล้วนชุมนุมอยู่ที่นี้ทั้งหมด ไยไม่อาศัยหมัดเท้าเพลงอาวุธพิสูจน์ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกัน

ขอเพียงมีคนรักษาชัยชนะตลอดไปโดยไม่พ่ายแพ้ ที่หลงเหลือยอมรับนับถืออย่างจริงใจจะสนับสนุนเขามี ‘ฝีมือที่ 1 แห่งแผ่นดิน’ เอง”

นี่ย่อมทำให้นึกถึงการชุมนุมวิจารณ์กระบี่บนยอดเขาฮั้วซัวครั้งแรก

 

การชุมนุมครั้งนั้นก๊วยเจ๋งยังไม่ถือกำเนิด ในห้วงเวลานั้น ภูตบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ พิษประจิม อาวเอี้ยงฮง ขอทานอุดร อั้งชิดกง ราชันทักษิณ อิดเอ็งไต้ซือ กลางอิทธิฤทธิ์ เฮ้งเต็งเอี้ยง เพราะช่วงชิงคัมภีร์เก้าอิมหรือนพยม

นัดหมายประลองยุทธ์บนยอดเขาฮั้วซัว ผู้ที่มีฝีมือสูงล้ำได้ครอบครอง

สุดท้ายกลางอิทธิฤทธิ์ เฮ้งเต็งเอี้ยง มีฝีมือเหนือล้ำเหล่าผู้กล้า ได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือเป็น “ที่ 1 แห่งแผ่นดิน”

25 ปีให้หลัง เฮ้งเต็งเอี้ยงถึงแก่มรณภาพ

อึ้งเอี๊ยะซือและพวกทั้ง 4 นัดชุมนุมวิจารณ์กระบี่บนยอดเขาฮั้วซัวเป็นครั้งที่ 2 นอกจากภูตบูรพา พิษประจิม ขอทานอุดร ราชันทักษิณ ทั้ง 4 แล้ว ยังมีจิวแป๊ะทง ฮิ้วโชยยิ่มและก๊วยเจ๋งเข้าร่วม

แต่ละคนล้วนมีพลังฝีมือลึกล้ำ มีปมเด่นเฉพาะตัว คิดกำหนดว่ามีฝีมือ “ที่ 1 แห่งแผ่นดิน” ยากที่จะระบุได้ แต่หากวิจารณ์ตามพลังฝีมือในความเห็นและความโน้มเอียงของ “กิมย้ง” อาวเอี้ยงฮงที่กลายเป็นคลุ้มคลั่งฟั่นเฟือนคล้ายมีวิทยายุทธ์กล้าแข็งที่สุด

คิดไม่ถึงเหตุการณ์ล่วงเลยมาหลายสิบปีกลับมีมือดีชาวบู๊ลิ้มอีกขบวนหนึ่งนัดหมายชุมนุมวิจารณ์กระบี่บนยอดเขาเป็นครั้งที่ 3

สร้างความงุนงงสงสัยให้แก่อึ้งเอี๊ยะซือและพวกยิ่ง

 

ในบทสรุปของ “กิมย้ง” ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ บุคคลที่อยู่เบื้องหน้าไม่มีคนรู้จักแม้สักคนเดียว หรือตรงกับคำพังเพยที่ว่า

“ระลอกลูกหลังไล่คลื่นลูกแรก คนรุ่นใหม่ทดแทนชนรุ่นเก่า”

จริงละหรือ

ไม่เช่นนั้นหมายความว่า อึ้งเอี๊ยะซือ อิดเอ็งไต้ซือ จิวแป๊ะทง ก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ล้วนกลายเป็นกบน้อยก้นบ่อ หาล่วงรู้ไหมว่า เหนือฟ้ามีฟ้า เหนือคนมีคน

ไม่เพียงพวกเขาไม่รู้ หากจอมยุทธ์ที่มาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเป็นใคร