มุมมอง “ปู่พิชัย” ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ทำอย่างไรถึงไม่ตาย? จากใจ ถึง “ไอ้หลานชายอภิสิทธิ์” / ประยุทธ์และธนาธร

“ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เพราะว่าลาออกจากสมาชิกภาพมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ถึงแม้จะลาออกมาแล้วก็ตาม ความที่เป็นนักการเมืองครั้งแรกและก็เกษียณอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดเวลา ผมไม่ทราบว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้าง แต่มองในฐานะคนข้างนอก ในฐานะอดีตนักการเมืองคนหนึ่งมองดูแล้วผม “เป็นห่วงมาก” ความเป็นห่วงประชาธิปัตย์เป็นสิ่งที่ผมพูดมานานแล้ว จนกระทั่งได้เห็นว่าปรากฏการณ์การเลือกตั้งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนว่าพรรคประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ในกรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์ทำตัวเองไม่ดี ประพฤติ มีพฤติกรรมหลายอย่างที่ไม่ดี ทำให้คนกรุงเทพฯ เสียใจ น้อยใจ นำไปสู่การไม่ลงคะแนนให้”

นี่คือความเห็นของปู่พิชัย รัตตกุล วัย 94 ปี อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีมุมมองต่อ “บ้านหลังเก่า” ที่คุ้นเคย

การตัดสินใจของ ปชป.กับการเข้าร่วมกับ พปชร.

นายพิชัยมองว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าพรรคนี้ตั้งมาด้วยการสนับสนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รัฐประหารมาแล้วยังจะอยากเป็นต่อ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมให้มีการเลือกตั้งได้ก็เพราะว่าไม่สามารถทนกระแสความเป็นไปของโลก รวมถึงความต้องการของคนไทยได้

เพราะฉะนั้น เราต้องยอมรับความจริงว่าคนอยู่เบื้องหลังของรัฐบาลชุดใหม่นี้ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์

ซึ่งผมไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ดี เขาก็คงพยายามทำงาน และตอนนี้เรากำลังจะมีรัฐบาลใหม่แล้ว แต่ผมกลับเห็นข่าวความขัดแย้งกันในการต่อรองตำแหน่งใน ครม. ไม่ต้องไปไกล เอาแค่บรรยากาศตอนเลือกประธานสภาเราก็พอจะมองออกว่าอนาคตของสภาชุดนี้คงอยู่ได้ไม่นาน

ถ้าให้ผมวิเคราะห์การที่พรรคประชาธิปัตย์มารวมกับพรรคพลังประชารัฐนี้ ผมคิดว่าเขาคงคิดมาหนักมาก เพราะการมาร่วมงานครั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งมีภาพการรัฐประหาร ซึ่งสวนทางกับจุดยืน อันเป็นจุดยืนเดียวที่หนักแน่นของพรรคประชาธิปัตย์ในอดีต ที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ก่อตั้งมา

สมัยมีการเลือกตั้งใหม่ๆ คุณควง อภัยวงศ์ มีนโยบายชัดเจนว่าต่อต้านเผด็จการ สมัยอาจารย์เสนีย์ ปราโมช ก็ยืนยันในจุดยืนการต่อต้านเผด็จการ ถ้าเรายึดมั่นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจ

แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าเลือกทางนั้นก็ไม่มีผลงาน การร่วมกับ พปชร.นี้ ก็เท่ากับว่าเราลืมจุดยืนของเราไป หรือว่าจุดยืนของเราอ่อนแอลงไป เหตุการณ์นี้จึงทำให้ผมไม่สบายใจ เพราะเสียงของรัฐบาลก็เป็นเสียงปริ่มน้ำ แต่เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้วก็ต้องยอมรับ เพราะพรรคก็มีเสียงผู้แทนฯ เหลืออยู่ห้าสิบกว่าคน มันเป็นภาวะตัดสินใจลำบากเหมือนกัน

แต่จากข่าวทะเลาะกันเรื่องแบ่งกระทรวง ผมมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหลือเกินว่าทำไมนักการเมืองด้วยกัน เมื่อตกลงรับปากกันแล้ว ก็ควรจะรักษาคำพูด ถึงกระนั้น ผมมองว่าภายในพรรคพลังประชารัฐเองก็ขัดแย้งกันมาก ส่วนในพรรคประชาธิปัตย์เรื่องของตำแหน่งผมว่าไม่มี ไม่น่าจะมีปัญหา กลายเป็นว่าพรรคแกนนำเถียงกันมากจนอาจกระทบกระเทือนกับสิ่งที่รับปากกับคนอื่นไว้

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมไม่ทราบ แต่ในภายภาคหน้าหากเดินหน้าไปแบบนี้ในสภาพเช่นนี้ ในรัฐธรรมนูญกติกาแบบนี้ สภาชุดนี้ยังไงก็อยู่ไม่ทน ยุทธศาสตร์-ความหวังที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งเอาไว้ กลับกลายเป็นว่าคนหนึ่งต้องการไปทางซ้ายคนหนึ่งต้องการไปขวา อีกคนต้องการเดินไปข้างหน้า ทั้งที่สภาพรัฐบาลต้องมีความสามัคคีกัน

ทั้งหมดนี้จึงทำให้ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้คงอยู่ลำบาก อยู่ไม่ได้นาน แล้วก็ดีเหมือนกัน ก็จะได้เลือกตั้งใหม่ให้ประชาชนได้ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง ขอย้ำอีกครั้งว่าถ้าต้องการให้ประเทศเดินหน้าแบบไปไกล หากยังใช้กติกาแบบนี้คงลำบาก

ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งหน้า ก็เป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้น้อยไปกว่าครั้งนี้อีกแต่มันก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมรัฐบาลครั้งนี้ว่าจะได้กระทรวงไหน ซึ่งผมไม่ทราบ ถ้าเขาได้อยู่กระทรวงที่มีผลงานโชว์ ก็อาจจะพอช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ได้ แล้วภายในพรรคประชาธิปัตย์เองต้องมีความรักใคร่กันด้วย

ผมเชื่อว่าถ้าปรับปรุงได้ “ประชาธิปัตย์ก็จะไม่ตาย” ที่สำคัญอย่าปล่อยให้มีข่าวคราวที่ไม่ดีหรือข่าวทุจริต และพยายามอย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกับใครเขา ผมเชื่อว่าคนไทยก็จะเปลี่ยนใจกลับมาเชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์ได้

จาก “ปู่พิชัย” ถึง “ไอ้หลานชายอภิสิทธิ์”

ขณะที่อนาคตของ “ไอ้หลานชาย” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เรียกผมว่าลุง ผมมองหลานคนนี้ว่ามี Spirit ที่ดีในการแข่งขันตั้งแต่แรก ตั้งแต่ก่อนลงเลือกตั้งตำแหน่งการเป็นหัวหน้าพรรคกับหมอวรงค์ พอหลังเลือกตั้งก็ลาออก จนมาถึงเหตุการณ์ล่าสุดก็ลาออกจาก ส.ส. เท่ากับว่าคุณอภิสิทธิ์ยังยึดมั่นในจุดยืนของตัวเองที่ไม่เห็นด้วยกับการไปร่วมกับ พปชร.

การจะให้คุณอภิสิทธิ์ไปยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสิ่งที่ฝืนใจ ผมก็รู้สึกเสียดายคุณอภิสิทธิ์ เขาเป็นเด็กดีมีศักยภาพ และยังสามารถเป็นผู้นำของบ้านเมืองได้อีกในอนาคต อย่าเพิ่งไปหมดกำลังใจ อย่าท้อถอยไอ้หลานชาย ควรรักษาจุดยืนตัวเองไว้และเผยแพร่จุดยืนนี้ต่อไป

ทั้งนี้ ผมหวังว่า คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งเป็นคนดีและผมสนับสนุนการมารับไม้ต่อของคุณจุรินทร์ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

ผมเชื่อว่าคุณจุรินทร์สามารถนำพาพรรคได้

มุมมองต่ออนาคตใหม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”

เท่าที่ผมติดตามดูจากข่าว ผมคิดว่าเด็กคนนี้มีโอกาสที่ดีในอนาคต ทั้งมีสตางค์ มีความรู้ การปราศรัยใช้ได้ครบทุกอย่าง แต่ถ้าหากจะให้ผมให้คำแนะนำว่าอย่าท้อถอย ขณะนี้มีอุปสรรคอะไรอย่าท้อถอย ให้กัดฟันสู้ สักวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป

อีกประการหนึ่งที่ผมอยากแนะนำ คือคุณธนาธรจะต้องลดความรุนแรงในบางคำพูด หรือลดคำพูดที่กร้าวจนเกินไป ลองดูการพูดที่นิ่มนวลแบบคุณชวน หลีกภัย แบบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คุณธนาธรจะได้ไปได้ไกลกว่านี้ อยากให้ถ่อมตัวเข้าไว้ในเมื่อคนเริ่มรักเราแล้วให้รักษาความรักอันนี้เอาไว้เถิด โอกาสในวันข้างหน้าเรายังมี

ผมมองดูแล้วผมเป็นห่วงคุณธนาธร ไม่ว่าคนจะวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องต่างๆ ที่ไม่ดีที่ผมได้ยินมา ผมก็บอกว่าลองมองด้านดีเขาบ้างสิ คนเราจะให้ดีทุกอย่างมันคงเป็นไปไม่ได้ แค่ลองถ่อมตัวเล็กน้อยมีการพูดที่นิ่มนวลนิดหน่อย แต่ยังคงรักษาจุดยืนที่แข็งแรงมั่นคง เขาไปได้ไกล

ผมเองก็เป็นห่วงเขาว่าเขามีคดีความต่างๆ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตัดสินเร็วๆ นี้ ผมเป็นห่วง แล้วถ้าหากว่าศาลมีคำพิพากษาตัดสินมาในทางลบ ผมก็อยากจะแนะนำเขาว่าอย่าไปท้อถอย เรายังต้องการคนหนุ่มที่จะก้าวขึ้นมาเพื่อช่วยบ้านเมือง

คำแนะนำถึง “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ สมัย 2

ผมคงแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ลำบากเพราะไม่ได้รู้จักส่วนตัวท่าน เพียงแต่แนะนำเรื่องพฤติกรรมของท่าน ยิ่งเวลาออกทีวีคนดูกันเป็นล้านๆ คน พฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเปรียบเทียบกับ พล.อ.เปรม ต่างกันราวฟ้ากับดิน พล.อ.เปรมเป็นคนที่เจียมเนื้อเจียมตัวไม่แข็งกร้าว นิ่มนวล

จึงอยากขอให้ท่านนิ่มนวลลงมานิดหนึ่ง ให้ท่านลดความแข็งกร้าวลงมา สังเกตได้ว่า ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์เวลาผู้สื่อข่าวไปสัมภาษณ์ ไม่นิ่มนวลเลย ถ้าไม่อยากพูด ไม่อยากตอบ ก็เดินออกไปเลย

เหมือนอย่าง พล.อ.เปรมบอก กลับบ้านเถอะลูก คำพูดง่ายๆ แม้ พล.อ.เปรมรู้ในใจจะพูดอะไรแต่ไม่อยากพูด ผมอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างนี้ ไม่อยากพูดอะไร ต่อคำถามที่ผู้สื่อข่าวถาม ก็เพียงแต่บอกว่า ค่ำแล้ว กลับบ้านเถอะน้อง หรือไม่ก็บอกว่า วันนี้ผมเหนื่อย ขอตัวนะ

แต่ถ้ายังพูดด้วยอารมณ์และท่าทางไม่เหมาะ โดยเฉพาะคราวนี้เป็นนายกฯ ที่ไม่สามารถทำอะไรทุกอย่างได้ แล้วก็มีพรรคการเมืองหลายพรรคมาร่วมเป็นรัฐบาล จะทำตัวเหมือนอย่างเก่าไม่ได้ ต้องแก้ไขตรงนี้ เรียนด้วยความเคารพ หวังดีจริงๆ อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ และท่านต้องเลือกใช้คนให้เป็นเหมาะกับงานด้วย

ปู่พิชัยทิ้งท้าย

ติดตามคลิปสัมภาษณ์พิเศษ ปู่พิชัย วัย94 เต็มๆได้ที่